นับตั้งแต่ที่โลกได้ร่วมเป็นสักขีพยานการปิดตำนานไตรภาคของแบทแมนที่สมจริงและมืดมนที่สุดกับ The Dark Knight Trilogy (2005-2012) แบทแมนฉบับ Christian Bale โดยผู้กำกับชื่อดังกระฉ่อนแห่งวงการอย่าง Christopher Nolan บัดนี้ 10 ปีต่อมา ภาพยนตร์เดี่ยวรีบูทครั้งใหม่ของแบทแมนได้กลับมาอีกครั้ง โดยผู้กำกับวิสัยทัศน์แปลกใหม่ Matt Reeves จาก War for the Planet of the Apes (2017) และผู้ที่มารับบทเป็นแบทแมนคนใหม่ก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นพระเอกหนุ่มอย่าง Robert Pattinson จากมหากาพย์โรแมนติกแฟนตาซี The Twilight (2008-2012) ที่ล่าสุดเมื่อปี 2022 ที่ผ่านมานี้ ทั่วทั้งโลกก็ได้พบกับอัศวินรัตติกาลเวอร์ชั่นใหม่ที่ทั้งโคตรดิบ โคตรดาร์ค และโคตรเดือดกว่าครั้งไหน ๆ นี่คือ การกลับมาเปิดตำนานครั้งใหม่ของอัศวินรัตติกาลในแบบที่คุณไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนกับ The Batman เดอะ แบทแมนhttps://www.instagram.com/p/CZM38jxJf_l/The Batman เดอะ แบทแมน ภาพยนตร์ฉายเดี่ยวของ Batman อีกครั้งในรอบ 10 ปีที่อยู่ในจักรวาลเอกเทศของตัวเอง เปิดเรื่องราวบทใหม่และนำเสนอกลิ่นอายใหม่ของ Batman จาก DC Comics ให้มีความเป็น "นักสืบรัตติกาล" มากขึ้น เล่าเรื่องราวในปีที่สองของ Bruce Wayne/Batman (Robert Pattinson) หลังจากที่เขาได้ออกปราบอาชญากรรมในเมืองก็อตแธมมาอย่างต่อเนื่อง แต่แล้วเมื่อมีเหตุฆาตกรต่อเนื่องโรคจิตเริ่มสังหารบุคคลสำคัญทางการเมืองของก็อตแธม แบทแมนจึงถูกบีบบังคับให้ต้องสืบสวนการคอร์รัปชั่นที่ซ่อนอยู่ในเมืองแห่งนี้ แต่เขาจะทำอย่างไร เมื่อค้นพบว่า คดีในครั้งนี้มีความเกี่ยวข้องกับครอบครัวของเขาเองสืบสวนระทึก แอ็กชันใช้ได้https://www.instagram.com/p/CaqXSsrvSfv/เราสามารถพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า "The Batman" คือ อัศวินรัตติกาลในแบบที่คุณไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน เพราะ ด้วยวิสัยทัศน์ที่ไม่เหมือนใครของผู้กำกับ Matt Reeves ที่อยากจะถ่ายทอดความเป็น "นักสืบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก (The world's greatest detective)" ของแบทแมนที่ได้รับการยกย่องแบบในการ์ตูนคอมมิค นั่นจึงทำให้ The Batman มีความแปลกใหม่ในหลาย ๆ ด้าน มีความสดใหม่ที่ดูสมจริง และมาพร้อมกับความทะเยอทะยานที่ค่อนข้างสูง แต่ตัวภาพยนตร์ก็ยังคงโทนเรื่องและสีที่มืดมน และดุดันตามที่ควรจะเป็นจากผลงาน DC ก่อนหน้า ดั่งจะเห็นได้จากคดีฆาตกรรมสุดโหดที่ทำให้แบทแมนต้องงัดทุกสกิลการสืบสวน ตามค้นหาคำตอบถึงต้นตอของปริศนาในครั้งนี้ รวมไปถึงฉากหลังของเรื่องอย่างเมืองก็อตแธมนั่น มันก็เต็มไปด้วยความลึกลับ ความหม่นหมอง และความเสื่อมโทรมจากการคอร์รัปชั่นภายในที่ยากจะมีวันเปลี่ยนแปลงhttps://www.instagram.com/p/Cau60UChTV2/ในขณะที่ The Batman สามารถรักษาความสมดุลระหว่างความตึงเครียดและความหนักแน่นทางอารมณ์ได้อย่างมีชั้นเชิงแล้ว ฉากแอ็กชันใน The Batman ก็สามารถนำเสนอได้อย่างเข้มข้น และดิบเถื่อนจนสร้างช่วงเวลาที่น่าชมได้อยู่หลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นฉากการต่อสู้สุดดุเดือดระหว่างแบทแมนกับเหล่าตัวร้าย หรือฉากลุ้นระทึกถึงใจที่มีระเบิดเวลาเป็นเดิมพัน รวมไปถึงฉากไล่ล่าความเร็วบนท้องถนนด้วยรถ Batmobile คู่ใจที่ดูเดือดกว่าครั้งไหน ๆ ช่วงเวลาที่อัดแน่นไปด้วยฉากแอ็กชันเหล่านี้มีส่วนทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้มีชีวิตชีวาและสร้างความสนุกได้มากขึ้นเลยทีเดียวThe World's Greatest Detectivehttps://www.instagram.com/p/Cax7C3IBtd5/ในภาพยนตร์ The Batman ถือเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่คับคั่งไปด้วยนักแสดงคุ้นหน้าคุ้นตาหลากหลายบทบาทที่เข้ามาสู่โลกแห่งอาชญากรรม ณ เมืองก็อตแธม เริ่มด้วยที่พระเอกหนุ่มสุดฮอต Robert Pattinson เจ้าของบทแวมไพร์หน้าหล่อ Edward Cullen จากมหากาพย์ The Twilight (2008-2012) ที่เข้ามารับบทบาทเป็นมหาเศรษฐี Bruce Wayne/Batman ต่อจากรุ่นพี่อย่าง Christian Bale (จากไตรภาค The Dark Knight) และ Ben Affleck (จากจักรวาล DCEU) การนำเสนอบทบาทแบทแมนของ Robert Pattinson ในฐานะศาลเตี้ยที่ไม่สนอะไรรอบข้างและยังอ่อนประสบการณ์นั่น มันช่างให้ความรู้สึกดิบและเข้มข้นเป็นอย่างมาก ในขณะที่ตัวละครของเขาก็ต้องต่อสู้กับภาวะทางอารมณ์ที่หนักอึ้ง ทั้งความคาดหวังและภาระของตระกูล นั่นจึงทำให้ตัวละครแบทแมนของ Robert Pattinson ดูมีความเป็นมนุษย์อย่างมาก https://www.instagram.com/p/Capsx6BJjlb/ต่อมาที่บทบาทตัวละครนำหญิงในภาคนี้อย่าง Selina Kyle/Catwoman รับบทโดย Zoë Kravitz (จาก Fantastic Beasts: The Crimes of Grindelwald) ที่เข้ามารับบทบาทนี้ต่อจากรุ่นพี่ Anne Hathaway (จากไตรภาค The Dark Knight) การแสดงของเธอได้สร้างตัวละครดั้งเดิมแต่มาในรูปแบบใหม่ที่ช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับเรื่องราว เราจะได้เห็นถึงความฉลาดเกมโกงของ Selina Kyle มากขึ้น รวมไปถึงการนำเสนอลีลาสไตล์การต่อสู้ที่โดดเด่นสำหรับแคทวูแมน ทำให้ Zoë Kravitz นับเป็นหนึ่งในแคทวูแมนที่ดีที่สุดที่เคยมีมาhttps://www.instagram.com/p/CdWjCgfDQK7/ในเมื่อภาพยนตร์ The Batman ต้องการจะถ่ายทอดความเป็น "นักสืบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก" ของแบทแมน งั้นก็คงจะไม่มีวารร้ายตัวไหนที่เหมาะสมสำหรับการเปิดเรื่องราวอีกแล้ว นอกจากตัวละคร Edward Nashton/Riddler วารร้ายผู้ชื่นชอบปริศนาชื่อดังจากคอมมิคของแบทแมน รับบทโดย Paul Dano (จาก 12 Years a Slave) ที่ได้รับไม้ต่อมาจากรุ่นพี่บนจอหนังตั้งแต่ปี 1995 อย่าง Jim Carrey (จาก Batman Forever) การแสดงแบบตีความใหม่ของ Paul Dano ได้สร้างความแตกต่างจากฉบับก่อนหน้าเอามาก ๆ จากที่เป็นวารร้ายสายกวนชอบทายปัญหาฉบับ Jim Carrey สู่การเป็นวารร้ายอำมหิต จอมวางแผนฆาตกรรมอย่างเลือดเย็น นี่ถือเป็นตัวละคร The Riddler ที่น่ากลัวที่สุดที่เคยเห็นมาในโลกของแบทแมนก็ว่าได้เลยhttps://www.instagram.com/p/Ceo_gAfDNH8/ในขณะที่ตัวละครบทสมทบที่ซึ่งขาดไม่ได้ในโลกของแบทแมน คือ พ่อบ้านผู้ภักดีประจำตระกูล Wayne อย่าง Alfred Pennyworth รับบทโดย Andy Serkis (จาก Black Panther) ที่รับไม้ต่อจาก Michael Caine (จากไตรภาค The Dark Knight) และ Jeremy Irons (จากจักรวาล DCEU) การมารับบทของ Andy Serkis เรียกได้ว่า ทำให้ภาพลักษณ์ของพ่อบ้าน Alfred ในครั้งนี้มีความเถื่อนที่สุดแล้ว ซึ่งเป็นที่ค่อนข้างน่าเสียดายที่เราไม่ได้เห็น Alfred เวอร์ชั่นนี้แสดงฉากแอ็กชันซะเท่าไร (ซึ่งคงจะน่าตื่นเต้นไม่น้อยเลย 555) และอีกหนึ่งตัวละครอย่างนายตำรวจแห่งเมืองก๊อตแธม Jim Gordon รับบทโดย Jeffrey Wright (จาก No Time to Die) ที่แน่นอนว่ารับไม้ต่อมาจากรุ่นพี่ Gary Oldman (จากไตรภาค The Dark Knight) และ J. K. Simmons (จากจักรวาล DCEU) เช่นกัน การนำเสนอของ Jeffrey Wright ยังคงแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ของตัวละครที่มีต่อความยุติธรรม และความไว้ใจของเขาที่มีต่อแบทแมน ไม่ต่างจากฉบับก่อนหน้าของ Gary Oldman https://www.instagram.com/p/Cdbki9pjN3w/นอกจากตัวละคร The Riddler ที่เป็นวารร้ายหลัก ในภาพยนตร์ The Batman ยังได้นำเสนอตัวละครวารร้ายจากหน้าคอมมิคชื่อดังมาสมทบทีละนิดทีละน้อย แต่ก็สร้างความโดดเด่นได้มากไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นตัวละคร Carmine Falcone อาชญากรผู้กุมความลับสำคัญของการคอรัปชั่นและครอบครัวตระกูล Wayne รับบทโดย John Turturro (จาก Transformers) ที่รับไม้ต่อจาก Tom Wilkinson (จากไตรภาค The Dark Knight) หรือจะเป็นตัวละครวารร้ายคู่ปรับตลอดกาลของแบทแมนอย่างตัวตลกโรคจิต Joker รับบทโดย Barry Keoghan (จาก Eternals) ที่เข้ามารับบทบาทนี้ต่อจากรุ่นพี่ผู้สูงส่งทั้งหลาย ดั่งเช่น Heath Ledger (จากไตรภาค The Dark Knight), Jared Leto (จากจักรวาล DCEU) และ Joaquin Phoenix (จาก Joker) แต่ตัวละครวารร้ายคุ้นตาที่โดดเด่นที่สุดและกำลังจะมีซีรีส์เดี่ยวเป็นของตัวเอง คือ Oswald "Oz" Cobblepot/Penguin วารร้ายลูกเล่นเยอะ ผู้ที่ทำงานให้กับ Carmine Falcone รับบทโดย Colin Farrell (จาก Fantastic Beasts and Where to Find Them) ที่เรียกได้ว่า รับไม้ต่อมาจากรุ่นพี่บนจอหนังตั้งแต่ปี 1992 อย่าง Danny DeVito (จาก Batman Returns) การแสดงของ Colin Farrell เป็นที่น่าจดจำและสร้างเสียงชื่นชมอย่างมากใน The Batman จึงไม่แปลกใจเลยที่เรื่องราวของเขาควรจะถูกนำมาเสนอและสำรวจต่อไป ก่อนที่เขาจะได้รับตำแหน่งเป็นเจ้าพ่ออาชญากรรมนามว่า The Penguinโดยสรุป The Batman เดอะ แบทแมน คือ การกลับมาฉายเดี่ยวอีกครั้งของอัศวินรัตติกาลแห่งเมืองก็อตแธม ที่อยากจะเล่าเรื่องราวในรูปแบบใหม่เพื่อดึงเอาความเป็น "นักสืบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก" ของแบทแมนออกมา การนำเสนอและการแสดงของตัวละครต่างมีเอกลักษณ์ที่งดงาม และน่ากลัว ยิ่งมีการแสดงที่น่าดึงดูดของ Robert Pattinson เข้าไปแล้ว ทำให้ The Batman คือ สิ่งที่แฟน ๆ ของแบทแมนฉบับไตรภาค The Dark Knight จะต้องคิดถึง9/10 - Gritty Triumphhttps://www.youtube.com/watch?v=s6ttqUweIncThe Batman เดอะ แบทแมน สามารถรับชมได้แล้ววันนี้และเตรียมตัวรับชมเรื่องราวบทถัดไปของ The Batman Saga ใน 'THE PENGUIN' ซีรีส์ภาคแยกจาก The Batman นำแสดงโดย Colin Farrell กลับมารับบทเป็น Oswald "Oz" Cobblepot/Penguin ร่วมด้วย Cristin Milioti, Rhenzy Feliz, Michael Kelly และ Michael Zegen กันยายนนี้ 'เขา' จะรุ่งโรจน์!ขอบคุณข้อมูล รูปภาพและวิดีโอที่มาข้อมูล: warnerbros.comภาพปก | ภาพประกอบที่ 1 | ภาพประกอบที่ 2 | ภาพประกอบที่ 3 | ภาพประกอบที่ 4 | ภาพประกอบที่ 5 | ภาพประกอบที่ 6 | ภาพประกอบที่ 7 | ภาพประกอบที่ 8 จาก Official Instagram thebatmanคลิปวิดีโอที่ 1 จาก Youtube: Warner Bros. Thailand#Thebatman #Thebatmansaga #Batman #Thepenguin #DC #DCuniverse #DCelseworldsเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !