"จริง ๆ แล้ว มนุษย์เรามีอิสระในการเลือกทางเดินชีวิตด้วยตัวเองจริงไหม?หรือเพียงแต่เดินตามเส้นทางที่ถูกกำหนดเอาไว้เท่านั้น...โดยไม่เคยรู้ตัว"เมื่อครั้งที่มหากาพย์ซีรีส์ฟอร์มยักษ์ยอดนิยมทั่วโลกอย่าง Game of Thrones ได้จบลงไปเมื่อปี 2019 ก็มีกระแสว่าซีรีส์เรื่องใหม่เอี่ยมของ HBO ที่กำลังออกอากาศจะสามารถเข้ามาชิงบัลลังก์แทนที่ Game of Thrones ได้ ซึ่งซีรีส์เรื่องที่ว่าก็คือ Westworld อีกหนึ่งผลงานของผู้กำกับชื่อดังอย่าง Jonathan Nolan น้องชายของ Christopher Nolan สองพี่น้องผู้กำกับที่เปี่ยมไปด้วยความสามารถ โด่งดังเป็นที่รู้จักจากภาพยนต์ชื่อดังอย่าง The Dark Knight และ Interstellar ชนิดที่แค่เอ่ยถึงชื่อพี่น้อง Nolan ก็ไม่ต้องคาดเดาคุณภาพกันแล้ว เพราะมั่นใจว่าจะได้ชมผลงานที่เยี่ยมยอดแน่นอน Westworld เป็นอีกหนึ่งผลงานคุณภาพขึ้นหิ้งของ HBO แนว Sci-fi เชิงปรัชญา ตระการตาด้วยฉาคแอคชั่นที่ทุ่มทุนสร้างมหาศาล ดัดแปลงจากซีรีส์เก่าในชื่อเดียวกันเมื่อปี 1973 นำมาสร้างใหม่โดยปรับเนื้อหาให้ล้ำสมัยกว่าเดิม และขยายขอบเขตของเนื้อเรื่องให้กว้างขึ้น พร้อมยกทัพนักแสดงมากฝีมือคับคั่ง ไม่ว่าจะเป็น Evan Rachel Wood นักแสดงสาวหน้าสวยราวตุ๊กตาบาร์บี้ รับบทนำ และ Jeffrey Wright, Anthony Hopkins, Thandie Newton เป็นนักแสดงหลักของทุก Seasonในส่วนของโปรดัคชั่น ต้องขอชื่นชมทีมงานจริง ๆ ค่ะ เพราะความทะเยอทะยานและจินตนาการที่กว้างไกลของผู้สร้าง และเพื่อความสมจริงของเนื้อเรื่อง ทำให้ฉากสุดอลังการถูกเนรมิตขึ้นมา! ด้วยทุนสร้างสูงมากถึง Episode ละประมาณ 10 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 100 ล้านเหรียญต่อ Season เลยทีเดียว! เรียกได้ว่างานสร้างของเรื่อง โดยเฉพาะ CG และฉากบู๊แอคชั่นนั้น ไม่น้อยหน้าภาพยนต์ฟอร์มยักษ์เลยล่ะค่ะ นอกจากนี้ ฉากเปิดของแต่ละ Episode ก็เป็นอีกหนึ่งจุดขายที่น่าสนใจ ที่บรรจงร้อยเรียงเรื่องราวของสถานการณ์ในแต่ละตอนได้อย่างแยบยลและมีเสน่ห์ ใครเป็นสายเก็บรายละเอียด ชอบการตีความ ต้องถูกใจมากแน่นอน!Westworld บอกเล่าถึงโลกในอนาคต ที่มนุษย์สามารถพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ AI และยกระดับเทคโนโลยีเสมือนจริง (Virtual Reality : VR) ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เสมือนเป็นการให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตที่เป็นปัญญาประดิษฐ์ ที่สามารถใช้ชีวิตในโลกเสมือนจริงร่วมกับมนุษย์ได้ โดยมี Blackground ของเรื่องเป็นดินแดนตะวันตกในยุคคาวบอย เปิดเรื่องด้วยการดำเนินชีวิตที่เรียบง่ายของผู้คนในชุมชน มีเหตุปล้นฆ่าเกิดขึ้นประปรายตามสไตล์หนังคาวบอย ทว่าสิ่งมีชีวิตในดินแดน Westworld นั้น ไม่ได้มีเพียงมนุษย์อย่างเดียว หากแต่เป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยหุ่นแอนดรอยด์ ปัญญาประดิษฐ์ที่ถูกพัฒนาขึ้นได้เหมือนมนุษย์ไม่ผิดเพี๊ยน ทั้งรูปร่างเนื้อหนังภายนอก ประสาทการรับรู้ ความรู้สึกนึกคิด กระทั่งความเจ็บปวด!Westworld คือสวนสนุกจำลองที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อความบันเทิงสนองความต้องการในจิตใจ โดยใน Season 1 นั้น ถูกจำลองให้เป็นดินแดนของคาวบอย เสมือนเป็นของเล่นของคนรวยรูปแบบหนึ่ง จากที่เคยเล่นอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ก็เปลี่ยนไปเป็นผู้เล่นจริงในดินแดนจำลองที่มีจริงในกายภาพ และมีหุ่นแอนดรอยด์เป็นตัวละครในเกมส์ แน่นอนว่า หุ่นยนต์แอนดรอยด์เหล่านั้นสามารถถูกผู้เล่นที่เป็นมนุษย์กระทำอย่างไรก็ได้ ไม่เว้นแม้แต่ฆ่าข่มขืน! เพราะแม้ตัวละครจะตายไป ก็จะถูกนำไปซ่อมและป้อนโปรแกรมใหม่ก่อนส่งกลับเข้าฉากในเกมส์ตามเดิม แน่นอนว่าหุ่นยนต์แอนดรอยด์ถูกโปรแกรมให้ไม่สามารถทำความเจ็บปวดใด ๆ แก่ผู้เล่นได้ สวนสนุก Westworld จึงเป็นเหมือนที่ระบายความดำมืดในจิตใจของผู้ที่เข้ามาเล่น ผู้ที่อ่อนแอในชีวิตจริง แต่อยากเป็นพระเจ้าที่สามารถกำหนดชะตาชีวิตให้ใครก็ได้ที่นี่แอนดรอยด์ในสวนสนุก Westworld จะถูกรีเซ็ตโปรแกรมใหม่ทุกวัน และดำเนินชีวิตไปตามที่ถูกโปรแกรมไว้แบบนั้นซ้ำ ๆ เหมือนเรากดปุ่ม Restart เกมส์ กระทั่งวันหนึ่ง เมื่อมีการ "อัพเดต" โปรแกรมเวอร์ชั่นใหม่เข้าไป ไม่รู้ว่าเป็นความผิดพลาดหรือตั้งใจของผู้พัฒนา เพราะกลับกลายเป็นว่า แอนดรอยด์บางตัวที่ถูกฆ่าตายและนำมาซ่อมเป็นปกติทุกวันนั้น ดันจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเองได้ซะนี่!จุดนี้จึงเป็น Breaking point ของเรื่อง คือการที่แอนดรอยด์แต่ละตัวค่อย ๆ เกิดความตระหนักรู้ หรือที่เรียกว่า Awakening เริ่มรู้สึกตัวว่าตัวเองเป็นอะไรและกำลังเผชิญกับอะไรอยู่ เริ่มมีความรู้สึกนึกคิดแบบมนุษย์มากขึ้นเรื่อย ๆ มีเป้าหมายของตัวเองที่ซ่อนอยู่ลึก ๆ และสามารถตัดสินใจในสิ่งที่นอกเหนือไปจากที่ถูกโปรแกรมไว้ และนั่นจึงเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่ทำให้เหล่าปัญญาประดิษฐ์ต้องการปลดแอกตัวเองออกจาก Loop เดิมที่ถูกโปรแกรม และออกไปใช้ชีวิตที่เป็นของตัวเอง ซึ่งนำไปสู่การปฏิวัติเพื่ออิสรภาพ จุดชนวนสงครามระหว่างมนุษย์และปัญญาประดิษฐ์ในที่สุด!ด้วยความซับซ้อนของบท ความเป็นสีเทาของตัวละคร ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายมนุษย์หรือฝ่ายแอนดรอยด์ และความคาดเดาไม่ได้ของตัวละคร ว่าแท้ที่จริงแล้วต้องการอะไรกันแน่ จึงทำให้ผู้ชมต่างลุ้นและเอาใจช่วยทั้งสองฝ่าย เพื่อรอดูว่ามนุษย์หรือปัญญาประดิษฐ์จะฉลาดได้มากกว่ากัน!Sci-fi สอดแทรกปรัชญา กับการค้นหาความหมายของการมีชีวิตWestworld มีรูปแบบการเล่าเรื่องที่ผูกโยงความเป็นไปของโลกในอดีตและอนาคต เต็มไปด้วยจินตนาการและสร้างคำถามชวนขบคิดในมิติของความเป็นมนุษย์ แม้ว่าตัวพล็อตอาจไม่ใช่เรื่องใหม่มากนัก แต่สิ่งที่เป็นจุดเด่นของ Westworld คือการสอดแทรก Key message ของปรัชญาชีวิต ท้าทายปริศนาที่ยังคงเป็นที่ถกเถียง การมีอยู่ของพระเจ้า การมีอิสระในการเลือกทางเดินชีวิตของมนุษย์ และการวิวัฒนาการของเทคโนโลยีบนความก้ำกึ่งของเส้นศีลธรรม หากใครชื่นชอบ The Matrix หนัง Sci-fi เชิงปรัชญาในตำนาน ต้องชอบเรื่องนี้แน่นอน Westworld สะกิดให้ผู้ชมตั้งคำถามกับตัวเอง ถึงความเปราะบางของเส้นแบ่งศีลธรรมจากการกระทำของมนุษย์ต่อปัญญาประดิษฐ์ หากมองในแง่ตรรกะ ในเมื่อปัญญาประดิษฐ์เป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้น ไม่ได้มีชีวิตโดยธรรมชาติ เช่นนั้น การกระทำแบบไม่มีมนุษยธรรมของตัวละครที่เป็นมนุษย์ในเรื่องถือเป็นเรื่องผิดหรือไม่? เราสามารถกระทำอะไรก็ได้กับสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นใช่หรือไม่ เพราะสิ่งนั้นไม่มีชีวิต แม้ว่าจะมันจะมีความรู้สึกเจ็บปวดก็ตาม ซึ่งในบางครั้งยิ่งเจ็บปวดก็ยิ่งเป็นที่ชอบใจ และในมุมกลับกัน ปัญญาประดิษฐ์ที่มีความตื่นรู้ มีความรู้สึกนึกคิด มีความปรารถนาที่ซ่อนอยู่ในใจ หากฆ่ามนุษย์จะมีความผิดทางศีลธรรมหรือไม่? เมื่อลองเปรียบเทียบกับชีวิตจริงแล้ว เราสามารถเล่นเกมส์ที่มีความรุนแรงอย่างเกมส์ต่อสู้ต่าง ๆ ที่กำลังนิยม หรืออาจเป็นเกมส์ Simulator ยอดนิยมอย่างเกมส์ The Sims ที่ดูเหมือนไม่มีพิษภัยอะไร แต่หลายคนกลับใช้เป็นที่ระบายอารมณ์ในด้านมืดที่ไม่ได้สามารถทำได้ในชีวิตจริง อย่างการวางแผนฆ่าตัวละครด้วยวิธีแปลก ๆ หากมองย้อนดูแล้ว เราเองก็อาจไม่ต่างอะไรกับตัวละครมนุษย์ใน Westworld สักเท่าไหร่เลย ใช่เพียงเรื่องความก้ำกึ่งของเส้นแบ่งขอบเขตศีลธรรมเท่านั้น แต่ Westworld ยังสร้างคำถามสำคัญข้อใหญ่ให้เปิดขึ้นในใจผู้ชม ชวนขบคิดถึงความเป็นมาของโลกใบนี้ ความยิ่งใหญ่ของจิตมนุษย์ที่เหนือกว่าสสารอื่นทั้งปวง ความจริงของการมีชีวิตอยู่ของมนุษย์และปริศนาที่ไม่สามารถหาคำตอบ ว่าแท้ที่จริงแล้วมนุษย์เรามีเจตจำนงเสรี หรือ Free will ในการเลือกทางเดินชีวิตเองได้จริงหรือ? หรือจริง ๆ แล้วเราก็แค่เดินไปตามทางที่ถูกลิขิตไว้เท่านั้น โดยไม่รู้ตัว เหมือนที่แอนดรอยด์ถูกโปรแกรมให้ทำไปตามที่กำหนดไว้และเราจะแน่ใจได้ยังไงว่าเราไม่ใช่ปัญญาประดิษฐ์ที่ถูกโปรแกรมเอาไว้และมีพระเจ้าเป็นผู้เล่นเกมส์อยู่!ต้องบอกว่าการตีความ Key message ของเรื่อง ขึ้นอยู่กับผู้ชมแต่ละคนเลยค่ะ อาจแตกต่างกันไปตามประสบการณ์ของแต่ละคน และยังคงเป็นหัวข้อถกเถียงที่ไม่มีข้อยุติที่แท้จริง เป็นการสร้างคำถามไว้ให้ไปขบคิดต่อ บางคนอาจชมเพื่อความสนุกเท่านั้น ไม่ได้ตีความอะไร ในขณะที่บางคนอาจตีความไปในเชิงปรัชญาได้หลากหลาย และในรูปแบบที่แตกต่างกันไป แม้ในฉากเดียวกัน ประโยคพูดเดียวกัน แต่ผู้ชมอาจคิดไม่เหมือนกันเลยสักนิดเดียวเลยก็ได้! นั่นจึงเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่น่าหลงใหลของหนังเชิงปรัชญาเรียกว่าค่อนข้างเป็นหนังที่เฉพาะทางทีเดียวค่ะสำหรับ Westworld เหมือนคัดผู้ชมเฉพาะกลุ่ม ด้วยการดำเนินเรื่องที่ค่อนข้างเอื่อยเฉื่อย มีการวนลูปเหตุการณ์ตามเนื้อเรื่อง ทำให้ฉากเดิม บทพูดเดิม ๆ ถูกนำเสนอบ่อย และการเป็นดินแดนคาวบอยก็เป็นรสนิยมที่ค่อนข้างเฉพาะทาง หากใครที่ไม่ได้ชื่นชอบการตีความเชิงปรัชญา ก็อาจไม่ถูกใจสักเท่าไหร่ จึงทำให้กระแสไม่ถูกกล่าวถึงเท่าที่ควร อย่างที่เคยหมายมั่นปั้นมือว่าจะเข้ามาแทนที่ซีรีส์ในตำนานอย่าง Game of Thrones แต่แม้ความนิยมจะไปไม่ถึงที่มาดหมาย ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณภาพจะด้อยอย่างใดเลย ในช่วงแรกอาจน่าเบื่อไปนิด แต่เมื่อค่อย ๆ คลายแต่ละปม ความสนุกก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆจุดขายของ Westworld นอกจากงานสร้างทุ่มทุนจนได้ชมภาพสวย ๆ และเนื้อเรื่องที่สอดแทรก Key message ของปรัชญาชีวิตอย่างแยบยลแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจคือความมีมิติของบท มีการดำเนินเรื่องที่สลับซับซ้อนระหว่าง อดีต ปัจจุบัน อนาคต ระหว่างโลกจริง และโลกเสมือนจริง คาดเดาได้ยากมาก มีจุดหักมุมหลายครั้ง เรียกว่าหลอกคนดูได้อยู่หมัดทีเดียว ต้องใช้การโฟกัสในการชมพอสมควรเลยค่ะ ไม่เช่นนั้นอาจหลุดจากเนื้อเรื่องได้ จนบางทีอาจแยกไม่ออกว่าฉากไหนโลกจริง ฉากไหนโลกเสมือน สำหรับใครที่อยากชมซีรีส์เพื่อผ่อนคลายล่ะก็ ไม่แนะนำเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง! ฮ่า ๆ ๆ เพราะนอกจากความซับซ้อนในการเดินเรื่อง และเนื้อเรื่องที่ต้องอาศัยการตีความที่อิงกับประสบการณ์เฉพาะบุคคลด้วยแล้ว ฉากความรุนแรงและติดเรตยังมีเยอะพอสมควร ภาพก็ช่างสมจริงตามสไตล์หนังฟอร์มยักษ์ของ HBO เขาล่ะ แน่นอนว่าด้วยทุนสร้างมหาศาลจนติด 10 อันดับหนังทุนสร้างสูงตลอดกาลแล้ว เรื่องงานภาพไม่แพ้ใครแน่นอนค่ะ และผู้สร้างก็ไม่ลืมที่จะ Service ผู้ชม ด้วยการเนรมิตดินแดนในสวนสนุก Westworld ในหลากหลายรูปแบบด้วยกันในแต่ละ Seasons เหมือนเรากดเลือกเปลี่ยนฉากในเกมส์นั่นล่ะค่ะ นอกจากดินแดนคาวบอยแล้ว ก็มีทั้งดินแดนซามูไรกับนินจา ดินแดนยุครุ่งเรืองของอังกฤษ ดินแดนสงครามโลกครั้งที่สอง และที่เซอร์ไพรส์ที่สุดคือ ดินแดนเวสเทอรอสจากจักรวาล Game of Thrones นั่นเอง! เราจะได้เห็นตัวละครและเจ้ามังกรจาก GOT กลับมามีชีวิตอีกครั้งใน Westworld แม้จะเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ของเนื้อเรื่องก็ตาม แต่ก็ทำให้แฟน ๆ ดีใจมากทีเดียวสำหรับใครที่ยังลังเลว่าจะสมัครสมาชิก HBO GO หรือ HBO MAX ที่กำลังจะเปิดให้บริการในวันที่ 27 พฤษภาคมนี้ดีไหม มีอะไรน่าสนใจให้ชมบ้าง ขอแนะนำเรื่องนี้ไว้เป็นหนึ่งในซีรี่ส์ขึ้นหิ้งที่ต้อง "Must-Watch" ของ HBO เลยค่ะHBO ยังมีซีรี่ส์คุณภาพที่น่าสนใจอีกหลายเรื่อง ไว้บทความหน้าจะแนะนำให้เพื่อน ๆ รู้จักอีกนะคะ ฝากกดติดตามดารัณไว้ได้เลยค่า~เรื่อง : ดารัณ พันสวะนัด (ผู้เขียน)ขอบคุณภาพประกอบจาก : HBO Official / ภาพสุดท้ายโดยผู้เขียน