เน็ตฟลิกซ์ ชนะประมูลครั้งประวัติศาสตร์ ซื้อกิจการค่ายหนังยักษ์ใหญ่ วอร์เนอร์ บราเธอร์ส
ถือว่าเป็นข่าวใหญ่ที่เฝ้าจับตามองกันตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะในฮอลลีวูดได้มีการเปิดศึกช่วงชิงประมูลซื้อขายกิจการครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่งเกิดขึ้น เมื่อสตูดิโอหนังยักษ์ใหญ่และเก่าแก่อีกแห่งหนึ่ง อย่าง วอร์เนอร์ บราเธอร์ส ได้เปิดให้สิทธิ์ผู้ลงทุนที่สนใจเข้ามาประมูลมูลค่าทางธุรกิจแข่งกันในการเข้าซื้อกิจการ ที่ในท้ายที่มีเหลือแค่เพียง เน็ตฟลิกซ์ ยักษ์ใหญ่แห่งวงการสตรีมมิง, พาราเมาท์ สกายแดนซ์ เจ้าของค่ายหนังพาราเมาท์อันเก่าแก่ และ คอมแคสต์ ผู้ดูแลสตูดิโอหนังยูนิเวอร์แซล ได้ประมูลชิงกันในเกมนี้
ล่าสุดเมื่อช่วงสายที่ผ่านมา (5 ธ.ค.) ตามเวลาในประเทศไทย ดูเหมือนว่าผลสรุปของการประมูลซื้อกิจการในครั้งนี้จะเริ่มเผยออกมาอย่างเด่นชัดแล้วว่า เน็ตฟลิกซ์ สามารถคว้าชัยชนะในการประมูลซื้อค่ายวอร์เนอร์ฯ ครั้งนี้ไปได้ ตามรายงานข่าวพิเศษจากแหล่งข่าวสายธุรกิจของ Bloomberg ที่เกาะติดสถานการณ์นี้ ที่ระบุว่าทั้งสองฝ่ายกำลังจะเข้าสู่ขั้นตอนการเจรจาสร้างข้อตกลงแบบเอ็กซ์คูลซีฟต่อกัน
ในเบื้องต้นมีข้อมูลว่า เน็ตฟลิกซ์ได้ทำการเสนอราคาที่ 30 ดอลลาร์ต่อหุ้น ที่ถือว่าเพิ่มสูงขึ้นกว่าการเจรจาเบื้องต้นเมื่อเดือนที่แล้ว ที่มีข้อมูลตัวเลขอยู่ที่ประมาณ 27 ตอลลาร์ต่อหุ้น อีกทั้งยังเตรียมพร้อมค่าธรรมเนียมยกเลิกดีล เป็นเงินสดราว ๆ 5 พันล้านเหรียญ ที่นับว่าเป็นเม็ดเงินข้อมูลที่ใครก็ต้องตาลุกวาว
อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ของการประมูลและซื้อขายกิจการดังกล่าวยังไม่สามารถประกาศได้อย่างเป็นทางการ เพราะยังเป็นเพียงการเจรจาตกลงเบื้องต้นที่ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน ทางกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐอเมริกายังสามารถเข้ามาแทรกแซงในการตรวจสอบได้ เนื่องจากว่ากรณีนี้ค่อนข้างเข้าข่ายเป็นการควบรวมธุรกิจแบบผูกขาดที่ขัดต่อกฎหมายและรัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ ในบางประการอยู่
ทางด้าน พาราเมาท์ สกายแดนซ์ ยังไม่ได้ออกมาแสดงท่าทีใด ๆ กับความพ่ายแพ้ในการประมูลครั้งนี้ แม้ว่าเมื่อวันก่อนหน้านี้ ทางผู้บริหารจะได้ออกจดหมายติดผนึกออกมาตอบโต้และกล่าวอ้างว่า การประมูลซื้อขายกิจการดังกล่าวไม่มีความเป็นธรรม และหลายฝ่ายดูจะเกื้อหนุนและผลักดันทางฝ่ายเน็ตฟลิกซ์ให้นำไปสู่ชัยชนะการประมูลอย่างออกหน้าออกตา
สำหรับคำถามชาวบ้านทั่ว ๆ ไปก็คงจะสงสัยว่า แล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อ? หลังจากที่เน็ตฟลิกซ์เข้าซื้อกิจการค่ายหนังวอร์เนอร์ฯ แล้ว คำตอบก็คือ..คงจะต้องรอดูท่าทีของสัญญาการซื้อขายกิจการกันต่อไป เพราะก่อนหน้านี้ วอร์เนอร์ฯ ก็เพิ่งจะมีการประกาศแยกธุรกิจ (Spin-off) ระหว่าง สตูดิโอหนังหลัก กับ ธุรกิจสตรีมมิง ออกมาจากสังกัดช่องเคเบิ้ลดังกล่าว (ช่อง CNN, TNT, TBS และอื่น ๆ) ที่แผนการแยกดังกล่าวคาดว่าจะเข้าที่เข้าทางในช่วงกลางปี 2026
การเข้ามาของเน็ตฟลิกซ์นั้น เป็นไปได้ทั้งการเข้ามาดูแลธุรกิจในส่วนกิจการสร้างภาพยนตร์จากสตูดิโอหลัก ที่มีคลังภาพยนตร์คลาสสิกจำนวนมากศาล รวมทั้งเฟรนไชส์หนังดังต่าง ๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Casablanca ไปจนถึง Harry Potter แต่ถ้าขอบเขตของกิจการยังรวมไปถึงงานสร้างทางโทรทัศน์และสตรีมมิงด้วย ลิขสิทธิ์ซีรีส์ดัง ๆ อย่าง Friend, Game of Thrones หรือ The Sopranos ก็จะเป็นส่วนหนึ่งในการบริหารจัดการของเน็ตฟลิกซ์ในอนาคตไปโดยปริยาย
ดังนั้น การซื้อขายและควบรวมกิจการครั้งนี้จึงกลายเป็นอีกหนึ่งปรากฏการณ์หน้าประวัติศาสตร์ครั้งใหญ่ของฮอลลีวูดอีกครั้งในรอบทศวรรษ นับตั้งแต่การเข้าซื้อกิจการของอดีตค่าย ทเวนตี้ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์ ของ วอลต์ ดิสนีย์ เมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว และในยุคนี้เราน่าจะได้เห็นความเปลี่ยนของยักษ์ใหญ่ที่สำคัญของวงการหนังฮอลลีวูดอีกเป็นแน่แท้
Source: Variety
-------------------------------------
>> ดูหนังออนไลน์ได้ที่ Movie.TrueID <<
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับทรูไอดีสามารถเข้าไปได้ที่ TrueID Help Center เป็นช่องทางใหม่ที่ให้ข้อมูลและการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นเกี่ยวกับทรูไอดี คลิกเลย >> https://bit.ly/3xEgdAa