สวัสดีค่ะท่านผู้อ่าน ในช่วงที่มีไวรัส โควิด-19 ระบาดแบบนี้ทำให้เศรษฐกิจตกต่ำ ผู้คนใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก ดังนั้นดิฉันจึงอยากจะแนะนำภาพยนต์เรื่องหนึ่งที่มีชื่อเรื่องว่า" The Pursuit of Happyness "เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สร้างมาจากเค้าโครงชีวิตจริงของ คริสโตเฟอร์ การ์ดเนอร์ เศรษฐีชาวอเมริกันผิวสีเงินล้าน ที่ช่วงชีวิตหนึ่งของเขานั้นเคยมีชีวิตที่ตกต่ำถึงขีดสุดจนกลายเป็นคนไร้บ้าน ดิฉันจึงอยากมาแนะนำภาพยนตร์เรื่องนี้ให้ทุกท่านได้ติดตามเพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตและเติมพลังบวกให้กับชีวิตกันค่ะ ในภาพยนตร์เรื่องเริ่มต้นในปี 1981 คริสโตเฟอร์ การ์ดเนอร์ (รับบทโดย วิลล์ สมิธ ) หนุ่มในมหานครซานฟรานซิสโก มีภรรยาชื่อ ลินดา (รับบทโดย แธนดี้ นิวตัน)และมีลูกชาย คริสโตเฟอร์ จูเนียร์ (รับบทโดย เจเด็น สมิธ) คริสเป็นเซลล์ขายเครื่องสแกนกระดูกแบบพกพา เขาเอาเงินที่ทั้งหมดที่มีลงทุนซื้อเครื่องสแกนกระดูกแบบพกพาเพื่อหวังขายให้ได้กำไร โดยเขาได้นำเครื่องไปเสนอของขายให้พวกแพทย์และรพ.หลายแห่ง แต่ไม่มีที่ไหนรับซื้อเพราะเครื่องของเขานั้นมันชัดกว่าเครื่องสแกนกระดูกของที่พวกแพทย์หรือรพ.อื่นที่มีอยู่แล้วนิดหน่อยแต่แพงกว่าถึง2เท่า ชีวิตของเขาและครอบครัวต้องอยู่อย่างลำบากเพราะเขาขายเครื่องสแกนกระดูกไม่ได้เลย และ ภรรยาของเขาก็ต้องแบกรับภาระค่าใช่จ่ายมากมาย แถมติดค่าเช้าบ้าน ค่าภาษีสรรพากร ค่าเรียนลูก ปัญหามากมาย จึงทำให้เขาทะเลาะลินดาอยู่บ่อยๆ วันถัดมาระหว่างคริสที่เดินอยู่ริมถนนก็ได้เห็นพนักงานชายคนหนึ่งที่มีทั้งบุคลิกดี แต่งตัวดี มีรถสปอร์ต เขาจึงได้เดินเข้าไปถามว่าพนักงานชายคนนั้นทำงานอะไร พนักงานชายคนนั้นจึงตอบว่า ทำงานเป็นนายหน้าค้าหุ้นที่บริษัท โบรกเกอร์แห่งหนึ่ง มันเลยทำให้เเขาเกิดแรงบันดาลใจและไปสมัครงานที่บ.โบรกเกอร์แห่งนั้น แต่ในใบสมัคร มีเงื่อนไขว่า รับแค่20คน อบรม6เดือน และไม่มีเงินเดือนหรือเงินค่าเสียเวลาให้ มีคนเดียวเท่านั้นที่จะได้ทำงาน แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้ เขาทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่ ช่วงเวลานั้นเอง ลินดา ภรรยาของเขาก็ตัดสินใจไปนิวยอร์ก และทิ้งให้คริสดูแลลูก เพราะเชื่อว่าคริสดูแลลูกได้ดีกว่าเธอ หลังจากนั้นคริสกับลูกก็ตัวติดกันตลอดและได้ย้ายที่อยู่ใหม่โดยการช่วยเหลือของเพื่อน ช่วงเวลาถัดมาเขาได้รับการฝึกอบรม 6เดือน และมีอุปสรรคมากมายมาทดสอบชีวิตของเขา ทั้งเรื่องไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าห้องเลย ทำให้เขากับลูกต้องไปนอนในห้องน้ำสาธารณะกับลูก นอนบนรถสาธารณะ ต่อคิวเผื่อเอาห้องพักฟรี ไปโบสถ์เผื่อเอาอาหารฟรี ปกติคนอื่นทำงาน9ชม.แต่คริสผู้ซึ่งมีลูกและต้องเลี้ยงลูก เขาจึงมีเวลาทำงานได้แค่6ชม. ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะไม่พักในเวลาพักทำงานและไม่กินน้ำเลยเผื่อจะได้ไม่ต้องเข้าห้องน้ำ ซึ่งการเข้าห้องน้ำจะเสียเวลาในการหาลูกค้า คริสทำแบบนี้มาเป็นระยะเวลา 2 เดือน แต่ทำถึงขนาดนี้แล้วเขาก็หาลูกไม่ได้ หลายเดือนต่อมาด้วยความพยายามหาลูกค้าและตั้งใจทำงานเลยทำให้มีลูกค้าสนใจเยอะขึ้นและความตั้งใจในการศึกษาเรื่องโบรกเกอร์อย่างอุตสาหะ จึงทำให้เขาได้งานในที่สุดเพราะความอดทนที่เขาพยายามมา 6 เดือนมันสำเร็จแล้ว หลังจากที่เขาทำงานบริษัทโบรกเกอร์มาหลายปี เขาจึงได้ลาออกจากบริษัทโบรกเกอร์แห่งนั้นและเปิดบริษัทโบรกเกอร์เป็นของตัวเอง ภาพยนตร์เรื่องนี้ถือเป็นแรงบรรดาลใจอีกเรื่องหนึ่งที่ชื่นชอบ ทำให้รู้ว่าการจะประสบความสำเร็จในชีวิตสำหรับบางคนนั้นมันไม่ใช่ได้มาง่ายๆเลย ต้องมีความพยายามอย่างถึงที่สุดกว่าจะได้ความสำเร็จนั้นมา เมื่อคุณท้อแท้กับชีวิตอยากให้คุณได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้ค่ะ เป็นกำลังใจให้ทุกคนนะค่ะ ขอขอบคุณภาพปกและภาพประกอบจาก*** ช่องยูปทูป YouTube Movies ***