เคยมั้ยครับ ที่เวลาเราเปิดดูอนิเมะสักเรื่องแล้วรู้สึกว่า “อืม ภาพสวยนะ แต่เนื้อเรื่องก็คงเดิมๆ แหละ” นี่แหละคือสิ่งที่ผมคิดตอนเห็นโปสเตอร์ Demon Slayer ครั้งแรก ภาพมันดูอลังการเกินจนแอบคิดในใจว่ามันจะขายแค่ภาพหรือเปล่า แต่พอลองดูจริงๆ เท่านั้นแหละ…ความคิดเปลี่ยนไปเลยครับ มันไม่ใช่อนิเมะที่แค่ “สวย” แล้วจบ แต่มันคือเรื่องราวที่มีหัวใจ มีความเข้าใจในความเป็นมนุษย์ และที่สำคัญคือ มันสอนให้ผมเห็นว่าความอ่อนโยนในโลกโหดร้าย มันทรงพลังได้ขนาดไหน รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! เรื่องเริ่มต้นง่ายๆ ครับ เด็กหนุ่มขายถ่านชื่อ คามาโดะ ทันจิโร่ ออกไปหาของในเมือง พอกลับบ้านมาก็พบว่าครอบครัวโดนปีศาจฆ่ายกเว้นน้องสาว เนซึโกะ ที่รอดชีวิต…แต่กลายเป็นปีศาจไปซะงั้น ฟังดูเหมือนอนิเมะโชเน็นทั่วไปใช่มั้ยครับ? เด็กชายอยากแก้แค้น ปีศาจฆ่าครอบครัว กลายเป็นนักล่า แล้วก็เริ่มฝึกอะไรสักอย่าง แต่นี่แหละที่ผมคิดผิด เพราะเรื่องนี้มันไม่ได้แค่ไล่ฟาดปีศาจไปเรื่อยๆ แต่ใช้ “ความเข้าใจ” เป็นดาบอีกเล่มของตัวเอง ทันจิโร่เป็นตัวละครที่ผมรู้สึกชื่นชมมาก เพราะแม้จะผ่านเรื่องราวโหดร้ายแค่ไหน เขาก็ยังเลือกที่จะเข้าใจคนอื่น แม้กระทั่งปีศาจ บางครั้งหลังจากสู้กันจนตาย เขายังภาวนาให้ศัตรูไปสู่สุคติ ซึ่งในโลกของโชเน็นที่ส่วนใหญ่จะเน้น “ฮึบสู้อย่างเดียว” นี่คือสิ่งที่ผมว่าแตกต่างและแปลกใหม่มากจริงๆ ระบบขององค์กรนักล่าอสูรก็มีรายละเอียดน่าสนใจครับ คนที่อยากเป็นนักล่าอสูรต้องผ่านบททดสอบสุดโหดที่เรียกว่า Final Selection อยู่ในป่าที่เต็มไปด้วยปีศาจ 7 วัน ไม่มีอาหาร ไม่มีใครช่วย ถ้าไม่แข็งแกร่งจริงก็ไม่รอด แล้วพอผ่านเข้ามาได้ ทุกคนจะมีระดับยศที่เรียกว่า Mizunoto ไล่ขึ้นไปถึงระดับสูงสุดที่เรียกว่า Hashira หรือเสาหลัก ซึ่งแต่ละคนก็จะมีความสามารถเฉพาะตัว และมี “ลมหายใจ” หรือ Breathing Style เป็นศาสตร์การต่อสู้ที่เท่มากครับ เช่น ลมหายใจไฟ ลมหายใจสายฟ้า หรือของทันจิโร่เองคือ ลมหายใจน้ำ ซึ่งพอผสมกับแอนิเมชันของ ufotable แล้วคือสุดยอดมากจริงๆ สิ่งที่ผมชอบที่สุดคือ “ดาบนิจิริน” ดาบพิเศษที่เปลี่ยนสีตามผู้ใช้ และแต่ละสีมีความหมายของมัน เช่น สีดำที่เป็นของทันจิโร่ คือสีลึกลับที่บอกว่าอนาคตผู้ใช้ไม่แน่นอน คนส่วนใหญ่ที่ได้ดาบสีนี้จะไม่กลายเป็น Hashira ได้ง่ายๆ ซึ่งมันก็ยิ่งเพิ่มความน่าติดตามว่า ทันจิโร่จะฝ่าดวงชะตานั้นได้มั้ย นอกจากตัวละครหลักแล้ว เรื่องนี้ยังมีตัวละครรองที่น่าจดจำเยอะมาก โดยเฉพาะ อิโนะสุเกะ กับ เซนอิตสึ ที่สร้างสีสันและบาลานซ์อารมณ์ของเรื่องได้ดีมาก ตอนแรกผมเฉยๆ กับเซนอิตสึมากเลยครับ รู้สึกว่าเอะอะร้องไห้ตลอด แต่พอเห็นฉากที่เขาหลับแล้วใช้ “ลมหายใจสายฟ้า” ได้แบบเทพๆ นั่นแหละ ผมนี่เปลี่ยนความคิดไปเลย 180 องศา กลายเป็นว่ารอฉากเขาอยู่ตลอดเลย ฮ่าๆ อีกอย่างที่ต้องพูดถึงคือดนตรีประกอบครับ ไม่ว่าจะเป็นซาวด์ตอนฉากต่อสู้ หรือเพลงเปิดของ LiSA – Gurenge ที่ฮิตระเบิดระเบ้อ มันช่วยยกระดับอารมณ์ทุกฉากให้พีคขึ้นจริงๆ ผมจำได้ว่าดูตอนสุดท้ายของซีซั่นแรกในห้องเงียบๆ พอเพลงขึ้นตอนทันจิโร่สู้ ผมนี่ขนลุกเลย คือมันไม่ได้แค่ดูด้วยตา แต่มันสัมผัสได้ด้วยอารมณ์ สำหรับผม Demon Slayer เป็นมากกว่าสนามโชว์ภาพสวยหรือฉากต่อสู้เท่ๆ มันคือเรื่องราวของเด็กคนหนึ่งที่พยายามยึดมั่นในความดีแม้จะอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยปีศาจ มันคือการสะท้อนว่า บางครั้งความอ่อนโยนก็เป็นอาวุธที่ทรงพลังได้ไม่แพ้ดาบจริงๆ ผมจำได้ว่าดูตอนแรกๆ ด้วยความรู้สึกแบบ “ลองดูไปงั้นแหละ” แต่พอรู้ตัวอีกที ผมก็ตามดูยาวยัน Mugen Train และตามต่อ Entertainment District Arc แบบไม่มีหยุดพักเลยครับ ทุกตอนมีพลังบางอย่างที่ทำให้ผมไม่อยากหยุดดู และที่สำคัญคือ มันทำให้ผมได้ทบทวนตัวเองในหลายๆ เรื่องด้วย ทั้งเรื่องการไม่ยอมแพ้ การให้อภัย และการเข้าใจคนที่ต่างจากเรา ถ้าคุณยังลังเลอยู่ว่าจะดูดีไหม ผมว่าให้โอกาสสัก 2 ตอนครับ แล้วคุณจะเข้าใจเองว่า ทำไมเรื่องนี้ถึงไปไกลได้ขนาดนี้ทั้งในญี่ปุ่นและทั่วโลก รูปภาพปกทั้งหมดมาจาก x.com เจ้าของภาพ 鬼滅の刃公式 :|: ภาพปกที่ 1 | ภาพปกที่ 2 รูปภาพประกอบทั้งหมดมาจาก x.com เจ้าของภาพ 鬼滅の刃公式 :|: ภาพประกอบที่ 1 | ภาพประกอบที่ 2 | ภาพประกอบที่ 3 | ภาพประกอบที่ 4 เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !