รายนามผู้กำกับภาพยนตร์บนโลกที่อยู่ในระดับเอ่ยชื่อขึ้นมา แล้วเหล่าบริษัทผู้สร้างจะกล้าอนุมัติเงินให้สร้างทันที โดยปราศจากการไตร่ตรองอื่นใดนั้น คงนับจำนวนได้ และหนึ่งในนั้นก็ต้องมีชื่อของ คริสโตเฟอร์ โนแลน อยู่ในลิสต์เหล่านั้น จนสื่อหลายสำนักพากันกล่าวถึงว่า โนแลนเป็นหนึ่งในผู้กำกับไม่กี่คนที่จะเดินตัวเปล่าเข้าสตูดิโอพร้อมกับไอเดีย แล้วเดินออกมาพร้อมกับเงินสองร้อยล้านดอลลาร์ได้ทันทีและจากการพูดถึงเช่นนั้น ทำให้เขากลายเป็นผู้กำกับคนหนึ่งที่สามารถสร้างอะไรก็ได้ ตามใจและไอเดียที่ปรารถนา ขอเพียงมีชื่อของเขา ก็แทบจะการันตีได้ว่าสามารถทำรายได้กำไรได้มากกว่าเท่าตัวแน่นอนผลงานหลายเรื่องได้รับการพิสูจน์จากผู้ชมทั่วโลก และยืนยันเป็นเสียงเดียวว่าผลงานของโนแลน มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และสามารถทำให้ผู้ชมสามารถไหลเข้าไปอยู่ในเรื่องได้อย่างแนบเนียน จนเกิดเป็นประสบการณ์ใหม่ ๆ จากการรับชมผลงานของเขา และโดยเฉพาะ The Dark Knight อัศวินรัตติกาล ที่ได้พลิกฟื้นชีวิตแบทแมน หลังจากถูกปู้ย่ำปู้ยีในงานเก่า ๆ จนบรรดาแฟน ๆ ที่เคยไม่พอใจ ได้กลับมาศรัทธาในตัวซูเปอร์ฮีโร่มนุษย์ค้างคาวนี้อีกครั้ง และเกิดผลต่าง ๆ มากมาย เช่น การส่งให้ ฮีธ เลดเจอร์ ได้รับรางวัลออสการ์ สาขานักแสดงสมทบ จากบทบาทโจ๊กเกอร์ที่ดุดันและดูโรคจิตของเรื่อง จนยกระดับมาตรฐานบทบาทตัวร้ายให้ขึ้นสูง อีกทั้งยังทำให้คณะกรรมการออสการ์ต้องมาทบทวนถึงการมอบรางวัลให้กับภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่อีกครั้งผลงานของโนแลนทุกเรื่องล้วนได้รับคำชมเชิงบวกมากมาย จนเมื่อมีการประกาศถึงผลงานใหม่ของเขา ก็จะมีผู้คนรอติดตามชมมากมาย โดยในประเทศไทยเมื่อครั้งที่มีการฉายเรื่อง The Dark Knight Rises ในปี 2012 ทุกโรงล้วนเต็มไปด้วยรอบฉายของเรื่องนี้และถึงกับต้องจองตั๋วล่วงหน้า เรื่อง Interstellar เมื่อปี 2014 ที่เคยทำให้แฟน ๆ ชาวไทยถึงกับไปต่อแถวเพื่อรอดูรอบพิเศษกันแน่นโรงความสำเร็จต่าง ๆ ย่อมบ่งบอกถึงสไตล์อันโดดเด่นของโนแลนได้เป็นอย่างดี และมักจะมีคำกล่าวว่า ถ้าอยากรู้จักตัวตนของผู้กำกับคนใด ให้ย้อนกลับไปดูผลงานเรื่องแรกของเขา อันเนื่องมาจากหลายสิ่งหลายอย่างจะถูกหล่อหลอมจากความสนใจและการใส่ความเป็นตัวตนลงไปในเนื้อเรื่อง โดยปราศจากเงื่อนไขจากหลายทิศทางมากดดัน และ Following ภาพยนตร์เรื่องแรกของ คริสโตเฟอร์ โนแลน ที่มีเรื่องราว แนวคิดและการทำงานที่น่าสนใจ ซึ่งในปัจจุบันนั้น ก็ยังมีการพูดถึงและหามารับชมกันอย่างเสมอ และจากเรื่องนี้เอง ที่เหล่าแฟน ๆ ต่างพากันยกเขาเป็นศาสดาบ้าง เสด็จพ่อบ้าง แต่ก็ไม่ว่าเกินเลยไปเท่าไหร่นัก เพราะกว่าจะสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ ก็ไม่ง่ายเช่นกันคริสโตเฟอร์ โนแลน เริ่มก้าวแรกของอาชีพผู้กำกับโดยการสร้างภาพยนตร์สั้นด้วยฟิล์ม 16 มม. ในชมรมภาพยนตร์ของมหาวิทยาลัย 2 เรื่อง คือ Lacency และ Doodlebug (ซึ่งเรื่องหลังนี้เอง ที่ไปเป็นแนวทางในการสร้าง Memento อีกที) แต่หลังจบการศึกษา โนแลนได้ทำงานในบริษัทผลิตสื่อการเรียนการสอน และพยายามตะกายฝันโดยการเป็นผู้กำกับให้ได้ แต่อุตสาหกรรมภาพยนตร์ในอังกฤษ ไม่ได้ยักษ์ใหญ่เท่าฮอลลีวู้ด ที่มีแหล่งเงินทุนจำนวนมากจนสามารถโปรยให้กับคนรุ่นใหม่ไปสร้างได้ ทำให้หลายบริษัทในอังกฤษปฏิเสธตัวเขายกเว้นแต่บริษัท Working Title ที่ ณ ตอนนั้น เอ็มม่า โธมัส ทำงานอยู่ เธอรู้จักกับโนแลน และได้ให้เขาใช้เครื่องถ่ายเอกสารและอุปกรณ์ต่าง ๆ ในการทำบท (ต่อมา เอ็มม่า โธมัส กลายเป็นผู้ควบคุมการผลิตและกลายมาเป็นคู่ชีวิตของโนแลน) และการสร้าง Following นั้น ก็มีทุนจากเงินเก็บของโนแลนเองอยู่ที่ 6,000 ดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น เทียบกับค่าเงินในปัจจุบันจะอยู่เพียงแค่หนึ่งเกือบสองแสนบาทเท่านั้น งานสร้างต่าง ๆ จึงต้องใช้อย่างประหยัดท่ามกลางเมืองที่ค่าครองชีพสูงติดอันดับโลกอย่างลอนดอนเงินทั้งหมดของเขาหมดไปกับอุปกรณ์ที่จำเป็นและงานโพสต์โปรดักชันเท่านั้น เหล่านักแสดงก็ล้วนเป็นเพื่อนที่รู้จัก ค่าตัวจึงไม่แพงมาก มีเพียง ลูซี รัสเซลล์ หญิงสาวผมบลอนด์คนเดียว ที่เป็นนักแสดงอาชีพ เสื้อผ้าก็เตรียมของใครของมัน แลพถ่ายทำด้วยฟิล์มขาวดำ เพื่อไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายในการจัดแสงให้ยุ่งยาก โนแลนและพวกพ้องยังเลือกสถานที่ถ่ายทำเป็นที่พัก ร้านอาหารของเพื่อน ๆ ทำให้ค่าใช้จ่ายในเรื่องสถานที่นั้น ถูกใช้ไปน้อยมากFollowing เลือกถ่ายทำในวันเสาร์ของทุกสัปดาห์ เพราะเป็นวันที่ทุกคนว่างตรงกันที่สุด ส่วนวันอื่น ๆ พวกเขาจะไปทำงานประจำของตัวเอง และในเวลาสี่เดือนกว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ถ่ายทำจบ และหลังตัดต่อเสร็จ มันมีความยาวเพียง 69 นาทีเท่านั้นFollowing ดำเนินเรื่องผ่านชายนิรนาม ที่ภายหลังได้เปิดเผยตัวเองว่าชื่อบิลล์ ผู้ที่ตกงานและพยายามจะเป็นนักเขียน เขาใช้ชีวิตโดยการเดินติดตามผู้คนบนถนนในกรุงลอนดอน เพื่อดูว่าผู้คนที่เขาไม่รู้จักนั้น เป็นใคร ใช้ชีวิตอย่างไร โดยนำคำถามนับร้อยนับพันที่เกิดจากการติดตามผู้คนเหล่านั้น มาใช้เป็นเพื่อหาแรงบันดาลใจในการเขียนนิยายเล่มแรกของเขาแต่การสะกดรอยติดตาม ก็ทำให้เขาเข้าไปพบกับ ค็อบบ์ ชายชุดสูท ที่ได้พลิกความคิดของเขาให้เปลี่ยนไปเป็นอีกด้านแทน จนตัวเขาเริ่มได้งัดแงะอพาร์ตเมนต์ต่าง ๆ แต่ไม่มีการขโมย เพื่อเข้าดูจิตใจและชีวิตผู้คนมากขึ้น แต่ค็อบบ์ก็ทำให้เขาต้องไปพัวพันกับเรื่องเลวร้าย จนตัวบิลล์ไม่สามารถถอนตัวออกมาได้หลังออกฉาย ภาพยนตร์ก็ได้สร้างความชื่นชมแก่ตัวโนแลนเป็นอย่างมาก เพราะเนื้อเรื่องมีการเล่าแบบสลับกลับหน้าหลังไปมา ไม่ยึดติดกับการเรียงลำดับเวลา ซึ่งจากที่หลายคนคิดว่าดูยาก แต่มันกลับดูง่ายและน่าสนใจ โดยเฉพาะเรื่องของการโยงใยไปมาให้เข้ากับเรื่องจิตใจ ตัวตน ความทรงจำต่าง ๆ ของตัวละครในเรื่องซึ่งการเล่าแบบวกวนเวียนไปมาของโนแลนนี้เอง ที่นอกจากจะดูง่ายแล้ว ยังสามารถดึงคนดูให้ไหลไปตามทางหนึ่ง ก่อนที่จะหักมุมได้อย่างยอดเยี่ยม แถมยังทำให้ผู้ชมมีความรู้สึกได้สวมบทบาทบิลล์ในเรื่องนี้ไปพร้อมกัน จนเสมือนไปเดินอยู่ในภาพยนตร์จริง ๆเราไม่ได้ลงมือทำอะไรมากมายนัก เพราะในที่สุด ก็ได้ทดลองสิ่งใหม่ ๆ กับภาพยนตร์เรื่องนี้ และผลลัพธ์ก็โอเค เราถ่ายทำด้วยฟิล์มขาวดำ ที่สามารถให้เราได้แสดงงานศิลป์ราคาถูก แต่มีสไตล์ และใช้เวลาสร้างอย่างรวดเร็ว อีกทั้งการถ่ายทำแบบแฮนด์เฮลด์ มือถือกล้องไปตลอด เราก็ไม่ต้องทำภาพยนตร์ด้วยเทคนิคขั้นสูงที่ต้องใช้อุปกรณ์ราคาแพงอีกด้วยจากบทสัมภาษณ์ใน Vice (คลิกที่นี่เพื่อรับชมบทสัมภาษณ์ตัวเต็ม)ผลตอบรับจากทุนสร้างอันน้อยนิดที่ 6,000 ดอลลาร์สหรัฐ มีมูลค่าสูงเกินกว่าที่คาดคิดไว้ Following คว้ารางวัลจากเทศกาลต่าง ๆ มากมาย และทำเงินไปถึง 2 แสนกว่าดอลลาร์สหรัฐ ถือว่าได้กำไรมากกว่าทุนเกินกว่า 10 เท่า แต่นอกเหนือจากสิ่งเหล่านี้ คริสโตเฟอร์ โนแลน ได้ก้าวเข้าไปสู่การกำกับภาพยนตร์เรื่องยาวต่อไปได้สำเร็จ และกลายมาเป็นผู้กำกับแถวหน้าของโลกในเวลาต่อมาเกร็ดที่น่าสนใจของ Following-แรงบันดาลใจในการสร้างเรื่องนี้ของโนแลน เกิดจากวิถีชีวิตชาวลอนดอน และก็ถูกลักขโมยในอพาร์ตเมนต์ของเขา ในเชิงว่า ผู้คนที่ออกมาใช้ชีวิตนั้น ในเวลาไล่เลี่ยกันก็มีคนกำลังเข้าไปขโมยสิ่งของหรือทำเรื่องไม่ดีอยู่-ฉากที่บิลล์นั่งคุยกับตำรวจ ถ่ายทำที่คณะวรรณคดีอังกฤษ มหาวิทยาลัยคอลเลจ ลอนดอน อันเป็นสถาบันที่โนแลนจบการศึกษามา และชายผู้ที่รับบทตำรวจก็คือ จอห์น โนแลน ผู้เป็นลุงของเขาเอง-ฉากที่บิลล์แนะนำตัวเองในบาร์ว่าเขาชื่อ แดนนี่ ลอยด์ เป็นชื่อเดียวกับตัวละครเด็กในภาพยนตร์เรื่อง The Shining ของ สแตนลีย์ คูบริค ผู้กำกับที่โนแลนชื่นชอบมากที่สุด-ฉากที่ค็อบบ์กับบิลล์บุกเข้าไปยังอพาร์ตเมนต์แห่งที่สอง ตรงประตูห้องมีสติกเกอร์แบทแมนติดอยู่ ซึ่งต่อมาโนแลนก็ได้กำกับภาพยนตร์ไตรภาคแบทแมน The Dark Knight-สิบสองปีต่อมาหลังจาก Following ออกฉาย ชื่อของ “ค็อบบ์” ปรากฎอีกครั้งในภาพยนตร์ของโนแลนเรื่อง Inception และรับบทโดย ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ ซึ่งมีลักษณะที่ใกล้เคียงกันพอสมควร โดยค็อบบ์ใน Following ใช้วิธีชักจูงคน ให้เดินไปตามแผนการของเขาเพื่อบรรลุเป้าหมาย ค็อบบ์ใน Inception เป็นนักจารกรรมที่เข้าไปในความฝันของเหยื่อและปลูกฝังความคิดที่เขาได้รับว่าจ้างลงไปในจิตใจของเหยื่อ เพื่อให้อีกฝ่ายเชื่อในสิ่งนั้น ๆ