ปล่อยใจให้เพลิดเพลินไปกับเสน่ห์แห่งเวทมนตร์และเสียงดนตรีใน The Sound of Magic หรือ Annarasumanara: โอม รักเอยจงมา มิวสิคัลซีรีส์จาก Netflix ที่ได้ จีชางอุค สวมบทเป็นนักมายากลสุดลึกลับ ผนึกกำลังร่วมกับนักแสดงดาวรุ่ง ชเวซองอึน และ ฮวังอินยอบ ถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตและการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่รายล้อมไปด้วยเหตุการณ์สุดมหัศจรรย์ ทั้งน่าประหลาดใจและอันตรายเกินกว่าที่ใครคาดคิดเรื่องย่อซีรีส์ The Sound of Magic (Annarasumanara: โอม รักเอยจงมา)เรื่องราวเปิดฉากขึ้นเมื่อ ยุนอาอี (รับบทโดย ชเวซองอึน) เด็กสาวมัธยมปลายที่ชีวิตกำลังอมทุกข์ถึงขีดสุด นอกจากพลัดพรากจากพ่อแม่แล้ว เธอยังต้องปากกัดตีนถีบหาเลี้ยงตัวเองและน้องสาวไปพร้อมกับการอดทนตั้งใจเรียนอย่างถึงที่สุด จนกระทั่งวันหนึ่งที่ดูเหมือนเป็นวันธรรมดา ยุนอาอีเลิกงานพาร์ทไทม์พร้อมรับค่าจ้างเป็นธนบัตร 50000 วอน ระหว่างเดินเท้ากลับบ้านเธอคิดคำนวณค่าใช้จ่ายประจำเดือนอย่างรอบคอบ ทว่าธนบัตรใบนั้นได้ปลิวหลุดจากมือไปตามสายลม ยุนอาอีวิ่งตามเงินค่าจ้างไปจนถึงสวนสนุกร้างบนภูเขา จนได้พบกับ รีอึล (รับบทโดย จีชางอุค) นักมายากลลึกลับผู้มนกับคำถามที่ว่า คุณเชื่อเรื่องเวทมนตร์รึเปล่า? และคาถาติดปาก อันนาราซูมานาราหลังจากวันนั้นรีอึลคอยช่วยเหลือยุนอาอีให้ก้าวผ่านอุปสรรคในชีวิตไปได้ทีละก้าว รวมทั้งเผยให้เห็นเวทมนตร์สุดมหัศจรรย์ผ่านการแสดงมายากลอันน่าทึ่ง ทั้งคู่ใกล้ชิดกันมากขึ้นจนเกิดข่าวลือในทางเสียหายจนทำให้ นาอิลดึง (รับบทโดย ฮวังอินยอบ) เพื่อนร่วมชั้นเรียนของยุนอาอีแอบติดตามเธอมายังสวนสนุกร้างเพื่อพิสูจน์ความจริง แต่การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความสัมพันธ์ดังกล่าวทำให้เขาได้ปลดปล่อยปมภายในใจของตนเอง ขณะเดียวกันยุนอาอีได้เผชิญกับเหตุการณ์อันตรายที่นำมาสู่การเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของนักมายากลรีอึล เรื่องราวจะยุ่งเหยิงขนาดไหนชวนไปพิสูจน์ด้วยตาตัวเองได้แล้ววันนี้ รีวิวซีรีส์ The Sound of Magic (Annarasumanara: โอม รักเอยจงมา)ถือเป็นละครเพลงแนวโรแมนติกแฟนตาซีเรื่องแรกของ Netflix ดัดแปลงจากเว็บตูนทาง Naver เรื่อง Annarasumanara โดย นักเขียนฮาอิลควอน สู่ฉบับไลฟ์แอ็กชันความยาว 6 ตอนโดย ผู้กำกับคิมซองยุน เจ้าของผลงานชื่อดังอย่าง Itaewon Class (2019) นั่งแท่นทำงานร่วมกับ นักเขียนบทคิมมินจอง สาวเก่งผู้เคยสร้างชื่อจากซีรีส์มากมายไม่ว่าจะเป็น Who Are You - School (2015) Moonlight Drawn by Clouds (2016) และ Imitation (2021) เรียกว่าทีมเบื้องหลังล้วนเป็นระดับมืออาชีพด้วยกันทั้งนั้น ส่วนเรื่องนี้จะมีความน่าสนใจขนาดไหนขออาสามารีวิวให้เช่นเคย เพลงดี แฟนตาซีจุใจ โปรดักชันยิ่งใหญ่สมราคาคงต้องพูดเรื่องงานสร้างกันเป็นอย่างแรก ขึ้นชื่อว่าเป็นมิวสิคัลซีรีส์แนวแฟนตาซีหากโปรดักชันห่วยเป็นอันจบเห่ แต่ข้อนี้ The Sound of Magic สอบผ่านฉลุย เป็นหมัดหนักที่ชกเข้าเป้าเต็มแรงเพื่อโกยความประทับใจ เปิดฉากด้วยแก๊งนักเรียนขับขานบทเพลงที่มีท่วงทำนองสนุกสนานเรียกเสียงปรบมือได้ตั้งแต่ไม่กี่นาทีแรก รวมทั้งการเนรมิตสวนสนุกร้างซึ่งเป็นสถานที่สำคัญของเรื่องออกมาได้น่าประทับใจ องค์ประกอบฉากที่ละเมียดละไมจึงสามารถส่งอารมณ์มาถึงคนดูทางหน้าจอ โดยเฉพาะเมื่อสวนสนุกที่ถูกทิ้งร้างมีชีวิตชีวาขึ้นมาด้วยเวทมนตร์และดนตรี งานซีจีที่จัดเต็มทำให้ร้องว้าวได้ไม่ยากเลยขณะที่ระหว่างทางมีบทเพลงแทรกอยู่ตลอดทุกอีพี ต้องยอมรับว่าเพลงที่มีเนื้อร้องเป็นภาษาเกาหลีอาจไม่เข้าถึงใจเท่าละครเพลงทางฝั่งตะวันตก แต่ท่วงทำนองที่ไพเราะสามารถนำพาเราให้คล้อยตามไปกับบรรยากาศของเรื่องได้แม้ไม่รู้ความหมายเลยก็ตาม น่าเสียดายสำหรับผู้ชมที่คุ้นเคยกับฉบับพากษ์ไทย เพราะเรื่องนี้พากษ์เฉพาะส่วนที่เป็นบทพูด ไม่ได้นำเพลงมาแปลงเนื้อร้องเป็นภาษาไทยเหมือนการ์ตูนแอนิเมชันที่เคยผ่านตา อรรถรสในการรับชมจึงอาจขาดหายไปบ้างแต่มั่นใจได้ว่าองค์ประกอบอื่นที่ตระการตาสามารถโอบอุ้มให้มีทุกคนมีความสุขได้ทุกครั้งที่เป็นซีนร้องเพลง เนื้อเรื่องเหมือนจะตื้นเขินแต่ล้ำลึกเกินความคาดหมายดูจากโปสเตอร์และตัวอย่างบางส่วนของ The Sound of Magic หลายคนคงคิดเหมือนกันว่าเรื่องนี้คงเป็นซีรีส์แฟนตาซีทั่วไปที่มุ่งขายงานโปรดักชันและชื่อชั้นของนักแสดงเป็นหลัก แต่เอาเข้าจริงแล้วต้องเปลี่ยนความคิดเพราะตลอดหกชั่วโมงกว่ามีปมปัญหาและประเด็นทางสังคมที่ซุกซ่อนเอาไว้มากมาย ทั้งตีแผ่ชีวิตของกลุ่มคนยากจนที่ยอมแลกศักดิ์ศรีอันน้อยนิดเพื่อเงินประทังชีวิต ลูกที่พลาดโอกาสตามหาความฝันที่แท้จริงเนื่องจากเป็นผลผลิตของครอบครัวที่คร่ำเคร่งในเส้นทางที่วางไว้ให้โดยอัตโนมัติ เชื่อมโยงไปสู่อาชีพที่คนในสังคมมองว่าแปลกแยกจนขาดการยอมรับ ต้องชื่นชมทีมสร้างที่สามารถนำการ์ตูนมาดัดแปลงให้เข้ากับยุคสมัยจนกลายเป็นบทละครชั้นดีอีกหนึ่งเรื่องภายใต้หลักใหญ่ใจความอย่าง การเป็นผู้ใหญ่ ประเด็นทางสังคมที่ถูกร้อยเรียงเป็นปมของแต่ละตัวละครจึงส่งเสริมให้นักแสดงนำทั้ง จีชางอุค ชเวซองอึน และ ฮวังอินยอบ สามารถแสดงศักยภาพออกมาจนสุดขีดความสามารถ นอกจากพาร์ทที่ต้องร้องเพลงซึ่งถือว่าแปลกใหม่แล้วยังต้องปล่อยของในพาร์ทดราม่าและโรแมนติกตามเส้นเรื่องที่วางไว้ แม้พวกเขาสามารถทำได้ดีตามที่คาดไว้ แต่เมื่อทักษะการแสดงระดับมืออาชีพมาผนวกรวมเนื้อหาสาระที่ค่อนข้างสมบูรณ์แบบแล้ว จึงไม่ต้องสงสัยอีกต่อไปว่าทำไมจึงเชียร์ให้ทุกคนไปดูเรื่องนี้ ปูเรื่องเอื่อยไปหน่อย ยังดีที่พลิกกลับมาอร่อยในช่วงท้ายดูเหมือนว่า The Sound of Magic สามารถสร้างมาตรฐานได้ดีเกือบทุกด้าน ยกเว้นการดำเนินเรื่องในช่วงโค้งแรกที่ค่อนข้างเฉื่อยจนเกือบหาว ซีรีส์มีจำนวนหกตอนแต่กว่าจะเข้าแก่นสารสำคัญก็ปาไปช่วงท้ายตอนที่สี่แล้ว เสียเวลาไปกับการปูเรื่องราวและปมของตัวละครชนิดพายเรือวนในอ่างไม่ไปไหนอยู่นานพอสมควร แม้จะมีความตื่นตาตื่นใจจากฉากแฟนตาซีและบรรดาบทเพลงที่คอยบิลด์อารมณ์อยู่ตลอด หากแต่ความดราม่าที่ใส่มาในช่วงแรกนั้นเยอะเกินไปจนกลบรสชาติอื่นไปพอสมควร รวมทั้งตัวร้ายที่บุคลิกลีบแบนขาดมิติพร้อมทั้งการกระทำไร้ความสมเหตุสมผลยังเพิ่มความน่ารำคาญเข้ามาไม่น้อย จุดนี้จึงเป็นปัญหาใหญ่ที่ใครไม่อินอาจเทไปเสียก่อนทว่าความตื่นเต้นเร้าใจได้กลับมาอีกครั้งในช่วงท้ายซึ่งพูดถึงคดีคนหายและเชื่อมโยงไปสู่ตัวตนที่แท้จริงของนักมายากลรีอึล รวมทั้งการคลี่คลายปมของตัวละครที่พลิกความคาดหมายอยู่ไม่น้อย หักมุมได้ถูกองศา ไต่ระดับความพีคไปถึงจุดไคลแมกซ์ได้ทันเวลาพอดีเป๊ะ อีกทั้งยังสามารถทำให้เข้าใจต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวทั้งหมด ส่งผลให้ฉากจบของซีรีส์สามารถเรียกความประทับใจได้จนถึงหยดสุดท้าย(YouTube: Netflix Thailand)The Sound of Magic (Annarasumanara: โอม รักเอยจงมา) จึงไม่ใช่ซีรีส์ที่มีดีเพียงความแฟนตาซี ยังร้อยเรียงปัญหาสังคมเพื่อสะท้อนกลิ่นอาย Coming-of-Age ออกมาอย่างลงตัว ผ่านบทเพลงที่ขับขานไปพร้อมกับงานภาพระดับพรีเมียม สนุกครบรสและขึ้นแท่นเป็นซีรีส์ที่ไม่ควรพลาดอีกเรื่องหนึ่ง ชวนทุกคนสัมผัสเส้นทางความฝัน เวทมนตร์ และเสียงดนตรีไปด้วยกันทั้ง 6 ตอน ความยาวตอนละประมาณ 70 นาที ทั้งฉบับพากษ์ไทยและบรรยายไทย สามารถรับชมได้แล้ววันนี้ทาง Netflix ผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน เว็บไซต์ รวมทั้งผ่านกล่อง TrueID TV ได้ด้วยเช่นกันรูปภาพประกอบบทความจาก Official Twitter: @NetflixKRภาพหน้าปก | ภาพประกอบที่ 1 | ภาพประกอบที่ 2 | ภาพประกอบที่ 3 | ภาพประกอบที่ 4 | ภาพประกอบที่ 5 | ภาพประกอบที่ 6บทความแนะนำจากผู้เขียน- รีวิวซีรีส์ From Now on, Showtime! พัคแฮจิน นักมายากลเจ้าเสน่ห์ชวนไขคดีฆาตกรรมลึกลับไปกับแก๊งคุณผี- รีวิวซีรีส์ Bloody Heart (2022) ศึกชิงบัลลังก์อันยิ่งใหญ่และหัวใจเปื้อนเลือดของ อีจุน x คังฮันนา- รีวิว Shooting Stars 2022 ซีรีส์โรแมนติกคอมเมดี้จาก อีซองคยอง x คิมยองแด รักวุ่นวายของสาวพีอาร์กับซุปตาร์ตัวท็อปจะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !