In My Memories: Designated Survivor: 60 Days 60 วันชี้ชะตา (2019)เข้มข้นพลิกผันสุดระทึก อาจไม่ล้ำเลิศไปกว่าของเก่า แต่มีดีในตัวระดับอีกหนึ่งการรีเมคที่ทรงคุณค่าเพราะดูไปบ่นไปชอบความเข้มข้นเชิงดราม่า ไม่ปฏิเสธว่าก็เริ่มต้นจากการดูละครหลังข่าวเหมือนคนทั่วไปแต่ไม่รู้ทำไมพออายุมากขึ้น ได้ดูหนังมากมายหลากหลายแนว หลายสัญชาติ ได้สัมผัสซีรีส์ต่างประเทศเยี่ยมๆแล้วพอกลับมาดูละครหลังข่าวแบบเดิมๆกลับรู้สึกว่ามันพร่องไปไม่ใช่ไม่สนุก แต่องค์ประกอบหลายอย่างมันไม่เนี้ยบเลยขาดแรงจูงใจจะดูจนเลิกดู อีกเหตุผลคือไม่มีเวลาติดตามดูเป็นรายสัปดาห์ถ้าจะดูต้องดูรวดเดียวหรือทีเดียวหลายๆตอนในเวลาก่อนนอน (แต่ตอนนี้กลายมาดูซีรีส์เกาหลีที่ออกอากาศสดตั้งสามสี่เรื่อง...ฮา) แต่การดูซีรีส์ก่อนนอนมักจะมีข้อเสียคือมันจะเผาเวลานอนไปด้วย เช่นเดียวกับซีรีส์ที่เล่าเรื่องราวของผู้ถูกกำหนดให้รอดชีวิตที่กลายเป็นปรากฎการณ์อดนอนกันทั้งบ้านตอนที่ดูตอนนั้นเรื่องราวของชายคนหนึ่งที่ต้องขึ้นมาเป็นผู้นำประเทศด้วยความไม่เต็มใจและจะนำพาประเทศไปได้อย่างไร เมื่อเกิดเหตุวินาศกรรมรัฐสภาของเกาหลีในวันแถลงนโยบายของประธานาธิบดี และทุกคนที่อยู่ในนั้นรวมทั้งคณะรัฐมนตรีทั้งคณะเสียชีวิตในเหตุการณ์นั้น แต่ทำเนียบซองวาแดจะต้องมีผู้นำเพื่อนำพาประเทศให้พ้นวิกฤติ เมื่อไล่เรียงแล้วเหลือรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมพัคมูจิน (จีจินฮี) เพียงคนเดียวที่จะขึ้นเป็นประธานาธิบดี พัคมูจินที่เป็นนักวิชาการแม้จะไม่เต็มใจแต่ก็ต้องรับหน้าที่นี้ไว้พร้อมการประคับประคองของทีมเลขาทำเนียบคือหัวหน้าทีมฮันจูซุง (ฮอจุนโฮ) เลขาชายองจิน (ซนซุกกู) และเลขาชเวยุนยอง (จุงซูจุง) ที่ติดตามมาจากเมื่อพัคมูจินเป็นรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมเพื่อประคองประเทศเกาหลีไปสู่การเลือกตั้งประธานาธิบดีภายในหกสิบวัน หกสิบวันของพัคมูจินที่ต้องเจอเกมการแก่งแย่งในเส้นทางสู่ทำเนียบซองวาแด แล้วพัคมูจินที่ไม่แสวงหาอำนาจจะรับมือเช่นไร นี่คืองานรีเมคจากซีรีส์ชั้นเยี่ยมจากฝั่งอเมริกาชื่อเดียวกันในปี 2016 ที่เรื่องราวเป็นเส้นเรื่องเดียวจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเปรียบเทียบ แต่เมื่อชั่งน้ำหนักแล้วก็พบว่ามีดีคนละแบบ เรื่องราวเป็นเรื่องของคนที่ดูเหมือนมีศักยภาพน้อยที่สุดในการเป็นผู้นำประเทศแต่กลับได้รับตำแหน่งเพียงเพราะเป็นผู้รอดชีวิต เรื่องราวดราม่าเกมกลแห่งอำนาจเหนือทำเนียบผ่านคนที่อ่อนด้อย คนที่เป็นอาจารย์สอนหนังสือมาทั้งชีวิต แต่เขากลับมีดีกว่าคนที่อยู่ในวงการนี้ที่เป็นมืออาชีพตรงที่เขาเป็นคนดีทั้งการกระทำและจิตใจ แน่นอนว่าพล็อตหลักคือการฝ่ามรสุมการแย่งชิงที่โหมกระหน่ำเข้ามาใส่มือใหม่ที่ไม่ประสีประสา มีสถานการณ์บีบให้แก้ไขในทุกๆตอน มีเรื่องราวให้ลุ้นว่าเขาจะผ่านมันไปยังไงที่ทำได้อย่างถึงฟอร์มถึงใจบวกกับพล็อตรองที่ว่าด้วยเรื่องการสืบสวนเหตุวินาศกรรมที่ลึกลับสลับซับซ้อน ซ่อนเงื่อนเร้นปมได้อย่างสุดยอดทำให้เป็นความบันเทิงที่คุ้มค่า แต่ถ้าจะให้ฟันธงว่าเวอร์ชั่นไหนดีกว่าคงบอกไม่ได้เพราะมันมีดีคนละอย่าง ถ้ากับตัวเรื่องทางเกาหลีจะกระชับกว่าและมาตามแนวที่เกาหลีถนัดคือการซ่อนไว้ เมื่อจะเปิดเผยอะไรก็ใช้วิธีย้อนกลับไปอธิบาย แต่ทางอเมริกาเล่าเรื่องกันตรงๆไปเรื่อยๆแล้วเปิดเผยออกมาซึ่งก็สนุกกันคนละแบบ แต่ที่ต้นฉบับดูมีภาษีดีกว่าคือการเดินเรื่องที่ค่อยๆปล่อยเงื่อนปมทำให้ลุ้นระทึกในทุกการตัดสินใจและการแก้ไขปัญหาในแต่ละตอน ซึ่งมันคือความบันเทิงคนละแบบแต่ความบันเทิงก็คือความบันเทิงกับเรื่องราวที่พลิกผันไปมาอย่างสุดมันส์ ประเด็นที่ใส่เข้ามาก็สุดเข้ม แถมด้วยการปรับสถานการณ์จากประเทศผู้นำโลกมาเป็นวิกฤติการณ์ในคาบสมุทรเกาหลีได้อย่างเนียนดีเหลือเกินด้วยงานด้านบทที่เนี้ยบหาริ้วรอยไม่เจอทำให้ทุกความพลิกผันในทุกสถานการณ์ที่ถูกใส่มาเพื่อวัดใจ หรือพิสูจน์ภาวะผู้นำของประธานาธิบดีพัคมูจินออกมาอย่าสุดระทึกเร้าใจจนยากจะหยุดดูได้ พร้อมทั้งสถานการณ์และอารมณ์ไว้ใจใครไม่ได้สักคน ทุกคนเหมือนมีอะไรบางอย่างที่พ่วงกับเกมอำนาจ หรือมีจุดมุ่งหมายบางอย่างทุกคนยกเว้นพัคมูจินยิ่งทำให้อารมณ์คนดูเต็มไปด้วยความฉงนสงสัย แต่บทก็ฉลาดพอที่จะไม่ขมวดปมแน่นหรือมากเกินไปเมื่อเลือกใส่เรื่องราวย่อยให้ผู้นำที่ดูไร้ความสามารถได้ใช้หัวใจในการตัดสินใจที่จะทำหรือไม่ทำเรื่องบางอย่าง เพราะการตัดสินใจของผู้นำคือผลกระทบต่อประชาชนบางครั้งอาจต้องอาศัยหัวใจของผู้นำมากกว่าสมองของทีมที่ปรึกษา และส่วนนี้บททำได้อย่างยอดเยี่ยมจึงนำพามาซึ่งความเร้าในในเรื่องย่อยๆที่ไปพร้อมกับเรื่องหลักที่ว่าด้วยการสืบสวนหาผู้ก่อเหตุวินาศกรรมและส่วนสำคัญที่ทำให้เรื่องเดินหน้าไปได้อย่างทรงพลังจนอดลับอดนอน คือคนดูเทใจให้ประธานาธิบดีมือใหม่ใจเกินร้อยพัคมูจินไปทั้งร้อยของหัวใจ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าการแสดงของจีจินฮีคือตัวกำหนดมิติของเรื่องเพราะนี่คือเกมวัดใจในเรื่องของความหอมหวานของอำนาจที่ไม่ต่างจากสิ่งเสพติด แต่จีจินฮีแสดงให้เห็นถึงความเป็นคนดีที่เสมอต้นเสมอปลายไม่มีอะไรมาสั่นคลอนความดีของเขาได้แม้กระทั่งอำนาจในมือ เพราะจุดพลิกผันและจุดเปลี่ยนในทุกเรื่องราวทุกสถานการณ์จะมีเรื่องของความดีในใจมาเป็นกุญแจเสมอ และเมื่อบทเลือกให้มีความคลางแคลงสงสัยหรือมีความเกี่ยวพันกันไปทั่ว นักแสดงอย่าง ฮอจุนโฮ , ซนซุกกู , อีจุนฮยอก , แบจองอ๊ก , คังฮันนา หรือชเวยุนยองก็ทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยมเต็มร้อย ทำให้เมื่อถึงเวลาที่ทุกอย่างเปิดเผยคนดูก็ถึงกับเข็มขัดสั้น (คาดไม่ถึง) กันไป เพราะบทซ่อนไว้การแสดงของนักแสดงซ่อนได้เลยกลายเป็นความน่าจดจำและมันทำให้ซีรีส์ดราม่าเกมอำนาจฉบับรีเมคเรื่องนี้กลายเป็นงานดีที่คู่ควร แม้จะต่างกันที่บริบททางสังคม ศาสนา วัฒนธรรมความเชื่อในแบบตะวันตกกับตะวันออก แต่นั่นไม่ได้ทำให้คุณค่าของเรื่องราวนี้ด้อยค่าลงที่ชี้ให้เห็นว่า อำนาจอาจเป็นสิ่งที่ยากต้านทานที่จะเสาะแสวงหา แต่ถ้าอำนาจอยู่ในมือคนดีมิติของมันก็เปลี่ยนได้แม้จะเป็นแค่ในมายาคติก็ตาม เพราะในความเป็นจริงแล้วอำนาจอาจเป็นสิ่งเสพติดที่ร้ายแรงกว่าสิ่งเสพติดทั้งหมดที่มีในโลก และจะมีกี่คนที่ต้านทานมันได้อย่างพัคมูจินที่แสวงหาความเรียบง่ายในชีวิต จึงนับเป็นซีรีส์ดราม่าเกมอำนาจที่ซ้อนด้วยการสืบสวนสอบสวนสลับซับซ้อนพลิกผันหักมุมอย่างถึงใจ ด้วยรายละเอียดในแต่ละตอนจะทำให้คนดูลุ้นจนปิดทีวีไม่ลง และถ้าพัคมูจินในเรื่องคือผู้ถูกกำหนดให้รอดชีวิต การเลือกดูเรื่องนี้คงเป็นเหมือนผู้เขียนถูกกำหนดให้อดนอนเพราะสนุกจนลืมเวลาการันตีความเข้มข้นเร้าใจจนติดงอมแงมกันทั้งบ้านจนต้องประทับไว้ในความทรงจำโดย ดูไปบ่นไปNETFLIXขอบคุณภาพประกอบภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 / ภาพที่ 6 / ภาพที่ 7 / ภาพที่ 8 จาก Facebook tvN dramaภาพที่ 9 จาก Facebook Netflixเกาะติดซีรีส์เรื่องใหม่ ๆ ได้ที่ App TrueID โหลดฟรี !