One Take เป็นภาพยนตร์สารคดีลำดับที่ 2 ของวง BNK48 วงไอดอลชื่อดังในประเทศไทย หลังจากที่เคยมีผลงานสารคดีเรื่องแรกมาแล้วในชื่อ Girls Don't Cry ในปี 2018 กำกับโดยคุณ เต๋อ นวพล ธำรงค์รัตนฤทธิ์ ก็ได้เสียงวิพากย์วิจารณ์ในแง่บวกและกวาดรางวัลในต่างประเทศพอสมควร จนมาถึงปี 2020 นี้เรื่อง One Take จะเป็นสารคดีอีกเรื่องที่จะถ่ายทอดเรื่องราวที่ลึกซึ้งแปลกใหม่มากขึ้นสำหรับสารคดีลำดับ 2 นี้ก็จะมีความเปลี่ยนแปลงในหลาย ๆ อย่างทั้งตัวผู้กำกับหรือเนื้อหาที่ต้องการจะสื่อออกมา เรียกว่าน่าสนใจไม่แพ้ Girls Don't Cry เลย ส่วนใครที่กำลังลังเลอยู่ว่าจะดูหรือไม่ เนื่องจากว่าตัวสารคดีได้ลงบน Netflix ด้วย มันจะคุ้มค่ากับการสมัคร-ต่ออายุหรือเปล่านั้น ลองมาดู 5 เหตุผลกันครับว่าทำไมถึงควรดู One Take ภาพยนตร์สารคดีชิ้นที่ 2 ของวง BNK481. เรื่องราวที่ขยับขยายมากขึ้นใน Girls Don't Cry จะพาเราไปเจาะลึกถึงจิตใจของเมมเบอร์ที่อยู่ระดับท็อปและเมมเบอร์ระดับล่าง (อันเดอร์เกิร์ล) พร้อมกับจุดเริ่มต้นของวงว่าเป็นมาอย่างไร แต่ใน One Take จากตัวอย่างที่ปล่อยออกมา ก็พอให้รู้เรื่องราวคร่าว ๆ ว่า มันคือการขยายเรื่องราวหลังจากก่อตั้งวงมาได้สักพักแล้ว เราจะได้เห็นมุมมองจากคนภายนอกหรือศิลปินในวงการที่มีต่อวง ได้เห็นความนิยมของวงที่พุ่งสูงขึ้น จนการรับสมัครรุ่นที่ 2 มีจำนวนมากกว่าหมื่นคนในช่วงเวลาที่เป็นกระแสกำลังพุ่งสูงขึ้นเป็นสิ่งที่น่าสนใจว่า ในขณะนั้นตัววงถูกมองอย่างไรรวมถึงตัวของเมมเบอร์ด้วยว่ามีความคิดเห็นอย่างไรบ้างกับช่วงเวลานั้น นี่ยังไม่รวมถึงการมาของรุ่นที่ 2 ด้วยครับที่ดูเหมือนจะทำให้เมมเบอร์รุ่นที่ 1 มีความกดดันมากขึ้นกว่าเดิม2. การมาถึงของเมมเบอร์รุ่นที่ 2ในสารคดีเรื่องนี้จะถ่ายทำหลังจากที่วงรับสมัครรุ่นที่ 2 เข้ามาแล้ว ดังนั้นเนื้อหาก็จะมีการพูดถึงพวกเธอครับ สิ่งที่น่าสนใจก็คือมันนจะเป็นการแสดงความคิดเห็นครั้งแรกว่าพวกเธอรู้สึกอย่างไร มีทัศนคติอย่างไรบ้างทั้งกับเพื่อนรุ่นเดียวกันหรือรุ่น 1 เราอาจจะได้เห็นแนวคิดบางอย่างที่แฟนคลับหลายคนอาจจะยังไม่รู้ก็เป็นได้ในตัวอย่างภาพยนตร์ก็มีการเผยให้เห็นเล็กน้อยครับ อย่างเช่น จูเน่ กับการให้สัมภาษณ์ว่าตนเองมีความสามารถที่คนอื่นไม่มี มันก็แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและมั่นใจว่าตนเองสามารถพัฒนาศักยภาพได้ดีกว่าเดิม3. มุมมองของรุ่น 1 ที่มีต่อรุ่น 2ในทางกลับกันครับเมื่อการมาของสมาชิกรุ่นที่ 2 มันก็ทำให้รุ่นที่ 1 เกิดความรู้สึกต่าง ๆ กันไป บางคนอาจจะดีใจที่มีสมาชิกครอบครัว BNK48 เพิ่มขึ้น ขณะที่บางคนก็อาจจะไม่รู้สึกแฮปปี้มากนักเพราะเป็นการเบียดบังตำแหน่ง ลดโอกาสการได้รับเลือกให้ติดเซ็มบัตซึ หรือบางคนก็คิดว่ามันยังเร็วเกินไปที่จะรับรุ่นที่ 2 เพราะตั้งตัวไม่ทันหรือไม่พร้อมตรงจุดนี้ใครที่เป็นแฟนคลับของเมมเบอร์รุ่น 1 ก็จะได้เห็นมุมมองอีกแบบอีกแง่มุมมากขึ้น ซึ่งความคิดเห็นมันก็ไม่ใช่เรื่องผิด-ถูกอะไรครับ อีกทั้งเราก็จะได้เห็นการเติบโตของพวกเธอมากขึ้นด้วย4. ด้านมืดที่ดำดิ่งมากขึ้นภายใต้รอยยิ้มและความสดใสน่ารักของเมมเบอร์ เบื้องหลังมันคือความโหดร้ายที่พวกเธอกว่า 50 ชีวิตต้องแข่งขันกันเอง เพื่อไปให้ถึงความฝัน เพียงแต่เก้าอี้แห่งจุดหมายมันมีจำกัด พวกเธอจะต้องไขว่ขว้าแข่งขันกันเอง ในขณะที่ต้องรักษาความสัมพันธ์แบบเพื่อนเอาไว้ด้วย มันจึงบอบช้ำทางจิตใจพอสมควร บางทีที่สมาชิกคนหนึ่งได้รับโอกาสแต่อีกหลาย ๆ คนก็อาจจะไม่ยินดีกับเมมเบอร์คนนั้น มันจึงโหดร้ายสำหรับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งต้องเจอขนาดกัปตันวงอย่าง เฌอปราง ผู้ที่รักใน 48 Group ยังออกมายอมรับทั้งน้ำตาเลยว่ามันคือระบบที่โหดร้ายเกินไป5. ผลงานกำกับของ โดนัท มนัสนันท์คุณ โดนัท มนัสนันท์ พันเลิศวงศ์สกุล เราอาจจะได้ยินชื่อเธอในฐานะนักแสดงหญิงชื่อดังในอดีต แต่ปัจจุบันเธอผันตัวมาเป็นผู้จัด/ผู้กำกับภาพยนตร์-สารคดีสั้นเต็มตัว เธอมีผลงานคุณภาพหลายเรื่องอย่างเช่น ภาพยนตร์สั้นไทยนิยม, ภาพยนตร์เรื่อง Lovesucks, สารคดี บันทึกทางไกล...ถึงพ่อ, ละครเดือนประดับดาว แม้ว่าจะมีผลงานไม่มากนักแต่ในแง่คุณภาพบอกเลยว่าไม่ธรรมดาบวกกับบุคลิกลักษณะนิสัยของคุณ โดนัท เมื่อทำงานจะเป็นคนเข้มงวดและไม่ปล่อยผ่านข้อเสียอะไรไปง่าย ๆ และยิ่งการได้มากำกับสารคดีของวงไอดอลหญิงล้วน ก็น่าสนใจตรงที่เธอจะสามารถถ่ายทอดมุมมองของผู้หญิงด้วยกัน ได้อย่างละเอียดอ่อนแค่ไหน เพราะชีวิตจริงมันไม่มีสั่งคัทแล้วถ่ายใหม่ ดังนั้นในภาพยนตร์สารคดี One Take จะได้เห็นมุมมองของเมมเบอร์แบบเทคเดียวเท่านั้น มาร่วมติดตามชีวิตของพวกเธอได้กับสารคดี Original ไทยเรื่องแรกของ Netflix พบกัน 18 มิถุนายน นี้ครับ หากใครที่อยากจะหาช่องทางเพื่อรับชม Netflix ล่ะก็ แนะนำว่าให้ใช้กล่อง TrueID TV ครับ สามารถรับชมได้อย่างจุใจจัดเต็มทั้งภาพและเสียง ชมตัวอย่างได้ ที่นี่ที่มารูปภาพ: รูปภาพปก / รูปภาพ 1 / รูปภาพ 2 / รูปภาพ 3 / รูปภาพ 4 / รูปภาพ 5