Movie Review Sikandar Ka Muqaddar (2024) ชะตาข้าลิขิต ลับ ลวง พรางตาท้าทายให้เชื่อหรือไม่เชื่อ อีกครั้งที่หนังอินเดียมาเหนือชั้นอย่างร้ายกาจที่อาจไปถึงคำว่าสมบูรณ์แบบถ้าไม่ใช่ว่า... รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! เมื่อไม่นานที่ผ่านมากระแสหนังอินเดียพุ่งทะลุขึ้นสูงอยู่ช่วงหนึ่งทำให้มีการพูดถึงหรือถามไถ่หาหนังอินเดียที่น่าดูกันอย่างมากมายในวงกว้าง นั่นเพราะการมาของระบบสตรีมมิ่งนี่ล่ะที่ทำให้หนังอินเดียหรือแม้กระทั่งจากที่อื่นๆมีโอกาสได้ผ่านตาคนดูบ้านเรามากขึ้นทำให้บางครั้งเมื่อเจอหนังคุณภาพระดับที่ทำถึงด้านความบันเทิงก็เลยโดนใจคนดู ซึ่งสำหรับผู้เขียนเองความจริงอาจไม่ถึงกับดูหนังอินเดียอย่างบ้าคลั่งหรือดูแต่หนังอินเดียแต่ก็ดูประจำอยู่เรื่อยๆถ้ามีงานที่น่าสนใจก็พอสังเกตได้ว่าหนังอินเดียที่คนดูบ้านเราสมัยนี้ถูกใจมักจะมาจากบทหนังที่ดีเป็นปฐม เพราะถ้าลองอ่านจากกระแสดูตอนนั้นมักจะแนะนำกันปากต่อปากถึงหนังอินเดียที่มีความลึกล้ำล้ำเลิศทางการเขียนบทที่ซับซ้อนพลิกผันคาดเดาไม่ออก หรือเรียกง่ายๆว่าคนดูรุ่นใหม่ในบ้านเราชอบหนังที่เหนือชั้นหักมุมซึ่งความจริงแม้อินเดียจะมีหนังที่แย่ๆจนเป็นที่ล้อเลียนบ้างแต่หนังเหนือๆก็มีเยอะโดยเฉพาะหนังอินเดียยุคใหม่ที่ไม่ร้องเล่นเต้นระบำอีกต่อไปแล้วและแล้วหนังเรื่องนี้ก็มาตอกย้ำความเหนือชั้นนั้นอีกครั้ง ปี 2009 เหตุการณ์ปล้นเพชรมูลค่ามหาศาลในงานนิทรรศการอัญมณีเกิดขึ้นที่เมืองมุมไบ (บอมเบย์) แต่โจรที่ตั้งใจมาปล้นโดนวิสามัญฆาตกรรมเหี้ยนเพชรไม่ถูกปล้น ทว่าหลังจากจบเหตุการณ์ชุลมุนเพชรก็ยังหายไปอยู่ดีเจ้าหน้าที่สืบสวนมือหนึ่งซึ่งสถิติการปิดคดีร้อยเปอร์เซ็นต์อย่าง Jaswinder Singh (Jimmy Sheirgill) จึงถูกตามตัวให้มาสืบสวนคนที่อยู่ในเหตุการณ์ และแล้วความซวยก็มาเยือนสามผู้ต้องสงสัยคือสองพนักร้านร้านเพชรที่หายไป Mangesh Desai (Rajeev Mehta) กับ Kamini Singh (Tamannaah Bhatia) และ Sikandar Sharma (Avinash Tiwary) คนวางระบบไอทีที่ไปอยู่ผิดที่ผิดเวลา แต่ไม่ว่าจะค้นตัวหรือทุบตีทรมานยังไงก็ไม่พบว่าทั้งสามผู้ถูกกล่าวหาเป็นคนขโมยเพชรไปแต่เจ้าหน้าที่ Jaswinder ก็ยังดันทุรังกัดไม่ปล่อยทำให้ชีวิตของ Sikandar ต้องติดหล่มสูญเสียงานและไม่มีเงิน กระทั่งสิบห้าปีผ่านไปเจ้าหน้าที่ Jaswinder กลายเป็นชีวิตติดหล่มแทนส่วน Sikandar กลับมีชีวิตใหม่แล้วอะไรที่เกิดขึ้นระหว่างสิบห้าปีที่ผ่านไปและเพชรอยู่ที่ไหน ฉลาดเล่นฉลาดเล่าล่อหลอกปนล่อลวงทั้งสมองและอารมณ์แบบลับ ลวง พราง อย่างหนักแน่นถึงใจ ด้วยหน้าหนังที่เห็นปุ๊บก็คิดได้เลยว่านี่คือหนังดราม่าอาชญากรรมโจรกรรมเนี้ยบๆแน่นอนที่เปิดเรื่องมาอย่างขึงขัง ว่าด้วยตำรวจผู้เชื่อมั่นในสัญชาตญาณของตนเองและกัดไม่ปล่อยกับสามผู้ต้องสงสัยที่ใครสักคนหนึ่งจะต้องเป็นโจรอย่างแน่นอน แต่แล้วเมื่อเวลาผ่านไปกลับเริ่มไม่เชื่อแล้วว่าหนึ่งในสามหรือทั้งสามจะเป็นโจรขโมยเพชรเพราะผลักตำรวจให้ล้ำเส้นของความน่าชิงชัง จากนั้นก็เล่าถึงชะตากรรมที่น่าสงสารของเหยื่อของตำรวจที่ต้องพบกับชีวิตที่ล่มสลายทั้งที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ว่าผิดหรือถูกแล้วปรับมาเป็นงานดราม่าชะตาฟ้าลิขิตเข้าเต็มตัว ทว่านั่นคือการท้าทายความเชื่อของคนดูว่าจะเชื่อในสิ่งที่เห็นหรือไม่เพราะดูๆไปก็เหมือนบทมีช่องโหว่ไม่น้อยซึ่งมันคือความลับ ลวง และพรางเพราะช่องโหว่เหล่านั้นจะพาไปยังจุดที่ไม่มีใครคาดถึงอย่างแน่นหนาและหนักแน่นเหลือเชื่อ แต่ก็มาจากการที่คนดูเลือกที่จะเชื่อหรือไม่เชื่อด้วยหัวใจตนเองทั้งนั้น เปิดหัวด้วยความสงสัยพาไปยังความสงสารผลักหัวใจให้ไปสุดทางก่อนหักหลังอย่างโหดเหี้ยม หนึ่งตำรวจสามผู้ต้องสงสัยที่จะเป็นหนึ่งโจรขโมยเพชรหรือไม่ไม่มีใครรู้นี่คือจุดเริ่มต้นที่น่าสงสัยทำให้มีทั้งพลังดึงดูดและเร้าใจถึงอารมณ์ หลังจากนั้นเมื่อสงสัยแล้วก็พาไปยังความสงสารเห็นใจเพราะเหมือนกับผู้ต้องสงสัยคนหนึ่งถูกกระทำโดยความเชื่อมั่นของตำรวจอย่างอยุติธรรม สิ่งนั้นคือการทำลายชีวิตคนธรรมดาคนหนึ่งให้มอดไหม้ไปเพราะความดันทุรังและปักใจในสิ่งที่ตัวเองพิสูจน์ไม่ได้ สิ่งที่ตามมาคือการผลักหัวใจคนดูไปสุดทางเพราะคนดูเชื่อมั่นในบางอย่างซึ่งถึงจุดนี้หนังกลายร่างเป็นหนังดราม่าที่สะเทือนอารมณ์เต็มพิกัดความสงสารเห็นใจจึงหนักข้อทำให้ความอยากรู้บทสรุปของเรื่องราวว่าจะเป็นอย่างไรยิ่งเพิ่มสูงเพราะอดเอาใจชวยไม่ได้เพราะเลือกแล้วที่จะเชื่อ แต่หนังโจรกรรมก็มักจะเป็นเช่นนี้คือซ่อนความจริงไว้หลังความจริงและความจริงนั้นก็ช่างโหดเหี้ยมในการหยิบเอาหัวใจคนดูมาแล่เนื้อเถือหนังกับการพลิกจากหน้ามือเป็นหลังเท้าได้เนียนอย่างร้ายกาจ น่าเสียดายที่การแสดงยังไม่เฉียบขาดเท่าไหร่แต่ก็ซ่อนอะไรที่ควรซ่อนได้เพราะบทหนังยังค่อนข้างแน่นหนา ในส่วนของบทหนังเนียนใช่ได้ถ้าไม่ติดเรื่องคนธรรมดาที่สามารถคิดและวางแผนที่เหนือเมฆได้อย่างเหลือจะเชื่อหรือการทิ้งตัวละครบางคนไปอย่างไม่ใยดีนอกนั้นไม่มีอะไรให้ติ แต่น่าเสียดายที่สองผู้เล่นหลักให้การแสดงที่แข็งไม่เนียนตาเหมือนว่าพยายามจะเป็นทั้ง Jimmy Sheirgill ในบทตำรวจจอมดันทุรังกับ Avinash Tiwary เหยื่อการสืบสวนผู้โชคร้าย ซึ่งมันทำให้ดูไม่เนียนมีริ้วรอยการเปลี่ยนผ่านทางอารมณ์ความรู้สึกแต่โชคดีที่บทหนังซ่อนสิ่งที่ควรซ่อนไว้มิดชิดพอ ทำให้การแสดงที่ดูเหมือนจะทั้งขาดและเกินในแต่ละช่วงเวลาของสองคนสองคมที่ต้องมาหักเหลี่ยมกันไม่ได้เผยอะไรออกมาก่อนเวลาอันควร ส่วนที่ต้องชื่นชมคือ Tamannaah Bhatia ที่เป็นตัวแปรบางอย่างที่เธอซ่อนเร้นความในไว้หลังเสน่ห์ที่ต้องใจแถมด้วยมิติความไม่น่าไว้ใจเหมือนมีอะไรบางอย่างแต่ใช่หรือไม่ไปดูเอง หนังมาพร้อมเพลงประกอบที่เหมือนจงใจมาเร่งส่งจนล้นไม่ค่อยพอดี ไม่ใช่งานชวนลุ้นระทึกแต่เป็นความสงสัยให้ต้องค้นหาชวนติดตามอย่างใกล้ชิดจนจวนเจียนสมบูรณ์แบบถ้าไม่ใช่ว่า... เอาจริงหนังอาจไม่ใช่งานที่จะมาเพื่อลุ้นระทึกแต่มาเพื่อเป็นดราม่าเรียกร้องความเห็นใจเสียมากกว่าเพราถ้าว่ากันที่สถานการณ์ไม่ได้มีอะไรนอกเหนือไปจากหนังดราม่าสักเท่าไหร่ แต่ต้องไม่ลืมว่านี่คือหนังโจรกรรมสิ่งที่คนดูสนใจคือใครเป็นขโมยและมีการขโมยจริงหรือไม่หรือว่าตำรวจดันทุรังคิดไปเอง นั่นคือหนังตั้งอยู่บนความน่าสงสัยที่สร้างความน่าสนใจตลอดเวลาว่าอีกหนึ่งสถานการณ์ข้างหน้าจะเป็นอย่างไรซึ่งถ้าพินิจให้ละเอียดจะจับทางได้เพราะหลายอย่างมันดูลงตัวในจังหวะและเวลาจนเกินไป ทำให้เมื่อถึงจุดหนึ่งคนดูจะเลือกเองว่าจะยังเชื่อในสิ่งที่เชื่อมาตั้งแต่ต้นหรือไม่แล้วถ้าเลือกถูกหลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรยากเกินคาดเดา ทว่าการจะไปถึงจุดนั้นต่างหากที่ร้ายยิ่งกว่าร้ายด้วยการชี้นำเต็มประตูแถมยังมัดใจคนดูได้อย่างแน่นหนา ซึ่งเมื่อถึงบทสรุปที่เป็นมันควรเป็นหนังโจรกรรมที่สมบูรณ์แบบถ้าไม่ใช่ว่าฉากสุดท้ายจะมาเป็นแบบนี้ เฮ้อ... ดูไปบ่นไป ขอบคุณภาพประกอบ ภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2,3,4 / ภาพที่ 5,6,7 จาก Instagram netflix_in เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !