เมื่อกฎหมายอาจไม่ใช่สิ่งที่ยุติธรรมที่สุด! Justice Is Mine ซีรีส์จีนแนวดราม่าสืบสวนที่ไม่ได้แค่เล่าคดีแต่เปิดโปงความจริงอันบิดเบี้ยวของระบบยุติธรรมผ่านสายตาของชายคนหนึ่งที่เคยยึดมั่นในกฎหมายแต่เมื่อถึงวันที่ครอบครัวตกอยู่ในอันตรายเขาอาจต้องกลายเป็นคนละคน ในโลกที่เส้นแบ่งระหว่าง “ความถูกต้อง” กับ “ความรัก” นี่คือเรื่องราวของอำนาจ ความลับ การทรยศ และคำถามที่ไม่เคยมีคำตอบที่ถูกต้อง 100% แวะมาป้ายยาเหตุผลที่ต้องดูค่ะ! รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! 1. การกลับมาของ "จางเจียฮุย"หลังหายจากจอทีวีนานเกือบ 20 ปี หนึ่งในจุดเด่นที่ทำให้ซีรีส์ Justice Is Mine ถูกจับตามองตั้งแต่ยังไม่ออกฉาย คือการหวนคืนสู่จอทีวีของนักแสดงระดับรางวัลอย่าง จางเจียฮุย ซึ่งห่างหายจากผลงานโทรทัศน์ไปเกือบสองทศวรรษ เขารับบทเป็น "ผู้พิพากษาฉินอวี่" ชายที่เคยยึดมั่นในหลักความยุติธรรมอย่างเคร่งครัด แต่เมื่อคนในครอบครัวเข้าไปพัวพันกับเหตุการณ์อาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับอำนาจมืด เขากลับต้องตัดสินใจครั้งสำคัญระหว่าง “กฎหมาย” กับ “ความเป็นพ่อ” การแสดงของจางเจียฮุยถูกยกย่องว่าลึกซึ้งและมีน้ำหนัก เขาสามารถถ่ายทอดความขัดแย้งภายในจิตใจของตัวละครได้อย่างน่าเชื่อถือ เป็นการกลับมาที่ทรงพลังและคุ้มค่าสำหรับแฟนๆที่เฝ้ารอผลงานของเขา 2. พล็อตสืบสวนแนวศีลธรรมเข้มข้น ที่ตั้งคำถามกับ "ความยุติธรรมที่แท้จริง" เรื่องราวของ Justice Is Mine ไม่ใช่แค่การสืบสวนคดีทั่วไปแต่เป็นการเปิดพื้นที่ให้ผู้ชมตั้งคำถามกับ “ขอบเขตของความยุติธรรม” และ “ความถูกต้องทางศีลธรรม” เมื่อ ลูกชายของผู้พิพากษาฉินอวี่ เกิดอุบัติเหตุชนคนตาย และ คนที่เสียชีวิตดันเป็นสมาชิกแก๊งอาชญากรรมทรงอิทธิพลทำให้ทุกอย่างกลายเป็นจุดเริ่มต้นของเกมอันตรายที่ทั้งครอบครัว, ศาล, ตำรวจ และแก๊งมาเฟีย ต่างดึงเข้ามาเกี่ยวข้อง เรื่องราวจึงไม่ใช่แค่ใครผิด ใครถูกแต่กลายเป็นสนามประลองทางศีลธรรม นี่คือพล็อตที่ทั้งลุ้นระทึก สะเทือนใจ และกระตุ้นความคิดอย่างแท้จริง 3. ทีมนักแสดงคุณภาพสูง ถ่ายทอดทุกตัวละครได้มีมิติ นอกจาก จางเจียฮุย ที่รับบทนำแล้ว ซีรีส์ยังได้นักแสดงหญิงยอดฝีมืออย่าง หูซิ่งเอ๋อร์มารับบท ตำรวจหญิง “ถังเสวียน” ผู้รับผิดชอบคดีนี้โดยตรง เธอเป็นตัวแทนของความยุติธรรมที่ไม่ประนีประนอมและต้องต่อสู้กับแรงกดดันรอบด้าน ทั้งจากระบบตำรวจ แรงกดดันทางการเมือง และ การสืบคดีที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นทุกวัน นอกจากนี้ยังมีนักแสดงสมทบชื่อดัง เช่น เจิงซุ่นซี เป่าฉีจิ้ง จางเจ้าฮุย ซึ่งแต่ละคนล้วนมีฝีมือระดับแนวหน้าช่วยเติมเต็มความเข้มข้นให้กับตัวละครหลากหลายมิติ ทั้งผู้ร้าย อัยการ ตำรวจ และผู้เกี่ยวข้องกับคดี 4. ดัดแปลงจากซีรีส์ต่างประเทศชื่อดัง ถ่ายทอดในบริบทจีนได้อย่างลึกซึ้ง Justice Is Mine เป็นการดัดแปลงจาก IP ซีรีส์อิสราเอลชื่อดังที่เคยถูกนำไปสร้างเป็นเวอร์ชันอเมริกาและเกาหลีมาแล้ว ซึ่งล้วนประสบความสำเร็จทั้งในแง่เรตติ้งและเสียงวิจารณ์ เวอร์ชันจีนนี้ นำเสนอผ่านมุมมองเฉพาะของระบบยุติธรรมจีน-ฮ่องกงที่มีบริบทเฉพาะตัว ทั้งเรื่องอิทธิพลของชนชั้น, ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับอำนาจมืด รวมถึงแรงกดดันจากสื่อและสังคม การปรับบทให้เข้ากับสภาพสังคมจีนทำให้เนื้อหาลึกและสมจริง ผู้ชมสามารถเข้าถึงได้ง่าย และ สะท้อนถึงความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของผู้คนได้อย่างแนบเนียน 5. จำนวนตอนจำกัด เน้นเล่าเรื่องเข้มข้น กระชับ ไร้ฉากฟิลเลอร์ หนึ่งในจุดที่ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้แตกต่างจากซีรีส์จีนทั่วไปคือ จำนวนตอนที่มีเพียง 20 ตอน เท่านั้น ด้วยข้อจำกัดนี้ ทีมผู้สร้างจึงต้องบริหารเวลาในการเล่าเรื่องอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่มีฉากยืดเยื้อ ไม่เสียเวลาไปกับเส้นเรื่องรองที่ไม่จำเป็น ทุกตอนมีจุดพลิกผัน (plot twist) และ เบาะแสใหม่ที่ทำให้ผู้ชมต้องคอยลุ้นไปจนจบ ความกระชับนี้เหมาะมากสำหรับผู้ชมที่ชอบซีรีส์ที่เดินเรื่องเร็ว มีน้ำหนักไม่ใช่ซีรีส์ที่ดูแบบเพลินๆแต่ดูแล้วต้องคิด วิเคราะห์ และ เชื่อมโยงเหตุการณ์อยู่ตลอดเวลา ขอขอบคุณ 绝命法官官微 ภาพปก ภาพที่ 1/2/3/4/5 จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !