[รีวิวซีรีส์] "เรื่องตลก 69 เดอะซีรีส์" 24 ปีที่ผ่านมา และห้องเบอร์ 6 ของตุ้มที่แทบไม่เคยเปลี่ยนไป
เรื่องย่อ: ตุ้ม หญิงสาวที่ถูกเลย์ออฟกะทันหัน ได้รับกล่องแห่งโชคชะตาที่มาวางผิดไว้หน้าห้องเธอ จนบังเกิดเป็นมหากาพย์ความตลกร้ายให้บันเทิงปนระทึก
‘เรื่องตลก 69’ (2542) อาจเป็นหนังที่ทำให้หลายคนจดจำ เป็นเอก รัตนเรือง ในฐานะผู้กำกับคลื่นลูกใหม่ของไทยได้ แม้ว่านี่จะเป็นผลงานหนังเรื่องที่ 2 ของเขาแล้วก็ตาม อาจด้วยเพราะหน้าหนังนั้นดูเข้าถึงง่ายขึ้นสำหรับตลาดหนังไทย และเป็นหนังที่ได้นางเอกละครชั้นนำของไทยในยุคนั้นอย่าง หมิว – ลลิตา ปัญโญภาส กลับมารับเล่นหนังอีกครั้งในรอบเกือบ 10 ปี ในบทบาท ตุ้ม หญิงสาวที่ถูกบริบทเศรษฐกิจยุคต้มยำกุ้งเล่นงานจนโชคชะตาเล่นตลกมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ตัวหนังมีลักษณะเป็นหนังตลกร้ายที่มีกลิ่นนัวร์และทำการตลาดง่ายกว่าหนังเปิดตัวอย่าง ‘ฝัน บ้า คาราโอเกะ’ (2540)
ผ่านมา 24 ปี เน็ตฟลิกซ์ก็ปลุกเรื่องราวขำขื่นของหญิงสาวอย่างตุ้มกลับมาอีกครั้งในรูปแบบซีรีส์จำนวน 6 ตอน โดยได้ผู้กำกับคนเดิมอย่าง เป็นเอก รัตนเรือง มาทำหน้าที่ถ่ายทอดเรื่องราวอีกครั้ง ในช่วงวัยที่เป็นเอกก็เติบโตขึ้นทั้งแง่การทำงานและการตกตะกอนความคิดต่อสังคมไทยที่เปลี่ยนไป และได้ตุ้มคนใหม่ที่มีดีกรีใกล้เคียงกับต้นฉบับอย่างนางเอกพันล้าน ใหม่ – ดาวิกา โฮร์เน่ มารับบทนำ
ซีรีส์วางฉากหลังอยู่ในช่วงหลังโควิด และตุ้มในคราวนี้ก็ทำงานอยู่บริษัทประกันภัยที่บาดเจ็บสาหัสจากแผนประกัน ‘เจอ จ่าย จบ’ จนต้องเลย์ออฟพนักงาน จากฟองสบู่เศรษฐกิจแตกในปี 2540 มาสู่วิกฤตเศรษฐกิจจากโรคระบาดในปี 2565 หลายอย่างในซีรีส์ได้รับการอัปเดตให้เป็นปัจจุบันขึ้น ทั้งคำพูดและบริบทในเรื่องที่แสดงถึงภาพสังคมการเมืองที่เปลี่ยนไป ม็อบเด็กถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในหมู่ตัวละครประกอบเป็นอาทิ
แต่สิ่งที่เป็นแก่นหลักของเนื้อหาและโชคชะตาของตัวละครแต่ละตัวก็แทบจะไม่ได้ต่างจากเดิมเลย ราวกับเป็นเอกยังคงมองว่าในฐานะคนธรรมดาหาเช้ากินค่ำตัวละครเหล่านี้ก็ยังไม่ได้มีชีวิตที่ดีไปกว่าเมื่อ 24 ปีก่อนเลย ยังโหยหาดิ้นรนอย่างไร้อำนาจและถูกกระทำย่ำยีจากคนรอบตัวเสมอ และความจงใจที่แทบจะไม่เปลี่ยนเหตุการณ์หรือบทสนทนาในเรื่องเลยก็เป็นความยอกย้อนยั่วล้อเสียดสีอย่างแยบยลที่สุด
เราเองก็แทบไร้พลังอำนาจไม่ต่างจากตุ้ม ที่ถูกเชิญออกจากงานด้วยการสุ่มคนโดยไม่สนประวัติการทำงานที่ดีเลิศของเธอ ถูกเพื่อนบ้านชายโรคจิตคุกคามทางสายตาและทางโทรศัพท์อย่างไม่ยี่หระละอายใจ ถูกตำรวจและแก๊งอันธพาลรุกล้ำห้องโดยไม่ต้องขออนุญาต และแม้แต่คนที่สถานะต้อยต่ำกว่าเธออย่างเพื่อนบ้านที่เป็นเด็กสาวว่างงานเกาะผู้ชายกินก็ยังแอบสอดรู้สอดเห็นในชีวิตส่วนตัวของเธอ และหลายเหตุการณ์รอบตัวเธอบางครั้งก็เกิดขึ้นอย่างไร้เหตุผลหรือบิดเบี้ยวสุด ๆ
สภาวะที่ชวนขำขื่นตลกร้ายนี้ซัดกระหน่ำให้ตุ้มค่อย ๆ เปลี่ยนไปจากหญิงสาวทั่วไปกลายเป็นคนที่ใจกระด้างและต้องเห็นแก่ตัวเพื่อไม่ให้ถูกเอาเปรียบในที่สุด
การปรับหนังเป็นซีรีส์รอบนี้ทำให้เป็นเอกสามารถสอดแทรกปรับปรุงเรื่องราวให้มีรายละเอียดมากขึ้น ใส่ตรรกะรองรับบางการกระทำของตัวละครได้ดีขึ้น หรือแม้แต่การเพิ่มฉากที่ไม่เคยมีมาก่อนในฉบับหนังได้อย่างสร้างสรรค์ อย่างฉากสารถีชุดขาวที่นำพาผู้คนไปหาคุณป้าชุดขาวที่ได้รับเกียรติจากเจ้าของรางวัลซีไรต์ วีรพร นิติประภา มาเป็นนักแสดงรับเชิญ ซึ่งทำให้บทสรุปของบางตัวละครเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็ยังสะท้อนผ่านการแสดงของใหม่ ดาวิกาที่จะซีเรียสและอยู่ในสภาวะกดดันพร้อมแตกกระจายตลอดเวลา เมื่อรวมกับความทุ่มเทของใหม่ในการคุมหุ่นให้ดูผอมโทรมเข้ากับบริบทของเรื่อง ทั้งหมดก็ส่งให้หนังดูเครียดและจริงจังขึ้นมาก จริงแล้วถ้าตัดพาร์ทของกลุ่มคนชุดขาวที่เซอร์เรียลกับการปั้นแคแรกเตอร์ให้ฉูดฉาดออกไป นี่คือหนังธริลเลอร์แบบฟิล์มนัวร์ที่แทบไม่มีจังหวะให้ได้อมยิ้มเลยทีเดียว
เห็นได้ชัดว่าแท้จริง ‘เรื่องตลก 69’ ของเป็นเอกนั้น หากมีทุนที่มากพอแบบไม่ต้องสนกำไรขาดทุนนัก ไม่ติดกรอบการเซ็นเซอร์ที่ชวนหงุดหงิด หรือมีเวลาให้อย่างท่วมท้นมันก็จะเป็นหนังความยาว 3 ชั่วโมงกว่า ที่ใส่ฉากโป๊เปลือย ความรุนแรง พัฒนาการตัวละครแบบซึมลึก มีความดาร์กและเซอร์เรียลกลมกลืนกันเหมือนอยากหัวเราะใส่โชคชะตาชีวิตของคนดูว่ามันก็ไม่ต่างจากตุ้มเลย อาจกล่าวว่าซีรีส์นี้คือเรื่องราวที่แท้จริงของตุ้มเมื่อ 24 ปีก่อนก็ว่าได้
นี่เป็นซีรีส์ที่คนที่ไม่เคยดูหนังมาก่อนน่าจะรู้สึกว่ามันเป็นซีรีส์ที่พยายามระบายความอัดอั้นของยุคสมัยได้อย่างเข้าถึงหัวจิตหัวใจ และมีคุณภาพที่สูงพร้อมกับความซับซ้อนในเรื่องราวที่สากลสมกับเป็นคอนเทนต์ลงเน็ตฟลิกซ์ แต่ก็มีความเชยแบบไทยที่ทำให้รสชาติมันไม่เหมือนใคร
และทิ้งคำถามที่น่าสนใจว่า เลข 6 กับ 9 ถึงจะค่าต่างกันแต่เมื่อผ่านการหมุนกลับหัววนไปมาก็ทำให้รู้ว่ามันแทบจะเป็นอักขระเดียวกัน ไม่ต่างจากตุ้มที่ไม่อาจหลุดรอดไปจากโชคชะตาเดิมใต้สังคมแบบนี้ไม่ว่าพลิกชีวิตขึ้นหรือลง ทว่าพลังของหนุ่มสาวที่ยังเข้มข้นอันถูกถ่ายทอดในจอโทรทัศน์ของซีรีส์ก็อาจกำลังผลักให้การเปลี่ยนแปลงไม่ใช่แค่กลับหัวไปแล้วก็กลับหัวมาที่เดิม พวกเขาอาจทำได้ดีกว่าตุ้มหรือเหมือนตุ้มนั้น ยังต้องรอกาลเวลาพิสูจน์ต่อไป
และขณะเดียวกันสำหรับคนที่เคยชอบฉบับหนัง แม้มันจะมีอะไรต่างจากเดิมน้อยมากแต่ก็น่าจะรู้สึกว่ามันพูดด้วยความรู้สึกของผู้สร้างที่หนักแน่นขึ้น ซึ่งคนดูอาจจะชอบหรือไม่ชอบก็ได้อยู่ที่ว่าเราชอบพาร์ตตลกหรือพาร์ตร้ายของหนังฉบับเดิมมากกว่า และก็พอถกเถียงกันได้ว่ามีบางตัวละครที่ทำได้ดีขึ้นมีบางตัวละครที่ดรอปลง หรือแม้แต่งานภาพของผู้กำกับภาพคู่ขวัญคนเดิมของเป็นเอกอย่าง ชาญกิจ ชำนิวิกัยพงศ์ นั้น ดูจะทำได้น่าประทับใจน้อยกว่าเดิมพอสมควรเมื่อเทียบฉากต่อฉาก แต่อย่างน้อยที่สุดก็ทำให้แฟนหนังได้ย้อนกลับไปในยุคที่หนังเป็นเอกเรียกได้ว่ากำลังท็อปฟอร์มมากที่สุดช่วงหนึ่งเลย