"Argo" เป็นหนึ่งในหนังที่อ้อมเพิ่งได้ดูไปหมาดๆ แล้วบอกเลยว่าคาดไม่ถึงว่าจะสนุกและระทึกขนาดนี้ หนังเล่าเรื่องราวในช่วงยุควิกฤตการณ์ตัวประกันอิหร่านในปี 1979-1981 ที่ CIA ใช้แผนสุดบ้าบิ่นและแปลกแหวกแนวมากๆ ในการช่วยชีวิตเจ้าหน้าที่อเมริกันที่ติดอยู่ในอิหร่าน โดยแกล้งทำเป็นว่าพวกเขาเป็นทีมสร้างหนังฮอลลีวูดที่มาถ่ายทำภาพยนตร์แนวไซไฟชื่อ "Argo" ที่นั่น นอกจากเนื้อเรื่องที่เข้มข้นจนแทบหายใจไม่ทั่วท้องแล้ว "Argo" ยังเต็มไปด้วยรายละเอียดเล็กๆ ที่ทำให้ตัวหนังสมจริงมากขึ้น ทั้งการถ่ายทอดบรรยากาศยุค 70s ตั้งแต่เสื้อผ้า หน้าผม ไปจนถึงฉากการประท้วงของชาวอิหร่านที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น หนังพาเราเข้าไปสัมผัสถึงความเครียดและความกดดันของตัวประกันที่ไม่รู้ชะตากรรมว่าจะรอดกลับบ้านหรือไม่ และที่สำคัญคือการทำให้เราได้เห็นมุมมองของเจ้าหน้าที่ CIA ที่ต้องคิดหาทางรอดให้กับคนอื่นภายใต้เงื่อนไขที่โหดหินสุดๆ อีกหนึ่งจุดเด่นของ "Argo" คือบทสนทนาที่ชาญฉลาดและมีจังหวะการปล่อยมุกตลกเบาๆ ที่ทำให้สถานการณ์ที่ตึงเครียดนั้นผ่อนคลายลงได้ในบางฉาก โดยเฉพาะตัวละครที่รับบทโดย Alan Arkin และ John Goodman สองคนนี้มักจะปล่อยมุกให้เราหลุดขำออกมาได้ แม้ว่าเนื้อเรื่องจะดราม่าและซีเรียสก็ตาม นี่แหละเสน่ห์ของหนังสายลับแนวนี้ ที่สามารถผสมความจริงจังและความบันเทิงได้อย่างลงตัว หนังยังได้แง่มุมทางการเมืองที่ทำให้เราต้องกลับมานั่งคิดว่า บางครั้งเกมการเมืองระดับโลกก็ซับซ้อนยิ่งกว่าที่เราคิด การตัดสินใจของคนเพียงไม่กี่คนสามารถพลิกประวัติศาสตร์ได้ และ "Argo" ก็ถ่ายทอดความซับซ้อนนี้ออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน ทั้งเรื่องของการเมืองภายในประเทศและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ส่วนนักแสดงนำ Ben Affleck ที่รับบทเป็น Tony Mendez เจ้าหน้าที่ CIA ที่นำทีมแผนการสุดระห่ำนี้ เขาทำได้ดีเกินคาด บทบาทของเขาไม่ใช่ฮีโร่แบบซูเปอร์แมนที่แข็งแกร่งเกินมนุษย์ แต่กลับดูเป็นคนธรรมดาที่ต้องแบกรับความกดดันหนักหน่วงจากการต้องช่วยชีวิตคนในสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความเสี่ยง ซึ่งทำให้ตัวละครนี้ดูมีมิติและเข้าถึงง่าย "Argo" จึงไม่ใช่แค่หนังสายลับธรรมดา ๆ แต่เป็นหนังที่พาเราไปสำรวจความซับซ้อนของการแก้ไขปัญหาในระดับโลก พร้อมกับให้แง่คิดดีๆ ว่าบางครั้งความสำเร็จไม่ได้มาจากการคิดแผนที่สมบูรณ์แบบเท่านั้น แต่ต้องอาศัยการตัดสินใจเฉียบพลันและความกล้าที่จะเสี่ยงอีกด้วย! ความรู้สึกหลังดู ดูจบแล้วก็ต้องยกนิ้วให้ Ben Affleck ผู้กำกับและนักแสดงนำ ที่ถ่ายทอดเรื่องนี้ได้ดีสุดๆ ตัวหนังมีความระทึกตลอดเวลา ทำให้เราลุ้นตามไปกับแผนการที่ดูแล้วอาจจะบ้าๆ บอๆ แต่ก็น่าเชื่อถืออย่างไม่น่าเชื่อ แถมยังมีฉากที่ทำให้เรานั่งจิกเบาะ ลุ้นว่าแผนจะพังมั้ยนะ สิ่งที่ได้จากหนัง หนังเรื่องนี้ไม่ใช่แค่การช่วยตัวประกันหรือการเล่าเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ แต่ยังทำให้เราได้มองเห็นการใช้ "ไหวพริบ" และ "ความกล้า" ในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า มันสอนให้เรารู้ว่า ในสถานการณ์ที่เหมือนจะหมดหวัง บางครั้งก็ต้องคิดนอกกรอบ ต้องยอมเสี่ยงบ้างเพื่อความสำเร็จ นอกจากนี้ยังได้เห็นว่าฮอลลีวูดมีบทบาทต่อการเมืองโลกมากกว่าที่เราคิด การสร้างภาพยนตร์ปลอมเพื่อช่วยชีวิตคน ใครจะไปนึกถึง อีกสิ่งที่อ้อมรู้สึกได้จากหนังเรื่องนี้คือ “ความเป็นทีม” ไม่ว่าจะเป็น CIA, คนในสถานทูต หรือทีมในฮอลลีวูด ต่างก็ต้องทำงานร่วมกันเพื่อความสำเร็จ แม้ว่าแต่ละคนจะมีบทบาทและหน้าที่ต่างกัน แต่ถ้าไม่มีใครสักคน หนึ่งในแผนนี้ก็อาจจะล้มเหลวสรุปเลยคือ "Argo" เป็นหนังที่ทำให้เรารู้สึกระทึกแต่ก็ได้แง่คิดดีๆ แถมยังสอดแทรกประวัติศาสตร์และเรื่องราวที่หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน นี่แหละเสน่ห์ของหนังแนวนี้ที่ทำให้อ้อมรู้สึกประทับใจมากๆ ใครที่ยังไม่ได้ดู ก็ขอแนะนำให้รีบหามาดูเลย อ้างอิง ภาพจาก Facebook: Argo - Il Film / ภาพที่ #1 / ภาพที่ #2 / ภาพที่ #3 / ภาพที่ #4 / ภาพปก จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !