รีวิวหนัง "Bridget Jones: Mad About the Boy" มหกรรมรวมญาติฉบับเติบโตมาด้วยกันของแทร่

ก็ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่าหนังโรแมนติกระดับตำนานกับความสัมพันธ์ของหญิงสาวชาวอังกฤษเรื่องนี้จะกลายเป็นแฟรนไชส์หนังรักที่สร้างออกมาต่อเนื่อง จนบัดนี้สู่ภาคที่ 4 แล้วใน "Bridget Jones: Mad About the Boy บริดเจ็ท โจนส์ หลงหนุ่มหนักมาก" ที่น่าจะเป็นการปิดฉากการเดินทางที่แสนยาวนานของสาวช่างฝันผู้นี้ และเสมือนเป็นการนัดรวมญาติในรอบทศวรรษที่ชวนคิดถึงและโหยหายอดีตที่เต็มไปด้วยความทรงจำ
บริดเจ็ท โจนส์ คนดีคนเดิมในวัยเลข 5 ที่ใช้ชีวิตเป็นแม่ม่ายและคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว โดยเธอยังห้อมล้อมไปด้วยผู้คนที่รักและหวังดีกับเธอ ไม่ว่าจะครอบครัว เพื่อนฝูงสนิท รวมทั้งอดีตคนเคยรัก อย่าง แดเนียล ที่ยังวนเวียนอยู่ในชีวิตเธอ เมื่อตั้งหลักได้เธอกลับมาทำงานอีกครั้ง ยุคสมัยที่เปลี่ยนไปทำให้เธอถูกชักจูงเข้าสู่สังคมของแอปพลิเคชันแก้เหงา กลายเป็นจุดเริ่มต้นแห่งความสัมพันธ์ที่เข้ามาพร้อม ๆ กัน 2 คนที่ล้วนแต่อายุน้อยกว่าเธอ คนหนึ่งเป็นคุณครูที่สอนลูกสาวเธอ กับอีกคนหล่อสุดฮอตแต่อายุแทบจะเป็นลูกชายของเธอได้
การกลับมาครั้งนี้ของบริดเจ็ท ถือว่าเป็นก้าวการเติบโตที่สำคัญของเธออีกเช่นกัน ก่อนหน้านี้ใน 3 ภาคที่ผ่านมา เส้นเรื่องค่อนข้างเป็นหนังรักจ๋า ๆ แต่มาถึงภาคล่าสุดนี้ค่อนข้างจริงจังขึ้น นำไปสู่เส้นทางการใช้ชีวิตของคนวัยกลางคนมากยิ่งขึ้น เป็นหนังรักผู้ใหญ่ที่เติบโตไปด้วยหน้าที่รับผิดชอบมากมาย ปล่อยช่วงเวลาไปกับการรับมือในสิ่งที่ไม่ใช่เพื่อตัวเอง ราวกับหลงมือการใช้ชีวิตของตัวเองไป ทำให้หนังเรื่องนี้มีโทนที่ค่อนข้างต่างไปจากเดิมพอประมาณ
ในขณะเดียวกัน สเกลหนังเรื่องนี้ดูค่อนข้างเล็กลงไปสักหน่อย อาจจะเป็นเพราะว่าหนังไม่ได้เข้าโรงฉายในอเมริกาที่เป็นตัวกำหนดกระแสหลักของหนังหลาย ๆ เรื่อง แต่หนังเองก็ทำการตลาดทั่วโลกด้วยการเข้าฉายโรงตามปกติ โดยภาคนี้ได้ "ไมเคิล มอร์ริส" ผู้กำกับซีรีส์ดัง ๆ อย่าง 13 Reasons Way และ Better Call Saul มารับหน้าที่ดูแลงานสร้าง นี่น่าจะเป็นผลงานสร้างหนังเรื่องแรก ๆ ในอาชีพของเขา ที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ายังต้องลับคมอยู่หลายจุด
แน่นอนว่า Bridget Jones: Mad About the Boy ค่อนข้างมีงานสร้างที่ทำออกมาได้ดีตามมาตรฐาน แต่มันก็เป็นแค่หนังรักบรรยากาศวิวเมืองใหญ่ทั่ว ๆ ไป แต่ก็ยังสะท้อนความเป็นลอนดอนเนอร์วัยกลางคนออกมาได้ชวนเหงาและโดดเดี่ยวได้ดี อีกทั้งอย่างน้อย ๆ หนังภาคนี้ก็แอบใส่อีสเตอร์เอ้กและกิมมิกเล็กน้อยที่ให้แฟนหนังเรื่องนี้ได้อิ่มเอมใจ ทั้งฉากและสถานที่ที่ถ้ามีพื้นฐานภาคก่อน ๆ ก็น่าจะดูได้ฟินสนุกยิ่งขึ้น
"แดน เมเซอร์" กับ "อาบิ มอร์แกน" รับหน้าที่ดัดแปลงเขียนบทหนังจากหนังสือของ "เฮเลน ฟิลดิง" ที่เธอเองก็มาช่วยเขียนบทในภาคนี้ร่วมด้วยเช่นกัน ต้องยอมรับว่าเป็นบทหนังบริดเจ็ท โจนส์ ที่ค่อนข้างใส่หัวใจและรายละเอียดได้แบบละเอียดยิบแบบที่ไม่ค่อยเห็นมาก่อน นั่นจึงเป็นเหตุผลที่หนังเรื่องนี้กินความยาวถึง 2 ชั่วโมงเต็ม แม้ว่ามันจะยังมีจุดที่ค่อนข้างย้วยและเกินจำเป็นไปอยู่บ้าง ไม่ค่อยกระชับสักเท่าไหร่ แต่หนังก็ยังใส่เสน่ห์ที่ควรจะมีของแฟรนไชส์หนังเรื่องนี้ได้อย่างครบถ้วน
ไฮไลต์เด็ดของ Bridget Jones: Mad About the Boy ก็คงจะหนีไม่พ้นทีมนักแสดงที่จัดมาใหญ่บึ้ม "เรเน เซลเวเกอร์" ได้กลายเป็นบริดเจ็ทในสายเลือดไปเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะสลัดภาพสลัดบทบาทนี้ออกไปทำงานแสดงชิ่นอื่น แต่กลับมาครั้งไหนเธอก็ยังสวมวิญญาณเป็นตัวละครนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งท่วงท่าอากัปกิริยา สำเนียงการพูด หรือรายละเอียดเล็กน้อยเกี่ยวกับคาแรกเตอร์นี้ที่เก็บได้ยิบย่อยอย่างน่าประทับใจ และไม่มีใครจะมาเป็นบริดเจ็ทแทนเธอคนนี้ได้เลย
ร่วมสมทบด้วยทีมนักแสดงใหม่และนักแสดงดั้งเดิมตั้งแต่ภาคแรก ไม่ว่าจะเป็น "ชูวิเท็ล เอจีโอฟอร์", "ลีโอ วูเดลล์", "ฮิวจ์ แกรนท์", "เอ็มมา ทอมป์สัน" หรือ "คอลิน เฟิร์ธ" ถือว่าเป็นทีมนักแสดงที่เซอร์วิสแฟนหนังชุดนี้ได้อย่างอิ่มเอมใจได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะใครที่ติดตามมาตั้งแต่เริ่มต้น หากได้มาดูภาคนี้อาจจะต้องมีน้ำตาซึมกับความมาไกลและผูกพันในตัวละครต่าง ๆ ในหนังเรื่องนี้ได้เป็นแน่แท้ เพราะนี่คือเสน่ห์ที่หนังเรื่องนี้ทำได้ถึงจริง ๆ
ในภาพรวมแล้ว Bridget Jones: Mad About the Boy อาจจะไม่ใช่หนังที่สมบูรณ์แบบอะไร เพราะความอมตะจริง ๆ ของหนังเรื่องนี้ได้สมบูรณ์แล้วในภาคแรก ส่วนภาคอื่น ๆ เป็นแค่เพียงส่วนต่อขยายชีวิตของผู้หฺญิงที่ชื่อบริดเจ็ทผู้นี้เท่านั้น โดยในภาคนี้น่าจะเป็นการเดินทางที่เต็มไปด้วยสีสันทิ้งทวนเป็นครั้งสุดท้ายของเธอแล้ว ความผูกพันและความคิดถึงจึงอบอวลไปทั่วทั้งเรื่อง หนังอาจจะไม่มีอะไรใหม่ มีจุดที่ยืดยานไปบ้าง แต่การได้เห็นทัพนักแสดงชุดใหญ่กลับมาอีกครั้งก็คือกำไรแล้ว
ไม่เพียงเท่านั้น นี่ยังกลายเป็นหนัง Bridget Jones ที่ค่อนข้างจริงจังมากกว่าภาคก่อน ๆ ซ้ำยังสอดแทรกประเด็นการใช้ชีวิตที่ใกล้ด้วยมนุษย์อย่างเรา ๆ ได้อย่างใกล้ชิดด้วย นับว่าเป็นหนังเรื่องนี้เป็นภาคที่ใส่ความเป็นมนุษย์ได้อย่างขันแข็งที่สุด เพราะทุกชีวิตล้วนมีรัก มีสุข มีทุกข์ และมีลาจาก ล้วนเป็นสัจธรรมแห่งชีวิตที่ถูกนำมาใส่เอาไว้ในหนังเรื่องนี้ได้อย่างถ่องแท้และเข้าถึงผู้ชมได้ค่อนข้างเหมาะเจาะพอดีในระดับนึง
และสุดท้าย...จงอย่าลืมใช้ชีวิต!
ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง: Bridget Jones: Mad About the Boy บริดเจ็ท โจนส์ หลงหนุ่มหนักมาก
- ประเภท: ตลก / โรแมนติก
- ผู้กำกับ: ไมเคิล มอร์ริส
- นำแสดงโดย: เรเน เซลเวเกอร์, ชูวิเท็ล เอจีโอฟอร์, ลีโอ วูเดลล์, ฮิวจ์ แกรนท์
- ความยาว: 124 นาที
- กำหนดฉายในไทย: 12 กุมภาพันธ์ 2025
Movie.TrueID METRIC: Bridget Jones: Mad About the Boy บริดเจ็ท โจนส์ หลงหนุ่มหนักมาก
- ภาพรวม
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰ (7.0/10) - การเล่าเรื่อง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰ (6.6/10) - การแสดง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰ (7.6/10) - เทคนิคงานสร้าง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰ (6.7/10) - บทภาพยนตร์
⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰ (6.3/10)
-------------------------------------
>> ดูหนังออนไลน์ได้ที่ Movie.TrueID <<
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับทรูไอดีสามารถเข้าไปได้ที่ TrueID Help Center เป็นช่องทางใหม่ที่ให้ข้อมูลและการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นเกี่ยวกับทรูไอดี คลิกเลย >> https://bit.ly/3xEgdAa