ความคิดเห็นเบื้องต้น :วิลลี่ วองก้า จัดเป็นหนังที่สร้างแรงบันดาลใจ และ ไอเดียสร้างสรรค์มากมายถูกบรรจุเป็นเรื่องราว ความหวัง ความฝัน การหักหลัง ทรยศ และ กิเลศที่ดำมืดของผู้มีอิทธิพล แต่ทั้งสองก็มีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดในตอนต้นและตัวเนื้อหาเองก็อาจจะไม่สัมพันธ์กันกับภาคแรก ดังนั้นถึงมันจะฟังดูขัดแย้ง แต่ก็ถือซะว่าดูเพื่อผ่อนคลายไปละกันนะครับ กับฉากสีสันสดใสและตัวละครน่ารักๆ ของเรื่องนี้ เรื่องราวของหนังในภาคแรก (ชาร์ลี กับ โรงงานช็อกโกแลต) เล่าถึงเด็กน้อยที่อาศัยอยู่ในกระท่อมโทรมๆ กับพ่อแม่และตายายที่แบ่งกันนอนตรงกลางบ้าน มีเตาผิงคอยเผาไฟให้ได้คลายความหนาว ภายใต้ผ้าห่มที่แย่งกันยืดแข้งยืดขา และแบ่งข้างกันนอนคนละฝั่ง พวกเขาไม่รู้หรอกว่าเด็กน้อยที่เป็นความหวังของบ้านคนนี้จะเปลี่ยนชะตาชีวิตของทุกคน ด้วยตั๋วทองที่เหลือใบเดียวเท่านั้นจากเด็กผู้โชคดีทั้งสี่คนที่เพิ่งได้ไป และโชคชะตาก็เหมือนกำหนดให้เด็กคนสุดท้ายที่ได้คือ ชาร์ลี ทำให้ทั้งบ้านตื่นตระหนกระคนดีใจ ถือเป็นของขวัญวันเกิดที่ดีที่สุดของชาร์ลี และหลังจากที่แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอยุ่นานก็ได้ข้อสรุปว่าใครจะไปด้วยกันก็คือคุณปู่ของชาร์ลีที่เคยทำอยู่ที่นั้นมาก่อน เขาทั้งคู่จะได้พบกับภูตตัวน้อย ที่เป็นเหมือนฟันเฟืองคอยขับเคลื่อนอาณาจักรความยิ่งใหญ่แห่งนี้ พวกเขาเป็นชนเผ่า อุมปาลุมป้า ด้วยตัวที่เล็กและมีหน้าตาไม่คอยรับแขกตลอดเวลาแต่แฝงไว้ด้วยอารมณ์ขันตลกหน้าตาย กลายเป็นเสน่ห์ของหนังแนวนี้จริงๆ เพราะถ้าหากธรรมดาทั่วไป คนดูก็คงจะเบื่อแน่นอนเพราะไม่มีอะไรให้ตื่นตาตื่นใจ นอกจากฉากที่มีความสวยงามจนดูเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในอีกโลกหนึ่ง ผมคิดว่าน่าจะเป็นฉากที่ค่อนข้างใช้งบประมาณมากพอสมควร กว่าจะได้ขนาดนี้สมกับทุนของหนังที่ลงไปกว่า 150 ล้านบาท และทำเงินไปได้ถึง 475 ล้านบาท ฟังดูอาจไม่มากแต่ก็ไม่ถึงกับขาดทุน (ดูตัวอย่างหนังได้ที่นี่ : Trailer: Charlie and the Chocolate Factory )เรื่องราวของหนังในภาคต่อ วองก้า (Wonka) มาเป็นแนวละครเพลง ภาคนี้มาพร้อมกับความฝันของวองก้า ที่อยากจะเล่าเรื่องราวของตัวเองให้ประสบผลสำเร็จ และไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม ที่ทำให้วองก้าต้องสูญเสีย แม่ไปเมื่อตอนเขายังเป็นเด็ก และสิ่งเดียวที่ทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้าคือกระเป๋ากลแสนวิเศษ ที่มีอุปกรณ์กลไกอยุ่ด้านในและขวดสรรพรสหลากสีต่างๆ (ไม่ว่าคุณอยากจะกินอะไร รสชาตินั้นจะทำออกมาเพื่อคุณโดยเฉพาะ) เพื่อให้วองก้าได้เดินตามความฝัน ที่จะเปิดร้านช้อกโกแลตเป็นของตัวเอง แต่เขายังไม่รู้ด้านมืดของเมืองนี้ที่แอบซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากอันฉาบฉวย จากน้ำใจที่ยิ้มแย้มของผู้คนในเมือง ที่จะสกัดยับยั้งเขา ไม่ให้ได้ทำตามฝันเพราะความอิจฉาริษยาในรสชาติที่เกินห้ามใจ และในใจเขาหวังว่าสักวันหนึ่งสัญญาที่เคยให้ไว้กับแม่จะกลับมาเจอกันอีกครั้ง เพียงแต่ยังไม่รู้ว่าความหมายของเคล็ดลับว่ามันคืออะไร การเดินทางของเขาจึงได้เริ่มต้นขึ้นในคืนหิมะหรรษาที่โหมกระหน่ำตลอดทั้งคืน ทำให้ต้องหาที่พักค้างแรมกับเจ้าของโรงแรมน้ำใจงามและชายเลห์เหลี่ยมที่หลอกให้วองก้าเข้าพักถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีเงินสักบาทเลยก็ตามเพียงแค่เซ็นสัญญาจากปลายปากกาของเขาเท่านั้น เรื่องวุ่นๆจึงบังเกิดขึ้นพร้อมกับได้เจอมิตรสหายแปลกที่แปลกถิ่นแต่ ตกระก่ำอยู่ในที่เดียวกัน แค่นี้ก็ฟังดูน่าสนุกแล้วใช่ไหมครับ เพราะงั้นอย่าได้แต่มองถึงแม้หนังจะเริ่มต้นด้วยทุนเกือบเท่ากับภาคแรก 125 ล้าน ตอนนี้ก็กำลังไต่ระดับมาได้ถึง 40 ล้านกว่าๆแล้วรอทุกคนมาให้กำลังใจกันอยู่ครับข้อแตกต่างระหว่างสองภาคนี้ คือตอนเด็กภาคแรก วิลลี่ วองก้า อยู่กับพ่อผู้ซึ่งเป็นทันตแพทย์ และ เข้มงวดกับลูกชายตัวเองเรื่องของหวาน แต่ในภาค วองก้า กลับเป็นลูกของแม่ผู้เป็นช่างทำช้อกโกแลตอยู่ในเรือลำน้อยที่แสนอบอุ่น และ ชนเผ่าอุมปาลุมป้าในภาคแรก เป็นชนพื้นเมืองหน้าตาเคร่งขรึม แต่แฝงตลกหน้าตายไว้ในตัวละคร ทำให้ดูน่าสนใจและน่าติดตามตลอดทั้งเรื่อง ในขณะที่ อุมปารุมป้าในภาคของ วองก้า ดูทันสมัยและผู้มารับบทก็ดูคุ้นหน้าคุ้นตากันดี(พระเอกหน้าหล่อของเราเอง ฮิว แกรนต์!) ประกอบกับชุดที่ทันสมัยมากขึ้น และ ดูเหมือนภูติ มากกว่า ชนเผ่าพื้นเมืองในภาคแรก แต่ดูดีกว่าทันสมัยกว่าและเป็นกันเองมากกว่าทำให้ดูน่ารักไปอีกแบบ ถึงแม้จะไม่มีมุขตลกเลยในภาคนี้ก็ตามทีแต่แค่ปรากฏตัวก็เรียกความสนใจในโรงได้พอสมควรข้อคิดของหนังทั้งสองเรื่องนี้ทิ้งไว้ได้อย่างน่าสนใจ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตามความสัมพันธ์ภายในครอบครัวก็ยังเป็นสิ่งจำเป็นที่ยังคอยเป็นกำแพงให้เราได้พักพิงอยู่เสมอ การไว้ใจคนแปลกหน้าเป็นสิ่งที่ต้องคอยระวัง ไม่มีใครดีกับเราจริงๆเพียงแค่เห็นเราผิวเผิน เพราะงั้นจงอย่าเผลอใจไปกับความมีน้ำใจที่มอบให้ในครั้งแรกที่เจอ และ ความพยายามคือแรงบันดาลใจให้เราก้าวต่อไปเพียงแค่เราต้องไม่ท้อแท้หรืออ่อนแอ และอีกหนึ่งจุดเด่นของนักแสดงเรื่องนี้ ที่ได้คว้ามาจากผลงานการแสดงบนเวทีโรงเรียน (ทิโมธี ชาลาเมต์) นักแสดงหนุ่มน้อยน่ารัก ใสๆ ชาวอเมริกัน มารับบทนำ และ ทำได้ดีเยี่ยม จนคนดูต้องตกหลุมรัก ด้วยความสามารถที่ยอดเยี่ยมบวกกับบทบาทที่ได้รับยิ่งส่งเสริมให้เขากลายเป็นที่ต้องตาต้องใจเมื่อเข้าไปดูครั้งแรกชนิดที่ไม่สามารถวางตาจากเขาได้เลย เขาสามารถดึงดูดสายตาผู้ชมได้ตลอดทั้งเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบ น่าประทับใจมากครับ ภาพยนตร์แนวผจญภัยแฟนตาซี : ความน่าสนใจ ⭐⭐⭐⭐ ตัวดารานำ ⭐⭐⭐⭐⭐ เนื้อเรื่อง ⭐⭐⭐⭐ ฉาก⭐⭐⭐⭐⭐ภาพประกอบบทความจาก Facebook WonkaMovie (1) (2) (3) (4) (5)ภาพประกอบหน้าปก : Pink and Chocolate Happy Valentine's Day Promotion Facebook Adโดย tmintco,Quirky Flat Woodland Birthday Party Dwarf with Balloons by sketchify,Red Ribbon Illustration โดย Lesia Hnatiuk ภาพหน้าปกวองก้า : facebook wonkaเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !