เคยมั๊ยคะ เมื่อเราเติบโตขึ้น มีภาระหน้าที่มากมายต้องรับผิดชอบ ทำงานหาเงินเลี้ยงชีพ ในทุกๆ วันอันแสนน่าเบื่อและยุ่งเหยิงนั้นก็อดไม่ได้ที่จะนึกย้อนถึงวันวานในวัยเด็ก นึกถึงการได้อยู่กับครอบครัว ได้ไปเที่ยว ไปโรงเรียน เจอเพื่อนๆ การมีรักครั้งแรก หรือแม้แต่ความงอแง เอาแต่ใจ และเพ้อฝันแบบเด็กๆ ก็พาให้เรานึกและอดคิดถึงไม่ได้ และในวันนี้ซามะมีหนังเรื่องหนึ่งจะมารีวิวจากสตูดิโอจิบลิให้ทุกคนได้อ่านกัน นั่นคือเรื่อง Only Yesterday ในความทรงจำที่ไม่มีวันจาง (1991) ภาพยนตร์ลำดับที่ 6 ของสตูดิโอจิบลิ เป็นภาพยนตร์ที่เน้นดรามาสมจริง ซึ่งก็ประสบความสำเร็จด้านรายได้อย่างงดงามหลังฉายในประเทศญี่ปุ่นไปในปี ค.ศ. 1991 ใครอยากลองเข้าไปสัมผัสกับบรรยากาศแห่งความทรงจำของ Only Yesterday สามารถรับชมได้ที่ Netflix นะคะ เอาล่ะ ถ้าพร้อมแล้วสไลด์ลงไปอ่านเลยค้าบผม (การรีวิวนี้เป็นความเห็น และความรู้สึกส่วนตัวของซามะนะคะ ผิดพลาดประการใดขออภัยล่วงหน้าจ้า) ตัวอย่างคลิปตัวอย่าง Only Yesterday [Official Trailer, Studio Ghibli] - On DVD & Blu-ray July 5!ขอบคุณคลิปจาก Youtube : GKIDS Films เรื่องย่อOnly Yesterday คือเรื่องราวชีวิตอันเรียบง่ายของ โอคาจิมะ ทาเอโกะ สาวโสดวัย 27 ปีที่เกิดและเติบโตในโตเกียว เธอทำงานเป็นพนักงานออฟฟิศธรรมดาที่บริษัทแห่งหนึ่งในโตเกียว วันหนึ่งทาเอโกะตัดสินใจขอลางานเป็นเวลา 10 วัน เพื่อเดินทางไปชนบทที่จังหวัดยามากาตะซึ่งครอบครัวของพี่เขยของเธออาศัยอยู่ เพราะเธออยากไปเก็บเกี่ยวดอกคำฝอยสำหรับใช้ทำเครื่องสำอาง (ชาด) ระหว่างที่ทาเอโกะเดินทางด้วยรถไฟในยามค่ำคืน เธอนั้นก็นึกถึงความทรงจำในอดีตสมัย ป.5 (ปี 1966) เมื่อตอนที่เธอขอร้องที่บ้านว่าอยากไปเที่ยวชนบทตอนปิดเทอมเหมือนเพื่อนคนอื่นบ้างในช่วงที่ทาเอโกะอาศัยและตื่นมาช่วยทำไร่ทำนา ใช้ชีวิตเป็นสาวชนบทเต็มตัวนั้นความทรงจำหลายอย่างในวัยเด็กทั้งดีและไม่ดีต่างย้อนกลับเข้ามาให้เธอนึกถึง ทำให้ทาเอโกะเกิดความไม่แน่ใจว่าปัจจุบันที่เธอเป็นอยู่นั้นตอบสนองความต้องการของเธอที่เคยอยากมี อยากเป็นในวัยเด็กแล้วหรือยัง ความทรงจำในวันนั้นมีผลกับการตัดสินใจในวันนี้Only Yesterday ดำเนินเรื่องราวอย่างเรียบง่าย เล่าความเรียบง่ายธรรมดาของชีวิตหญิงสาวผ่านการตัดสลับไปมาระหว่างวัยเด็กและตัวเองในปัจจุบัน และการตัดสินใจอยากใช้ช่วงเวลาลาพักหลบหนีความวุ่นวายจากตัวเมืองมาอยู่ในชนบทอันเงียบสงบ ความโหยหาถึงความสุขในวัยเด็กนั้นยังคงจำมันได้ขึ้นใจ ในขณะเดียวกันความทรงจำบางอย่างก็เป็นเรื่องยากที่จะให้หายไป แต่สิ่งที่ Only Yesterday ได้ให้ไว้คือการตั้งคำถามและตอบกับชีวิตของตัวเราเองโดยใช้ความทรงจำในวัยเด็กมาตัดสินใจ แม้ว่าก่อนหน้านี้ตัวเองนั้นจะคิดว่าชีวิตของเราดูไร้ทิศทางที่จะเดินหน้า ไม่มีเป้าหมายอะไรเลย ชีวิตในปัจจุบันดูไม่มีความสุขเท่าไหร่ แต่เมื่อได้คำตอบก็ทำให้เรารู้สึกว่า "เหมือนเรื่องนั้นเพิ่งผ่านมาเมื่อวาน" ใส่ใจในทุกรายละเอียดทั้งงานด้านภาพ และการเล่าเรื่องนอกจาก Only Yesterday จะมีพล็อตเรื่องที่เรียล เล่าเรื่องของเด็กสาวตัวเล็กคนหนึ่งในรูปแบบของความทรงจำอย่างเป็นธรรมชาติ ในหนังมีการใส่รายละเอียดให้คนดูได้ชมและบางคนอาจรู้สึกคิดถึงหรือโหยหาบรรยากาศยุค 60s ผ่านเพลง หนัง ดารา รายการโทรทัศน์ เทรนด์แฟชั่น เช่น วงดนตรีระดับตำนานอย่าง 'The Beatles หรือ 4เต่าทอง' ก็ถูกพูดถึงในหนังเรื่องนี้ด้วย ไม่เพียงแค่นั้นหนังยังมีการใส่รายละเอียดเล็กๆ น้อยในการดำเนินเรื่องราวบวกกับแฝงความหมายบางอย่างโดยที่คนดูอาจจะรู้หรือไม่รู้ไปด้วย เช่น เวลาที่ทาเอโกะนึกย้อนถึงอดีต แต่ละซีนจะมีการระบายสีน้ำจางๆ มีความเบลอและฟุ้งรอบๆ ภาพจะไม่ลงสีเข้มชัดเจน ตัดภาพมาซีนในปัจจุบันที่จะลงสีเข้มชัดเจน และอีกอย่างที่ไม่พูดไม่ได้คือตัวละครทาเอโกะค่ะ สาวเมืองกรุงที่หลงใหลชีวิตในชนบท ในหนังเราจะทราบว่าทาเอโกะในวัยเด็กไม่เก่งวิชาคณิตศาสตร์เลย ตรงข้ามกับพี่สาวที่เรียนเก่งมากๆ ก็อาจตีความได้ว่าเป็นคนที่ไม่ชอบความยุ่งยาก วุ่นวาย ซับซ้อน ก็เชื่อมโยงกับความคิดที่อยากไปพักผ่อนที่ชนบทอันเงียบสงบ เรียบง่าย ไม่วุ่นวายเหมือนในสังคมเมือง รีวิวจากซามะสำหรับซามะหนังเรื่องนี้ไม่มีหวือหวา แต่ก็เข้าถึงความอบอุ่น เป็นธรรมชาติ มิตรภาพ ความผูกพันได้ดีใช้ได้ค่ะ วัยเด็กมีทั้งตอนเอาแต่ใจ งอแง ความอยากได้อยากมีของสวยๆ งามๆ ตามประสาเด็กผู้หญิง ความอายตอนมีประจำเดือนครั้งแรก และก็ฉากอื่นๆ ที่ทำให้ซามะเข้าใจและรู้สึกได้ถึงความทรงจำอันน่ารักของทาเอโกะค่ะ เนื้อเรื่องมีความ Slow-life ดี ค่อนข้างชอบฉากตอนเก็บดอกคำฝอยกับทำชาดสีแดง เราว่าคนที่ไม่เคยไปเที่ยวชนบทอย่างซามะเองจะรู้สึกอินนิดหน่อยค่ะ ยอมรับว่าตอนแรกไม่ค่อยเข้าใจ 55555 แต่พอดูตอนจบและมีเพลงประกอบเปิดในซีนนั้นรู้สึกอินมาก เติมเต็มใจมาก เป็นซีนที่สวยงดงาม ฟิน โรแมนติก อบอวล ซามะว่าเรื่องนี้ปิดจบได้ดีมากๆ และได้รู้คำตอบของทาเอโกะแล้วล่ะ ที่ซามะประทับใจอีกอย่างคือฉากจบที่ทาเอโกะขึ้นรถไฟจะกลับโตเกียว มีทาเอโกะในวัยเด็กรวมถึงเพื่อนๆ ในวัยประถมโผล่มาอยู่ในซีนนี้ด้วย ความน่ารักยังปรากฏอีกในตอนที่ทั้งทาเอโกะและโทชิโอะเดินด้วยกัน ข้างหลังมี Ai-Ai Gasa หรือ Love-Love Umbrella สัญลักษณ์แสดงความรักอีกแบบหนึ่งของญี่ปุ่น วิธีการคือจะเขียนชื่อคู่รักชายหญิงลงไป ประมาณว่าจะอยู่ครองรักร่วมชายคาเดียวกัน พอรู้ความหมายแล้วฟินสุดๆ ไปเลย 🥰 ถ้าใครยังไม่ไปดู อย่าลืมไปชม Only Yesterday ในความทรงจำที่ไม่มีวันจาง (1991) นะคะ ไปชมได้ทาง Netflix กันเลย ขอบคุณทุกคนที่อ่านบทความของซามะจนจบนะคะ ใครมีความคิดเห็นอย่างไรก็สามารถคอมเมนต์มาคุยกันได้น้าว่าชอบหนังเรื่องนี้ตรงไหนบ้าง สำหรับวันนี้ซามะลาไปก่อน เรื่องต่อไปจะรีวิวอะไรต้องรอติดตามดูนะคะ บายยยยย 😁 เครดิตภาพภาพปก: Canva จาก ผู้เขียน (ซามะ) I ภาพประกอบโดย STUDIO GHIBLI I Only Yesterday (1) (2)ภาพที่ 1 จาก Facebook: Studio Ghibliภาพที่ 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10, 11, 12, 13, 14 จาก STUDIO GHIBLI I Only Yesterdayภาพที่ 15 จาก Facebook: Netflixเครดิตคลิปจาก Youtube: GKIDS Films คลิปตัวอย่าง Only Yesterday [Official Trailer, Studio Ghibli] - On DVD & Blu-ray July 5! จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !