"เฮ้ ฟังนะพวก ชั้นทำงานสุจริต ผู้คนเข้ามาหาชั้นเพราะพวกเขาเข้าตาจน ชั้นช่วยพวกเค้า"คำพูดนี้คงไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ ถ้ามันไม่ได้ออกมาจากปากของ เจค กิตติส (Jack Nicholson) หนึ่งในสายสืบเอกชนที่ตามสืบเรื่องชู้สาว ให้กับคนที่ไม่มั่นใจในคู่ครองของตนเองนัก แต่ในอีกแง่หนึ่ง มันก็แสดงให้เห็นถึงมุมมองที่เขามีต่อตัวเองChinatown เป็นผลงานของ Roman Polanski หนึ่งในผู้กำกับมือทอง ที่เพิ่งประสบความสำเร็จไปกับ Rosemary Baby และได้รับคำวิจารณ์ในแง่บวกกับ Macbeth คราวนี้เขาได้ประกบกับนักแสดงมากฝีมืออย่าง Jack Nicholson และมือเขียนบท Robert Towne ที่ในเวลาต่อมาเขาก็ได้ออสการ์จากบทหนังเรื่องนี้ไปครองหนังว่าด้วย นักสืบเอกชนที่ตามสืบเรื่องชู้สาว อย่างเจค (Jack Nicholson) ที่ได้รับการว่าจ้างจากเอเวอลีน (Faye Dunaway) ให้ไปตามสืบฮอลลิส (Darrell Zwerling) สามีของตนเอง ซึ่งเป็นหนึ่งในหัวหน้าวิศวกรชื่อดังของ L.A. เรื่องก็เหมือนจะเป็นไปตามคาดครับ แต่วันต่อมาเจคก็พบว่าภาพที่เขาแอบถ่ายฮอลลิสกับชู้รัก ดันไปขึ้นบนหน้าหนังสือพิมพ์ซะนี่ แถมผู้หญิงที่มาจ้างเขายังไม่ใช่เอเวอลีนตัวจริงอีกด้วย และที่ช็อคที่สุดก็คือในวันถัดมาฮอลลิสก็ถูกพบเสียชีวิตอย่างปริศนาไปซะอย่างงั้น เจคที่เฝ้ามองทุกอย่างมาซักพักก็พอจะเดาออกครับ ว่ามีคนบางกลุ่มพยายามจะปิดบังอะไรบางอย่างเอาไว้ นำไปสู่การสืบสวนที่ต้องไปพบเจอกับการทุจริต และด้านมืดของมนุษย์Roman Polanski ผู้กำกับคุมหนังได้ดีครับ เขาเป็นผู้กำกับที่มีฝีมืออยู่แล้ว แน่นอนว่าหนังดูเนี๊ยบ และการใช้บรรยากาศในหนังของเขาก็ทำได้ดี ทั้งนี้ทั้งนั้นความสำเร็จส่วนหนึ่งก็ต้องขอบคุณ Robert Towne กับบทหนังที่เขาเขียนมาครับ ว่ากันว่าบทของ Chinatown นี่เป็นหนึ่งในบทหนังที่เพอร์เฟคต์ที่สุดเท่าที่เคยมีมาเลยทีเดียว คือมันเขียนขึ้นมาแบบดำเนินเรื่องซีนต่อซีนนะครับ มันเหมือนจะเรื่อยๆ แต่ถ้าสังเกตดีๆมันใช้เวลาในการเล่ารายละเอียดได้รวบรัด ดึงความสนใจ และมีชั้นเชิงในการค่อยๆเผยเรื่องราวเอามากๆ ดนตรีจาก Jerry Goldsmith รายนี้ไม่ต้องพูดมากอยู่แล้วครับ มีผลงานมากมาย เรื่องนี้แกเก็บมู๊ดของ L.A. ในยุคสมัยนั้น และอารมณ์เหงาๆสไตล์หนังฟิล์มนัวร์ได้เป็นอย่างดีผมต้องสารภาพนะครับ ว่าตอนได้ดูครั้งแรก ผมค่อนข้างแอบรู้สึกว่าหนังแอบเฉื่อยไปหน่อย และมองว่าทีเด็ดจะไปอยู่ที่การแสดงของ Jack Nicholson กับการขมวดปมช่วงท้ายนะครับ แต่หลังจากการได้ดูรอบสอง ส่วนหนึ่งเรารู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ความคาดหวังน้อยลง ได้โฟกัสที่ตัวละครมากขึ้น ด้วยปัจจัยหลายๆอย่าง ทำให้ผมได้มองหนังเรื่องนี้ในมุมมองที่กว้างขึ้นการดูครั้งแรกของผมมันหนักไปกับการโฟกัสที่เนื้อเรื่อง ทำให้ผมไปหลงอยู่กับความซับซ้อนของเรื่องราวนะครับ แน่นอนว่ามันดึงดูดความสนใจของผมได้ แต่ในอีกด้านหนึ่งมันก็ทำให้ผมละเลยองค์ประกอบอื่นๆของหนังไปด้วย แต่พอได้ดูรอบสอง มันทำให้ผมได้อินไปกับตัวละครต่างๆมากขึ้น ทั้งผู้มีอิทธิพลอย่าง โนอาห์ ครอส (John Huston) หรือพวกตำรวจที่เจคเคยทำงานด้วยสมัยอยู่ไชน่าทาวน์ ซึ่งผมว่าในส่วนนี้มันเป็นธีมจริงๆของหนังนะ ทำให้ผมได้รับรสหนังอย่างเต็มที่ และการขมวดปมในตอนท้ายก็ยิ่งสมเหตุสมผลมากขึ้น หลังจากการดูครั้งที่สองครับ เอาจริงๆผมว่ามันน่าสนใจดีนะครับ ที่บทหนังต้นฉบับ จะไม่มีซีนไหนในเรื่องเลยที่ดำเนินเรื่องในไชน่าทาวน์นะครับ เพราะผมมองว่าการดึงให้เจคต้องไปเผชิญหน้ากับชะตากรรมของตัวเองในไชน่าทาวน์นี่เป็นไอเดียที่ดีเอามากๆและคนที่ผมต้องชมมากที่สุดสำหรับหนังเรื่องนี้สำหรับผมก็คือ Jack Nicholson ครับ เรื่องนี้ผมมองว่าเขาแสดงเป็นเจคได้นิ่ง และเจ้าเล่ห์แบบพอดี สอดไส้ความเป็นคนดีเล็กๆ แถมยังแอบมีความน่าเห็นใจในบางมุมมองอีกด้วย และเอาจริงๆแล้วตอนที่ Robert Towne เขียนบทหนังเรื่องนี้ เขาก็นึกภาพเฮีย Jack อยู่ในหัวอยู่ตลอดอยู่แล้วด้วย ถือเป็นหนึ่งในการแสดงที่ดีที่สุดในอาชีพของเขาครับผมว่าพื้นฐานแล้วเจคเขาเป็นคนดี ถึงแม้เราจะเห็นเจคเป็นคนเทาๆตั้งแต่เริ่ม และถึงหนังจะไม่เคยกล่าวถึงอย่างจริงจังก็พอสรุปได้ครับ ว่าในอดีตเขาก็เคยมีส่วนร่วมในงานสกปรก แต่เมื่อเรื่องดำเนินไปเรื่อยๆ เราจะเห็นความต่างของเจค กับเหล่าตำรวจในเรื่องอย่างชัดเจน และผมว่านั่นแหละเป็นหนึ่งในเหตุผลที่เขาต้องออกมาจากไชน่าทาวน์ มาเป็นนักสืบเอกชนตั้งแต่แรก แต่สุดท้ายแล้วเจคเองก็เหมือนจะหนีกรรมเก่า และชะตากรรมของตัวเองไม่พ้นถือว่าเป็นหนึ่งในหนังที่อยู่ในสถานะคลาสสิก และพลาดไม่ได้อีกเรื่องครับ ขอบคุณภาพจาก https://www.facebook.com/ChinatownTheMovie/