"ซามูเอล แอล. แจ็กสัน" ไม่สนออสการ์ อยากแสดงหนังมาร์เวล ระดับพันล้านเหรียญมากกว่า
ซามูเอล แอล. แจ็กสัน (Samuel L. Jackson) นักแสดงรุ่นใหญ่ฝีมือจัดจ้าน วัย 75 ปี ได้ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร GQ และยอมรับว่าเขาตกใจมากที่ Marvel Studios สามารถสร้างภาพยนตร์ถึงยอดตามที่ระบุไว้ในสัญญาฉบับแรกที่เขาเซ็นไว้อย่างรวดเร็ว
สัญญาฉบับแรกดังกล่าวระบุว่าเขาจะต้องรับบท Nick Fury ในภาพยนตร์จักรวาล MCU (Marvel Cinematic Universe) จำนวน 9 เรื่อง โดยเริ่มตั้งแต่ ‘Iron Man’ (2008) จากนั้นตามมาด้วยภาพยนตร์หลายเรื่องในแฟรนไชส์ ‘Avengers’
แจ็กสันได้กล่าวว่า "เควิน ไฟกี (Kevin Feige) ประธานของ Marvel Studios ได้พูดกับผมว่า เราจะมอบสัญญาแสดงภาพยนตร์ 9 เรื่อง ให้แก่คุณ ผมถึงกับสงสัยว่าจะต้องมีชีวิตอยู่นานขนาดไหนจึงจะแสดงภาพยนตร์ได้ถึง 9 เรื่อง มันไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเลย ผมไม่ทราบมาก่อนเลยว่าพวกเขาวางแผนจะสร้างภาพยนตร์ 9 เรื่อง ในช่วงระยะเวลาเพียง 2 ปีครึ่งเท่านั้น ซึ่งมันบ้ามาก"
หากนับจนถึงปัจจุบัน แจ็กสันได้แสดงในภาพยนตร์และซีรีส์ของ Marvel Studios มากถึง 13 เรื่อง ดังนี้
- Iron Man (2008)
- Iron Man 2 (2010)
- Thor (2011)
- Captain America: The First Avenger (2011)
- The Avengers (2012)
- Captain America: The Winter Soldier (2014)
- Avengers: Age of Ultron (2015)
- Avengers: Infinity War (2018)
- Captain Marvel (2019)
- Avengers: Endgame (2019)
- Spider-Man: Far From Home (2019)
- Secret Invasion (2023)
- The Marvels (2023)
ก่อนหน้านี้ แจ็กสันได้ให้สัมภาษณ์กับ Los Angeles Times ว่า เขาสนใจที่จะรับบท Nick Fury อยู่เสมอ และเขาขอแสดงภาพยนตร์ Marvel หลายเรื่องที่ทำเงินถึงหลัก 1,000 ล้านเหรียญ มากกว่าจะแสดงบทที่ช่วยให้เขาคว้ารางวัลนี้
"ผมเคยคิดว่าผมควรจะชนะรางวัลออสการ์ในภาพยนตร์เรื่องนั้นบ้าง เรื่องนี้บ้าง แต่มันก็ไม่เคยเกิดขึ้นจริง ซึ่งทำให้ผมเหนื่อยและได้ก้าวข้ามมันมาหลายปีแล้ว มันไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับผม ผมรู้สึกดีที่ได้ร่วมงานประกาศผลรางวัลออสการ์อยู่เสมอ ผมรอโอกาสที่จะเป็นผู้คว้ารางวัลนี้ แต่อย่างที่บอก ผมได้ก้าวข้ามเรื่องนี้ไปแล้ว"
"ผมไม่เคยยอมให้รางวัลออสการ์มาเป็นตัวชี้วัดว่าผมเป็นนักแสดงที่ประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว ผมใช้ความสุขเป็นตัวชี้วัดมากกว่า หรืออาจมีคนมาบอกว่าถ้าคุณแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วจะชนะรางวัลออสการ์ สำหรับผมแล้วมันไม่ใช่เลย ผมยอมรับบท Nick Fury หรือ Mace Windu ที่ได้ถือดาบไลท์เซเบอร์มากกว่า"
ที่มา Variety