"Danger is your friend." (ความอันตรายคือเพื่อนของคุณ) เป็นเวลาเกือบสามทศวรรษแล้วที่เราได้เห็นนักโบราณคดีชาวอังกฤษนามว่า Lara Croft ตัวละครสาวสุดแกร่ง นักผจญภัยสุดห้าวหาญ ที่ซึ่งออกเดินทางไปทั่วโลกเพื่อสำรวจและค้นหาสุสานลึกลับที่สุดแสนจะอันตรายในแฟรนไชส์เกมแอ็กชันผจญภัยขวัญใจผู้เล่นทั่วโลกอย่าง Tomb Raider ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 1996 โดยทีมพัฒนาเกมสัญชาติอังกฤษ Core Design ซึ่งด้วยความสำเร็จอย่างล้นหลามจากการแนะนำตัวละคร Lara Croft ที่คล้ายกับ Indiana Jones และคอนเซ็ปต์เกมเพลย์ที่น่าสนใจ จึงทำให้เกมแอ็กชันผจญภัย Tomb Raider มีภาคต่อตามมาอีกหลายภาคด้วยกัน และเป็นหนึ่งในแฟรนไชส์วิดีโอเกมที่ขายดีที่สุดตลอดกาล จนกลายมาเป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม และถูกหยิบนำมาพัฒนาและดัดแปลงเป็นทั้งฉบับภาพยนตร์ ซีรีส์ และคอมมิคมากมาย รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! https://www.instagram.com/p/C7wmxk7vfLb/ ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ความนิยมของ Tomb Raider กำลังเพิ่มพูน แฟรนไชส์เกมแอ็กชันผจญภัยนี้ก็พุ่งทะยานขึ้นสู่ความสำเร็จขั้นสูงสุดในปี 2013 กับการเปิดตัว Tomb Raider (2013) เกมฉบับรีบูทภาคใหม่ โดยทีมพัฒนาเกมทีมใหม่อย่าง Crystal Dynamics ที่เน้นไปที่การตีความใหม่ของตัวละครนำให้มีความมืดมนและดุดันกว่าภาคดั้งเดิม พร้อมทั้งสำรวจความเป็นมนุษย์ของ Lara Croft และผลกระทบต่าง ๆ ที่นำพาเธอให้กลายเป็น 'Tomb Raider' หรือนักล่าสุสาน ซึ่งเกมรีบูทฉบับใหม่นี้ได้รับคำชื่นชมจากทั้งนักวิจารณ์และผู้เล่นอย่างล้นหลามนับตั้งแต่เปิดตัว ทำให้ตัวเกมมีภาคต่อตามมาอย่าง Rise of the Tomb Raider (2015) และ Shadow of the Tomb Raider (2018) เป็นอันจบเรื่องราวของเกมไตรภาคฉบับรีบูทที่มีชื่อเรียกว่า 'Survivor Trilogy' https://www.instagram.com/p/C1KNikrM5Ir/ จากสาวน้อยอ่อนประสบการณ์ที่เริ่มต้นการสำรวจบนเกาะ Yamatai ดินแดนที่เต็มไปด้วยลัทธิประหลาดใน Tomb Raider (2013) สู่การออกค้นหาเมืองในตำนาน Kitezh ในแถบไซบีเรีย พร้อมทั้งต่อสู้กับองค์กรลับชั่วร้ายอย่าง Trinity ใน Rise of the Tomb Raider (2015) จนนำไปสู่การผจญภัยครั้งสุดท้าย ณ เมืองที่สาปสูญ Paititi กับการแข่งขันกับเวลาเพื่อหยุดยั้งหายนะที่เธอเป็นคนก่อขึ้นใน Shadow of the Tomb Raider (2018) บัดนี้ ในปี 2024 Lara Croft จะกลับมาอีกครั้งในรูปแบบแอนิเมชั่นซีรีส์เรื่องใหม่จาก Netflix และ Legendary Television ที่จะเป็นการสานต่อตำนานจากไตรภาคเกมฉบับรีบูท Survivor Trilogy บทถัดไปของนางเอกสาวที่ยังคงออกสำรวจโบราณสถานที่สาปสูญและค้นหาความจริงที่น่าตกใจและอันตรายในฐานะ 'นักล่าสุสานสุดยิ่งใหญ่' กับ Tomb Raider: The Legend of Lara Croft https://www.instagram.com/p/C_0TDKFpBGO/ Tomb Raider: The Legend of Lara Croft ซีรีส์แอนิเมชั่นเรื่องใหม่จาก Netflix และ Legendary Television สร้างจากแฟรนไชส์วิดีโอเกมล่าขุมทรัพย์ชื่อดังระดับไอคอนิกอย่าง Tomb Raider เล่าเรื่องราวเหตุการณ์ให้หลังจาก Shadow of the Tomb Raider (2018) เกมภาคสุดท้ายจากไตรภาครีบูท 'Survivor Trilogy' นักโบราณคดีสาวและนักล่าสุสาน Lara Croft (ให้เสียงโดย Hayley Atwell) ต้องเผชิญหน้ากับอดีตอันแสนเจ็บปวดของเธออีกครั้ง ในขณะที่เธอต้องออกผจญภัยตามหากล่องโบราณวัตถุปริศนาที่มีพลังอานุภาพสามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ พร้อมทั้งยับยั้งไม่ให้ตกไปอยู่ในเงื้อมมือของผู้ที่หลงผิด แอ็กชันดูดี แต่เน้นหนักทางด้านอารมณ์ https://www.instagram.com/p/DAHvrTuuUDp/ ต้องยอมรับว่า การผจญภัยครั้งใหม่ของนักล่าสุสาน Lara Croft ใน Tomb Raider: The Legend of Lara Croft เป็นอะไรที่น่าจับตามองมาก ๆ นับตั้งแต่การประกาศเริ่มพัฒนาซีรีส์ เพราะ นอกจากจะเป็นการสานต่อเรื่องราวหลังจากเกมภาคสุดฮิตอย่าง Shadow of the Tomb Raider (2018) แล้ว ซีรีส์เรื่องนี้ยังมีเป้าหมายอันสำคัญกับการเป็นสะพานเชื่อมเรื่องราวระหว่างไตรภาคเกม Survivor Trilogy (2013-2018) และซีรีส์เกมฉบับดั้งเดิมตั้งแต่ปี 1996 ซึ่งก็ต้องยอมรับว่า Tomb Raider: The Legend of Lara Croft สามารถทำได้ดีในเรื่องของการคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของ Tomb Raider ที่ยังคงเต็มไปด้วยฉากแอ็กชั่นที่น่าตื่นเต้น และการเอาชีวิตรอดที่กล้าหาญและน่ากลัว ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่การไล่ล่าบนท้องถนน การต่อสู้ที่เข้มข้นและทรงพลัง การแก้ปริศนากับดักในวิหารโบราณที่เดิมพันด้วยชีวิต ไปจนถึงการเผชิญหน้ากับสิ่งเหนือธรรมชาติที่ทำให้ผจญภัยของ Lara Croft นั่นยิ่งกดดันและอันตรายมากขึ้น https://www.instagram.com/p/DBB8u4wqaRJ/ ในด้านงานภาพและสไตล์แอนิเมชั่นของซีรีส์เรื่องนี้ก็นับได้ว่าสวยงามและโดดเด่น แต่จุดเด่นอย่างหนึ่งของ Tomb Raider: The Legend of Lara Croft ที่เชื่อว่าเราทุกคนจะเห็นชัดตรงกัน หลังจากได้รับชม คือ การเดินทางของ Lara Croft ในครั้งนี้มันเต็มไปด้วยภาระทางอารมณ์ของเธอเฉกเช่นเดียวกับที่ไตรภาคเกม Survivor Trilogy ได้ทำมากับการนำเสนอการเดินทางของ Lara ในมุมมองใหม่ ตัวซีรีส์จะนำพาผู้ชมไปเจาะลึกถึงความรู้สึกผิดและการสูญเสียของเธอที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ในเกมภาค Tomb Raider (2013) ซึ่ง ณ จุดนี้ หากคุณเป็นผู้ชมหน้าใหม่ที่ไม่เคยดูหรือเล่นเกมภาค Survivor Trilogy มาก่อน จุดเด่นของซีรีส์เรื่องนี้ก็คงจะเป็นการผสมผสานระหว่างการผจญภัยที่สนุก และความลึกซึ้งทางอารมณ์อย่างมีมิติของ Lara Croft ที่ทำให้เธอสามารถเข้าถึงได้มากขึ้นและมีความเป็นมนุษย์มากขึ้น แต่คาดว่าคงจะไม่ใช่สำหรับผู้ชมที่ผ่านเกมระดับคุณภาพเหล่านั้นมาก่อน เพราะ แม้ว่าตัวซีรีส์จะเพิ่มมิติใหม่ให้กับตัวละครได้ แต่เป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่การผจญภัยในครั้งนี้ยังดูห่างไกลกับคำว่าตำนานของเธอ (The Legend of Lara Croft) You know her name! https://www.instagram.com/p/DA_eAdsz1Se/?img_index=1 แม้ว่าตัวเนื้อเรื่องของ Tomb Raider: The Legend of Lara Croft จะมีทั้งส่วนที่ดีและไม่ดี แต่ก็ต้องยอมรับว่า ด้วยการแสดงและให้เสียงของ Hayley Atwell (จาก Captain America: The First Avenger) ที่สามารถถ่ายทอดความลึกซึ้งและละเอียดอ่อนของตัวละคร Lara Croft ที่มีทั้งความเข้มแข็ง ความเปราะบาง และความซับซ้อนทางอารมณ์ โดยเฉพาะช่วงเวลาการเผชิญหน้ากับอดีตที่ตามหลอกหลอนเธอมาตั้งแต่เกมภาค Tomb Raider (2013) กับการจากไปของ Richard Croft ผู้เป็นพ่อ และ Conrad Roth ครูฝึกของเธอ ที่ซึ่งช่วยเพิ่มมิติให้กับตัวละครของเธอมากขึ้น https://www.instagram.com/p/DAoK9aisD0Y/ ตัวละครสมทบที่ต้องขอพูดถึง คือ Jonah Maiava ให้เสียงโดย Earl Baylon เจ้าของเสียงต้นฉบับจากวิดีโอเกมกลับมาให้เสียงในฉบับแอนิเมชั่นซีรีส์ครั้งนี้ เขาคือ เพื่อนที่ซื่อสัตย์และคู่หูของ Lara ที่ร่วมออกผจญภัยกับเธอในเกมทุกภาคของ Survivor Trilogy การมีอยู่ของตัวละคร Jonah ช่วยนำพาบรรยากาศความอบอุ่นเข้ามาสู่ชีวิตและการผจญภัยของ Lara พร้อมทั้งคอยสนับสนุนเธอในทุกย่างก้าวสำคัญ และอีกหนึ่งตัวละคร คือ Zip ผู้ช่วยด้านเทคโนโลยีและเพื่อนของ Lara ให้เสียงโดย Allen Maldonado ที่เข้ามาช่วยเติมเต็มการผจญภัยของ Lara ให้ดูสนุกสนานมากขึ้น ในขณะที่ตัวร้ายหลักของเรื่องอย่างทหารรับจ้าง Charles Devereaux ให้เสียงโดย Richard Armitage (จาก The Hobbit) ที่นำเสนอออกมาเป็นศัตรูที่น่ากลัว เกรงขาม แต่ก็มีเสน่ห์ พร้อมทั้งมีมิติและความซับซ้อนในตัวละคร ซึ่งช่วยทำให้ความตึงเครียดของซีรีส์เรื่องนี้เพิ่มมากขึ้น โดยสรุป Tomb Raider: The Legend of Lara Croft คือ แอนิเมชั่นซีรีส์ ภาคต่อที่น่าชื่นชมของแฟรนไชส์วิดีโอเกมชื่อดัง Tomb Raider แม้ว่าจะไม่ได้ยอดเยี่ยมเท่าผลงานดัดแปลงจากเกมเรื่องอื่น ๆ แต่ตัวซีรีส์ก็สามารถรักษาแก่นแท้เดิมของ Tomb Raider เอาไว้ได้ พร้อมทั้งมีการนำเสนอการผสมผสานระหว่างฉากแอ็กชันผจญภัยที่น่าตื่นเต้น ร่วมกับการสำรวจถึงตัวตนของ Lara Croft อันเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญสำหรับซีรีส์เรื่องนี้ 7.5/10 - Not Bad but Hard to Grab! https://www.youtube.com/watch?v=Oe7CVCjgCzI Tomb Raider: The Legend of Lara Croft สามารถรับชมได้แล้ววันนี้ ขอบคุณข้อมูล รูปภาพและวิดีโอ ข้อมูล จาก Official Website tombraider.com ภาพประกอบที่ 1 | ภาพประกอบที่ 2 | ภาพประกอบที่ 4 | ภาพประกอบที่ 5 | ภาพประกอบที่ 6 | ภาพประกอบที่ 7 จาก Official Instagram tombraider ภาพปก | ภาพประกอบที่ 3 จาก Official Instagram netflixgeeked คลิปวิดีโอจาก YouTube: Netflix #Tombraider #Tombraiderthelegendoflaracroft #Laracroft เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !