10 สุดยอดผู้ออกแบบฉากต่อสู้ในโลกภาพยนตร์ที่คุณควรรู้จัก
ไม่อาจปฎิเสธได้เลยว่าภาพยนตร์ที่ครองตลาดในโลกได้มากที่สุดคือหนังแอ็กชัน หรือที่คอหนังชาวไทยเรียกว่าหนังบู๊นั่นเอง เบื้องหลังของหนังที่ประสบความสำเร็จหนึ่งในนั้นต้องยกให้ผู้ออกแบบฉากต่อสู้ หรือผู้กำกับคิวบู๊ เพราะนอกจากจะต้องออกแบบการต่อสู้ให้สวยงามสมจริงแล้ว ยังต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของนักแสดงด้วย ซึ่งในฉากอันตรายหลาย ๆ ฉากก็จะให้นักแสดงแทนหรือสตั๊นแมนมาจัดการกับฉากเสี่ยงตายเหล่านั้น แต่ก็มีไม่น้อยที่นักแสดงมักจะขอเล่นฉากเหล่านั้นเองให้ได้มากที่สุดเพื่อความสมจริงของหนัง อย่างเช่นพ่อแสนดี คีอานู รีฟส์ (Keanu Reeves) ที่ขอเล่นฉากอันตรายโหด ๆ ผาดโผน ๆ เองให้ได้มากที่สุดในหนัง ‘John Wick: Chapter 4’ และแน่นอนว่านักแสดงผาดโผน หรือ สตั๊นแมนหลาย ๆ คนเมื่อได้ทำงานมานาน เก็บเลเวลในกองถ่ายจนถึงขั้น ก็จะพ่วงตำแหน่งออกแบบฉากการต่อสู้ในหนังด้วย และจากหนังดังหลาย ๆ เรื่องที่ผู้ออกแบบการต่อสู้ลงมาเล่นเองกำกับคิวเองก็ประสบความสำเร็จอย่างงดงามอย่างที่เราเห็นกัน และในวันนี้เราจะพาไปรู้จักกับ 10 สุดยอดผู้ออกแบบคิวบู๊ที่ในวงการต่างยอมรับในฝีมือ และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของหนังกันครับ
10. หยวน เหอ ผิง (Yuen Woo-ping)
บรมครูในวงการหนังฮ่องกง หยวน เหอ ผิง เริ่มเป็นที่รู้จักในฮอลลีวูดเมื่อได้โอกาสกำกับคิวบู๊ของ ‘Lethal Weapon 4’ และเกิดไปเข้าตาของพี่น้องวาโชว์สกี้ (The Wachowskis) ซึ่งสองพี่น้องจำเพาะเจาะจงมาว่าอยากจะให้เขาไปออกแบบคิวบู๊ให้กับหนัง ‘The Matrix’ และเมื่อหนังออกฉาย เขาก็กลายเป็นผู้ออกแบบคิวบู๊ที่เนื้อหอมที่สุดในฮอลลีวู้ดทันที ทำให้เขามีผลงานตามมามากมาย ยกตัวอย่างหนังที่เรารู้จักกันดีเช่น ‘Crouching Tiger, Hidden Dragon’, ‘Kill Bill: Volume 1’, ‘Kill Bill: Volume 2’, ‘Kung Fu Hustle’, ‘Unleashed’, ‘Fearless’ และ ‘Ip Man 3’ เป็นต้น
9. ดอนนี่ เยน (Donnie Yen)
ถ้าเอ่ยถึง อาจารย์ยิปมัน สุดยอดบรมครูมวยหย่งชุน อาจารย์คนแรกของยอดนักสู้บรู๊ซ ลี เราก็จะเห็นหน้าของเขาลอยขึ้นมาทันที ดอนนี่ เยน ทำงานเป็นสตั๊นแมนอยู่หลายปีก่อนจะมาแจ้งเกิดในหนังเรื่อง ไท้เก็ก (Drunken Tai Chi) ของสุดยอดผู้กำกับ หยวน เหอ ผิง ในปี 1984 โดยเขาได้รับโอกาสเป็นนักแสดงนำเป็นครั้งแรก และหนังก็ดังเปรี้ยงทำให้ชื่อเสียงของเขาเป็นที่รู้จักในวงกว้างทันที และเขาก็มาโด่งดังสุด ๆ กับบทอาจารย์ยิปมันในหนังทั้ง 4 ภาค และด้วยความสามารถอันล้นเหลือ เขาได้รับโอกาสในการออกแบบฉากต่อสู้ของหนังอีกหลาย ๆ เรื่องตามมาคือ ‘Once Upon a Time in China II’, ‘Iron Monkey’, ‘Hero’, ‘Enter the Fat Dragon’, ‘Blade II’, ‘Rogue One: A Star Wars Story’, ‘Mulan’ และ ‘John Wick: Chapter 4’
8. เจฟฟ์ อิมาดะ (Jeff Imada)
อดีตสตั๊นแมน และออกแบบฉากต่อสู้มากฝีมือคนหนึ่งในฮอลลีวู้ด ผ่านงานแสดงมาแล้วกว่า 100 เรื่อง เป็นผู้ควบคุมฉากต่อสู้ทั้งหมดใน ‘The Bourne Supremacy’ และ ‘The Bourne Ultimatum’ ของ แมตต์ เดมอน (Matt Damon) และที่น่าทึ่งคือเขาเริ่มการทำงานนี้ขณะเรียนอยู่มหาวิทยาลัย ผลงานดัง ๆ ที่เขาร่วมแสดง และออกแบบฉากต่อสู้มีมากมาย เช่น ‘Blade Runner’, ‘Rambo: First Blood Part 2’, ‘Lethal Weapon’, ‘Fight Club’, ‘The Book of Eli’, ‘Furious 7’ และอีกมากมายเกินจะสาธยายได้หมด ที่สำคัญคือเขาเป็นคนที่ จอห์น คาร์เพนเทอร์ (John Carpenter) บรมครูของหนังสยองขวัญ เรียกตัวมาร่วมงานแล้วกว่า 10 เรื่อง นับว่าฝีมือไม่ธรรมดาจริง ๆ
7. แบรด อัลเลน (Brad Allen)
นักแสดง และผู้ออกแบบฉากต่อสู้ชาวออสเตรเลียคนนี้คือสมาชิกในทีมของเฉินหลงคนแรกที่ไม่ใช่ชาวเอเชีย นับว่าเฮียเฉินจะต้องมองเห็นอะไรเด็ด ๆ ในตัวของเขาถึงยอมรับ และให้โอกาสมาร่วมทีมด้วย อัลเลนฝึกฝนวิทยายุทธมาตั้งแต่อายุเพียง 10 ขวบเท่านั้น เลยเชี่ยวชาญในศิลปะการต่อสู้หลายแขนงเป็นอย่างมาก เริ่มงานแสดงเรื่องแรกจาก ‘ไอ้หนุ่มหมัดเมา ภาค 3’ (Drunken Master III) ในปี 1994 และหลังจากได้ร่วมแสดงใน ‘Mr. Nice Guy’ และ ‘Who Am I’ เฮียเฉินถึงกับออกปากชวนมาร่วมทีมด้วยเลย จนเขาก็ได้รับตำแหน่งหัวหน้าทีมสตั๊นของเฮียเฉินในท้ายที่สุด น่าเสียดายที่เขาเสียชีวิตด้วยวัยเพียง 48 ปีเท่านั้นโดยการตายของเขานั้นถูกระบุว่า “เสียชีวิตจากการป่วยที่ไม่สามารถระบุโรคได้”
6. อิโก อูไวส์ (Iko Uwais)
นักแสดงสตั๊น และนักออกแบบฉากต่อสู้มากความสามารถจากอินโดนีเซีย ผู้ร่วมแสดง และออกแบบคิวบู๊ในหนัง ‘The Raid: Redemption’ และ ‘The Raid 2: Berandal’ ของ แกเร็ท อีแวนส์ (Gareth Evans) ในปี 2011-2014 ซึ่งการทำงานของเขาในครั้งนี้ได้ทำให้โลกได้รู้จัก “ปันจักสีลัต” ศิลปะการต่อสู้ประจำชาติของอินโดนีเซียขึ้นอย่างมากมายเลยทีเดียว ด้วยความดุดัน และสวยงามของการแสดงที่เขาออกแบบ และร่วมแสดงด้วยนั้นเข้ากันกับแนวทางของอีแวนส์เป็นอย่างดี ซึ่งก่อนหน้านี้เขาทั้งสองคนเคยทำงานด้วยกันในหนัง ‘Merantau’ ในปี 2009 มาแล้ว เลยทำให้ผลงานออกมาเป็นที่ชื่นชมของแฟน ๆ เป็นอย่างยิ่ง ผลงานของอูไวส์นั้นมีมากมายเช่น ‘Star Wars: The Force Awakens’, ‘Beyond Skyline’, ‘Triple Threat’, ‘Mile 22’, ‘Wu Assassins’, ‘Fistful of Vengeance’ และ ‘Snake Eyes’ เท่านั้นยังไม่หมดเพราะในขณะนี้ตัวเขาและ Balboa Productions ของซิลเวสเตอร์ สตอลโลน (Sylvester Stallone) มีโปรเจ็กต์หนังที่พัฒนาร่วมกันถึง 5 เรื่อง และที่สำคัญที่สุดเขาถูกวางตัวให้ออกแบบฉากต่อสู้ทั้งหมดร่วมกับยายัน รูฮัน (Yayan Ruhan) ในหนัง ‘The Raid: Redemption’ ภาครีเมกของฮอลลีวูดอีกด้วย
5. ยายัน รูฮัน (Yayan Ruhan)
ยอดฝีมือชาวอินโดนีเซียเช่นเดียวกับ อูไวส์ ที่เปิดมุมมองของฉากต่อสู้ใหม่ ๆ มาด้วยกันในหนัง ‘Merantau’, ‘The Raid: Redemption’ และ ‘The Raid 2: Berandal’ และมีผลงานอีกมากมาย ทั้งที่ร่วมแสดงและออกแบบฉากต่อสู้ เช่น ‘Yakuza Apocalypse: The Great War of the Underworld’, ‘Star Wars: The Force Awakens’, ‘John Wick: Chapter 3 Parabellum’’, Skylines’ และได้ร่วมงานกับคู่หูของเขาในหนัง‘The Raid: Redemption’ ภาครีเมกที่กำลังจะเกิดขึ้น
4. พันนา ฤทธิไกร
สุดยอดฝีมือนักแสดง ผู้กำกับคิวบู๊ ผู้กำกับการแสดงอีกคนหนึ่งของไทยเรา ที่โลกยอมรับในฝีไม้ลายมือ และความทุ่มเทของเขาในทุก ๆ ด้านเพื่อให้งานออกมาอย่างดีที่สุด พี่พันนามีชื่อจริงว่า “กฤติยา ลาดพันนา” เป็นคนขอนแก่น เข้ากรุงครั้งแรกด้วยการเป็นสตั๊นแมน และแสดงผาดโผนเสี่ยงตายต่าง ๆ และยังเป็นผู้ฝึกสอนการต่อสู้ที่ใช้ในการแสดงอีกด้วย จนได้ตั้งทีมของตัวเองขึ้นมาโดยใช้ชื่อว่า ‘P.P.N. Stunt Team’ สร้างหนังเรื่อง “เกิดมาลุย” (Born to Fight ) ในปี 2004 ในนามสตูดิโอเป็นเรื่องแรก แต่ก่อนหน้านั้นพี่พันนาได้สร้างหนังบู๊ทุนต่ำเน้นออกขายสายหนังต่างจังหวัดมาแล้วมากมายหลายสิบเรื่องทำให้มีชื่อเสียงโด่งดังในระดับหนึ่ง และนับว่างานของพี่เขาได้ทำให้คนไทยกลับมานิยมดูหนังบู๊กันอีกไม่น้อยเลยทีเดียว
งานที่นับว่าขึ้นหิ้งของพี่พันนาคือ “องค์บาก” สุดยอดหนังบู๊ที่มีฉากต่อสู้อันสวยงาม ดุดัน และน่าตื่นตาตื่นใจ ซึ่งในหนังเรื่องนี้ได้รับหน้าที่ทั้งเขียนบท และออกแบบกำกับคิวบู๊ทั้งหมด ซึ่งโด่งดังไปทั่วทั้งโลก ทำให้ จา พนม หรือ โทนี่ จา (Tony Jaa) ของเราแจ้งเกิด และโด่งดังจนหยุดไม่อยู่เช่นกัน ในช่วงหลังของชีวิตการทำงาน พี่พันนาได้สานต่อหนัง ‘องค์บาก 2’, ‘องค์บาก 3’, ‘ต้มยำกุ้ง’, ‘คนไฟบิน’, ‘โคตรสู้ โคตรโส’ และภาพยนตร์สารคดี ‘เดอะ สตั้นท์’ จนถึงแก่กรรมด้วยอาการไตวายเฉียบพลันในปี 2014 ด้วยอายุเพียง 53 ปีเท่านั้น นับว่าเป็นการสูญเสียบุคลากรที่สำคัญของหนังไทยไปอีกท่านหนึ่ง
3. เจมส์ ยัง (James Young)
นักแสดงคิวบู๊จากอังกฤษที่พ่วงความสามารถการออกแบบฉากต่อสู้ได้อย่างตื่นตาตื่นใจ เส้นทางของเขาเริ่มจากที่เพื่อนคนหนึ่งของเขาซึ่งมีอาชีพเป็นสตันท์แมนอยู่แล้ว ได้มาชวนเขาไปฝึกซ้อมด้วย และสุดท้ายเขาก็ตกหลุมรักมันอย่างจัง และร่วมกับเพื่อน ๆ อีกสองคนตั้งทีม Thousand Pounds Action Company ขึ้นมาและเริ่มถ่ายวิดีโอการแสดงของพวกเขาลง Youtube จนโด่งดัง และไปเป็นที่ต้องตาต้องในของฮอลลีวู้ดเข้า เลยได้มีโอกาสไปทำงานออกแบบฉากต่อสู้ให้กับหนังดังต่าง ๆ เช่น ‘Captain America: The Winter Soldier’, ‘Guardians of the Galaxy’, ‘Avengers: Infinity War’, ‘Avengers: Endgame’ และ ‘Black Widow’ นอกจากนี้แล้วเขายังเป็นนักแสดงแทนของ เซบาสเตียน สแตน (Sebastian Stan) ใน ‘The Winter Soldier’ และ ‘Civil War’ รวมถึงเป็นสตั๊นแมนให้กับ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ (Robert Downey Jr) ใน ‘Civil War’ อีกต่างหาก
2. แชด สตาเฮลสกี้ (Chad Stahelski)
ในเวลานี้ชื่อของสตาเฮลสกี้นั้นแทบจะเรียกได้ว่าโด่งดังที่สุดในโลกของหนังบู๊เลยก็ว่าได้ เมื่อหนัง ‘John Wick: Chapter 4’ ของเขาได้รับคำชื่นชมจากแฟน ๆ และนักวิจารณ์อย่างล้นหลาม ถึงขนาดที่ชื่นชมกันว่านี่คือหนึ่งในหนังแอ็กชันที่ดีที่สุดตลอดกาลเลยทีเดียว เขาเริ่มต้นสายอาชีพการเป็นสตั๊นแมนโดยการเข้าเรียนเป็นลูกหม้อที่ Inosanto Academy และฝึกฝนคิกบ๊อกซิ่งไปด้วย จนกระทั่งเรียนจบและเป็นครูผู้สอนในสถาบันนั้นกันเลยทีเดียว ระหว่างนั้นเขาก็เดินสายแข่งคิกบ๊อกซิ่งเก็บเลเวลไปทั่ว จนวันหนึ่งเพื่อนสตั๊นแมนของเขาก็ได้ชวนเขาไปออดิชันเป็นสตั๊นแมน และเขาก็ได้เริ่มเส้นทางผาดโผนเสี่ยงตายอย่างเต็มตัวตั้งแต่นั้นมา
เขาทำงานให้กับภาพยนตร์หลายเรื่องจนมาถึง ‘Bloodsport 2’ และ ‘Bloodsport 3’ ที่ทำให้เขาเริ่มเป็นที่รู้จัก และเมื่อถูกคัดเลือกให้เป็นสตั๊นแมนของ แบรนดอน ลี (Brandon Lee) ใน ‘The Crow’ อีกทั้งเป็นสตั๊นแมนให้พ่อแสนดี พี่รีฟส์ของเราใน ‘The Matrix’ และเขาก็ได้พบกับสุดยอดตำนาน หยวน วู ปิง จากหนังเรื่องนี้ นั่นทำให้ตัวเขาเองได้พัฒนาฝีมือไปอีกระดับหนึ่ง และเมื่อได้เขามาเจอกับ เดวิด ลีตช์ (David Leitch) ทั้งสองร่วมกันก่อตั้ง 87Eleven Action Design ในปี 1997 ซึ่งรับสอน และออกแบบฉากการต่อสู้ทุกรูปแบบให้กับบรรดาสตูดิโอต่าง ๆ ในฮอลลีวูด ซึ่งก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี และมีส่วนในการทำงานกับภาพยนตร์ดังหลายต่อหลายเรื่อง เช่น ‘Van Helsing’, ‘X-Men Origins: Wolverine’, ‘Iron Man 2’, ‘The Wolverine’ และ ‘Deadpool 2’ รวมถึงยังเป็นผู้กำกับกอง2 ของหนัง ‘Ninja Assassin’, ‘Birds of Prey’ และ ‘Captain America: Civil War’ อีกด้วย และโลกก็รู้จักเขามากขึ้นไปอีกกับแฟรนไซส์ ‘John Wick’ หนังบู๊เลือดสาดในตำนานที่เขาและลีตช์ร่วมกันสร้างสรรค์ปั้นแต่งขึ้นมากันเอง รวมถึงเหมากำกับเองทั้ง 4 เรื่อง และมันทำให้ชื่อของ จอห์น วิค ขึ้นทำเนียบนักฆ่าสุดโหดในโลกภาพยนตร์เป็นที่เรียบร้อย
1. โจนาธาน ยูเซบิโอ (Jonathan Eusebio)
เริ่มจากการเป็นแฟนพันธุ์แท้ของ บรู๊ซ ลี, เฉินหลง, หงจินเป่า ตั้งแต่ยังเป็นเด็กน้อย และด้วยความหลงใหลในศิลปะการต่อสู้ เขาจึงเข้าเรียนเพื่อฝึกฝนวิชาการต่อสู้ตั้งแต่ยังเด็ก ๆ และมันก็ทำให้เขาเชี่ยวชาญ เก่งกล้าสามารถจนได้ไปเป็นครูสอนที่ Inosanto Academy สถาบันเดียวกันกับสตาเฮลสกี้นั่นเอง และต่อมาเขาก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของ 87Eleven Action Design แหล่งรวมตัวตึงของวงการซึ่งก็ทำให้เขามีผลงานออกมามากมาย ทั้งแสดงเอง ทั้งออกแบบและกำกับคิวการต่อสู้ของหนังดังหลายเรื่องเช่น ‘John Wick’, ‘The Avengers’, ‘The Bourne Identity’, ‘Pirates of the Caribbean: At World’s End’, ‘The League of Extraordinary Gentlemen’ และ ‘Austin Powers: Goldmember’
ที่มา : Movie Web