การรับชม Argo ในNetflix ทั้งที่เป็นหนังตั้งแต่ปี 2012 แต่ไม่ทราบตัวเองเช่นกันว่าไปมุดหัวอยู่ไหนพลาดหนังที่ทั้งดูสนุก และสารแง่คิดที่น่าสนใจเยี่ยงนี้ไปได้อย่างไรวันนี้ผมจะมากล่าวถึง Argo กันครับ*มีการเปิดเผยเนื้อหาในเรื่อง บ่อเกิดของสงคราม มาจากความเกลียดชังและความแค้น ตามศาสนาต่าง ๆ ที่มีอยู่ทั่วโลกแล้ว แม้อาจไม่เอ่ยออกมาอย่างตรงไปตรงมาเฉกเช่น คริสต์ ว่าความรักคือสรรพสิ่งอันดีงามที่สุดในโลก แต่เท่าที่ผมทราบมานั้น การให้อภัย ควรเป็นสิ่งที่ถูกระบุลงไปในศาสนาต่าง ๆ เยอะที่สุดแต่พูดน่ะมันง่ายไง ไอ้ทำสิโคตรยาก...นั้นแหละคือสาเหตุที่สงครามมันไม่เคยจบ ซ้ำเร็ว ๆ นี้ยังจะมีการปะทุที่รุนแรงขึ้นไปอีกระหว่าง สหรัฐ กับ อิหล่านเหตุการณ์ในหนังที่มันปะทุรุนแรงขึ้นได้ ผลพวงมาจากที่สหรัฐให้ความร่วมมือหลบภัยแก่ ชาห์คนเก่า(เปรียบเป็นประธานาธิปดีของอิหล่าน) ที่ตอนเขาขึ้นครองนั้น เป็นการปกครองที่เหี้ยมจนสุดท้ายประชาชนลุกฮือต่อต้าน สิ่งที่พวกเขาต้องการหลังโค่นอำนาจสำเร็จก็คือ “การเด็ดหัวของชาห์เสีย” แต่สาเหตุอันใดกันนั้นเองที่สหรัฐยอมให้ที่พักพิก อันด้วยมิตรไมตรีที่เคยมีต่อกันน่าจะถูกต้องที่สุด และนั้นก็ทำให้ประชาชนไม่ยอม ออกมาประท้วงหน้าสถานทูตเมกาที่อิหล่าน จนจับตัวประกันไว้ได้หลายคน โชคดีที่มี 6 คนหลบหนีออกมาได้ CIA จึงจัดภารกิจช่วยพวกเขาหลบหนีออกมาโดยแผนการนั้นคือการปลอมให้ทั้ง 6 คน เป็นทีมทำหนังนั้นเองตลอดเรื่องของ Argo จะพาเราไปสำรวจวิถีความเป็นอยู่ของผู้คน และความโกรธแค้นที่เขามีต่อสหรัฐว่ามันมากขนาดไหนมากขนาดเพียงแค่เราหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูปต่อหน้าเขาก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟได้ทำให้เราได้เห็นว่าประชาชนประเทศนี้หากใครซักคนทำอะไรพวกเขาไปแล้ว อย่าหวังเลยว่าจะได้รับการอภัยอย่างง่ายดายสงครามจึงปะทุขึ้นเอา ๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเอง จะกล่าวหาว่าอิหล่านเป็นคนผิดเต็มประตูอย่างเดียวคงมิอาจเพราะในช่วงที่ชาห์คนก่อนของอิหล่านขึ้นครองนั้น อเมริการเองมิใช่หรือเป็นคนเข้าไปแทรก เพียงเพราะตนได้ผลประโยชน์เข้ามาด้วยแปลว่า ในเรื่องนี้ไม่มีใครผิด - ถูก แต่หนังเรื่องนี้ว่าด้วยเรื่องของ คนที่อยากมีชีวิตต่อไปก็เท่านั้นเองและแน่นอนด้วยตัวหนังแนว Thriller แล้ว ลุ้นจนหัวใจแทบหลุดจากปอดเป็นแน่แท้ WTF+ รัฐบาลนอกจากจะได้เห็นความโหดร้ายที่เกิดขึ้นในอิหล่านที่ทำให้เราตกใจจริง ๆ ว่าพวกเขาโกรธแค้นขนาดนั้นเชียวหรือ ได้อย่างไรกันตัวหนังยังได้พาเราไปวิพากษ์วิจารณ์การทำงานที่ล้าช้า และเอาหน้าเป็นหลักของรัฐบาลที่เอาแต่คิดถึงเรื่องหน้าตัวเองเป็นหลัก มากเสียกว่าชีวิตของคน 6 คนคำครหาดังกล่าวเกิดขึ้นทั่วโลก ไม่ว่าจะประเทศที่เจริญแล้ว หรือประเทศที่กำลังพัฒนาอย่างบ้านเราก็ตามแต่มันเป็นเรื่องที่เอามาพูดกันในวงเหล้า หรือถูกกล่าวออกมาผ่านบนร้อยกรอง ร้อยแก้ว หรือสื่อชนิดใด ๆ บนโลกก็ตามแต่เราผู้รับสารนั้นก็คงพูดได้คำเดียวว่า “หงุดหงิดโว้ย โมโห ๆ โว้ยยยยย น่ารำคาญ !!”ฉะนั้นแล้วหากพระเอกเราเลือกจะปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเดียว ทั้งที่ภารกิจไปได้ไกลแล้วแต่กลับมายกเลิกกลางคันชีวิตของทั้ง 6 นั้น เราก็มิอาจรู้ได้เลยว่าจะเป็นยังไงต่อไปสุดท้ายผู้น้อยอย่างเราก็มีชีวิตเพื่อทำตามหน้าที่อย่างเดียวหรือ ? หรือ เราควรจะแหกคอกออกมาทำตามสิ่งที่ควรจะเป็นไป ?นั้นคือคำถามที่หนังตั้งแก่เรา การมีชีวิตในโลกมายาCIA ไม่ต่างกับผู้ปิดทองหลังพระ หากออกข่าวโครม ๆ ไปว่าเราเป็นคนช่วยเหลือสุภาพสตรี – บุรุษ ออกมาเองแล้วนั้นจะยิ่งเพิ่มความโกรธแก่อิหล่านแน่แท้ ฉะนั้นความดีความชอบจึงยกให้แก่รัฐบาลแคนาดาไปแทน ไอ้ตรงนี้ผมก็ไม่แน่ใจว่าฝ่ายนั้นเขาอยากรับหน้าแทนหรือเปล่านะ ที่แน่ ๆ หลังจากแคนนาดารับหน้า หน้าใหญ่สุด ๆ ไปโรย~ แทนเมกาไปแล้ว อิหล่านก็ออกสื่อพร้อมเปล่าประกาศว่า แคนาดาต้องชดใช้ กลายเป็นสร้างศัตรูขึ้นอีกซะอย่างงั้น ดั่งที่ผมกล่าวไป สงครามเกิดจากความแค้น ความโกรธ ใช้อารมณ์เป็นตัวตัดสินมากกว่าสิ่งใดนอกจากนี้แล้ว ตัวหนังยังวิพากษ์ถึง Hollywood แดนมายาของชอบของใครหลาย ๆ คน แน่นอนใครเกิดมาบ้างล่ะไม่เคยดูหนังที่มาจาก Hollywood ซึ่งแน่นอน เมืองแห่งมายา ยากนักแท้ที่ใครมาใหม่จะอยากรุ่งได้ง่าย ๆต้องทำตัวมายาสมญานามมัน การโกหกสร้างสีป้ายไข่นั้นคือการเอาตัวรอดเพื่อดันตัวเองไปให้สูงสุดจงได้CIA เองก็ไม่ต่างจากการอยู่ในโลกมายาเช่นกัน พวกเขาต้องทำงานโดยที่ไม่มีใครรับรู้ใด ๆ ทั้งนั้น และก็ต้องหลอกสร้างสีป้ายไข่เพื่อการเอาตัวรอดเช่นกัน และภารกิจที่เพิ่มขึ้นมาครั้งนี้ ต้องพาคนอื่นรอดไปอีกด้วยถ้าจะยากอยู่นะ ภาพโดย David Mark จาก Pixabay ท้ายสุดArgo ไม่ได้เป็นหนังสร้างจากเรื่องจริงธรรมดา ๆ แต่มีแง่คิดสำคัญที่แทรกมาสู่เราได้ ด้วยวิธีการนำเสนอที่ดูเข้าใจ และเกิดอารมณ์ร่วมกับมันไปตลอดฝั่ง ลุ้นชิ-หายวายป่วงตลอดเรื่องแน่นอนสุดท้ายเราไม่รู้เลยว่า ความโกรธแค้นจงเกลียดจงชังจะหมดไปเมื่อไรต้องมีคนอย่างนารูโตะอีกกี่ซักพันคนหรือเปล่า ถึงจะได้มีใครซักคนมาเปลี่ยนแปลงโลกเราให้ดีขึ้นหรือนั้นจะเป็นอีกอุดมคติในโลกของมายาหรือเปล่าแต่ที่แน่นอนคือ ใครคนนั้นที่ปลดแอกประเทศตัวเอง และมีใบหน้าที่ยังถูกวาดซ้ำไปมา แปะอยู่ท้ายรถสิบล้อกล่าวไว้ว่าความเกลียดชังเป็นองค์ประกอบสำคัญของการต่อสู้ ใครก็ตามที่ไม่มีความเกลียดชังในใจ จะไม่มีวันชนะศัตรูที่แข็งแกร่งและโหดเหี้ยมได้ - เช เกวาร่าแต่เจ้าหนุ่มหัวทองนารูโตะก็กล่าวว่าฉันน่ะ จะชนะ และกำจัดความเกลียดชังที่มีอยู่บนโลกไปทั้งหมด โดยที่ไม่ใช้ความเกลียดชังใด ๆ เป็นเชื้อเพลิงทั้งนี้ทั้งนั้น คำพูดของใครเป็นความมายาที่สุด ก็คงขึ้นอยู่กับทุกท่านแล้วแหละครับ ว่าจะใช้สิ่งใดเป็นเชื้อเพลิงในใจตัวเองรูปภาพจาก https://pixabay.com/https://www.facebook.com/argomovie/