ถ้าใครสันทัดในสายบรอดเวย์ ละครเพลง และมิวสิคัล รวมถึงได้ติดตามโลกเวทย์มนตร์ของแดน OZ คงไม่มีใครไม่รู้จักกับ Wicked ที่ซึ่งเป็นละครเพลงที่ดัดแปลงมาจาก Wicked: The Life and Times of the Wicked Witch of the West ที่แตกต่างกับที่เคยเล่าไว้ใน The Wizard of OZ ในฐานะบทบาทตัวร้าย ซึ่งคราวนี้จะนำเสนอเรื่องราวของแม่มดเขียว Elphaba ที่คราวนี้ตัวหนังจะพาให้เราได้เห็นเรื่องราวที่ไม่เคยรู้ของเธอในก่อนหน้านั้นกับความสัมพันธ์มิตรภาพกับนางฟ้าผู้ใจดีอย่าง Glinda แม้จะทำการแสดงโชว์มาหลายรอบ กวาดรางวัลไปมากมาย แต่ก็ไม่เคยมีโอกาสได้ขึ้นจอเป็นหนังใหญ่สักทีมานาน จวนถึงเวลาอันสมควรที่เรื่องราวนี้จะถูกหยิบมาเล่าเป็นหนังโดยได้ผู้กำกับ จอน เอ็ม ชู ที่สันทัดในงานมิวสิคัลมากำกับ และได้ค่าย Universal Studios มาผลักดันให้โปรเจกต์นี้ได้เกิดขึ้นจริง ๆ ซึ่งได้คลอดออกมาเป็นถึงหนัง 2 ภาค ให้มีความยาวเหมาะสมตรงตามบริบทของละครเพลงดั้งเดิม โดยในเวอร์ชั่น 2024 นี้ก็ได้นักแสดงนำอย่าง Ariana Grande และ Cynthia Erivo มารับบทเพื่อนรักจากอดีตอริสู่เพื่อนรักในปัจจุบัน รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! Wicked Part 1 จะเล่าเรื่องถึง Elphaba แม่มดผิวเขียวที่แตกต่างจากคนทั่วไปตั้งแต่เกิดออกมา เธอจิตใจดี แข็งแกร่ง และมีพลังของแม่มดที่ยากจะควบคุมได้อยู่ในตัว แม้จะถูกใคร ๆ ดูถูกและรังเกียจเธอ เธอก็ไม่ย่อท้อจะไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยชิซ จนได้เจอกับ Glinda นักเรียนตัวป๊อปของมหาลัย ซึ่งทั้งคู่ไม่ถูกกันมาก ๆ แม้จะร่วมเป็นรูมเมทด้วยกันก็ตามที ก่อนที่ท้ายที่สุดทั้งคู่จะสัมผัสได้ถึงพลังมิตรภาพของกันและกัน ซึ่งนำไปสู่เรื่องราวที่ไม่คาดคิดที่จะเปลี่ยนและกำหนดชะตากรรมของตนและเพื่อนรักของเธอด้วยกันและกันไปตลอดกาล ความรู้สึกหลังรับชมจบในสายตาของคนที่ไม่ได้สันทัดและชื่นชอบแนวมิวสิคัล Wicked Part 1 ก็ยังคือหนังบล็อคบลัสเตอร์ที่สนุกและเต็มเปี่ยมด้วยคุณภาพแบบทำถึงที่เกินคาดแห่งปีอยู่เหมือนกัน สิ่งแรกที่ต้องชื่นชมมาก ๆ เลย คือพาร์ทของมิวสิคัล ที่สร้างออกมาดีมาก ๆ มีการใช้เพลงที่เยอะตามสไตล์แนวมิวสิคัลแต่ล้วนทุกเพลงขับเคลื่อนเรื่องราวได้อลังการและกินใจกว่าฉบับละครเพลงด้วยความเป็นศาสตร์หนังที่สามารถถ่ายทอดได้ลึกกว่า ซึ่งตรงนี้ทำเสิร์ฟทั้งแฟนเดนตายละครเพลงและคนดูขาจรทั่วไปให้ดูสนุกเพลิน ๆ ไปด้วยกันได้ แถมเป็นหนึ่งในไม่กี่หนังมิวสิคัลที่แต่ละเพลงใส่มาติดหูอลังการในเกือบ ๆ ทุกเพลง MVP ที่สุดของหนังพาร์ทแรกคงจะเป็นพาร์ทของเพลง Defying Gravity ในช่วงท้ายของหนังที่เหมือนเป็นท่อนปล่อยฮุคสุดท้ายก่อนจะจบได้ดีมาก ๆ ทั้งเพลงในฉาก การแสดง องค์ประกอบศิลป์ การตัดต่อ ส่งเสริมได้ทรงพลังมาก ๆ จนเป็นหนึ่งในฉากไอคอนนิคของหนังในภายในปี 2024 ได้อย่างง่าย ๆ และไม่ง่ายเลยที่หนังมิวสิคัลจะมีโมเมนต์ที่คลับคล้ายกับไคลแมกซ์แบบหนังแนวแอ็คชั่นที่ระเบิดภูเขาเผากระท่อมได้ขนาดนี้ ซึ่งถือเป็นอะไรที่ดีมาก ๆ ที่สามารถหยิบจับโมเมนต์อันน่าขนลุกจากบริบทละครเพลงมาใส่ในหนังแล้วยังคารวะอารมณ์เดิมได้เต็มเปี่ยมไม่ถูกลดทอนแม้แต่น้อย ทุกอย่างจะไม่เป็นผลและดีเกินคาดกินใจคนดูขนาดนี้ ถ้าขาดพลังการแสดงของสองนักแสดงนำไป Cynthia Erivo เธอสามารถถ่ายทอดจิตวิญญาณความเป็น Elphaba ได้คมทุกมิติ นิ่ง เงียบ อมทุกข์ ภายในใจ และถ่ายทอดผ่านดวงตาได้ดีมาก ๆ ก่อนจะไประเบิดพลังการแสดงในบทเพลงส่งท้ายหนังที่ทำให้ชวนเชียร์ให้เธอได้ลุ้นหยิบรางวัลติดไม้ติดมือกลับบ้านไปบ้าง เช่นเดียวกับ Ariana Grande ในบท Glinda ที่แสดงได้สะใจ แตกแตน จนทำให้สามารถตกตะลึงในพาร์ทการแสดงของเธอที่นอกเหนือจากพาร์ทศิลปินได้อึ้งมาก ๆ โดยเฉพาะจังหวะคอมเมดี้และความมิวสิคัลที่ต้องผสมเข้ากับแอ็คติ้งแบบหนังทั่วไปที่เธอแสดงได้ดีมาก ๆ เช่นกัน ทุกครั้งที่สองตัวละครนำกระทำต่อกันทั้งพาร์ทแสดงทั่วไปและขับร้องมิวสิคัล ต่างส่งเสริมตัวเรื่องราวได้ดีมาก ๆ ซึ่งนับเป็นจุดแข็งที่แข็งแรงมาก ๆ ของเรื่องนี้และคงจะไม่มีใครเล่นเป็นสองเพื่อนรักได้ดีเท่าเธอสองคนแล้วจริง ๆ จะเรียกว่าสองคนเกิดมาเพื่อรับบท Elpahaba และ Glinda ใน Wicked ฉบับคนแสดงคงไม่มีผิดเลยสักนิด ซึ่งมันทำให้ภาพรวมของตัวบทที่เล่าเรื่องถึงความสัมพันธ์มิตรภาพสองเพื่อนสาวตลอดทั้งหนังผลลัพธ์ออกมาทำให้อินมาก ๆ ในช่วงบทสรุปปลายทางของหนัง รวมไปถึงพาร์ทพล็อตรวม ๆ ของภาคนี้ทั้งประเด็นเมืองพ่อมดออซและตัวละครอื่น ๆ ที่เขียนมาได้มาตรฐานเล่าเพลิน ๆ ตามสไตล์หนังมิวสิคัลที่ง่าย ๆ ไม่ซับซ้อนแต่ยังต้องมีมนต์เสน่ห์ตึงคนดูได้อย่างอยู่หมัดซึ่ง Wicked Part 1 ก็เก่งพอที่ทำแบบที่ว่ามาได้หมด งานสร้าง คอสตูม ทำดีแบบที่ควรจะเป็นและอลังการสมกับหนังทุนหนาอีกเรื่องของปี อาจจะไม่ได้สดใหม่ ว้าวชวนตกตะลึงที่เราอาจคุ้นชินกับฝั่งดิสนีย์ แต่ในพาร์ทของเรื่องราวตรงนี้ พาร์ทเมืองมรกต คงจะเป็นจุดแข็งในงานแง่สร้างและคอสตูม ที่สวยแฟนตาซี ชวนเชื่อในความมีอยู่ของดินแดนแห่งนี้จริง ๆ และไม่ในงานออสการ์ที่กำลังะจถึงในต้นปีหน้าคิดว่าสาขาคอสตูมและออกแบบงานสร้าง Wicked Part 1 น่าจะมีลุ้นได้เข้ารอบไปชิงกับเขาอยู่พอสมควร ตลอดความยาว 2 ชั่วโมง 40 นาทีทีดูเหมือนยาวสำหรับสายตาคนดูหนังทั่วไป แต่ทุกอย่างทุกรายละเอียดถูกเล่าอย่างรวดเร็วและย่อยง่ายเพลิดเพลินได้ทันครบจบให้รู้สึกเหมือนได้ดูแปปเดียวก็จบแล้ว แม้จะเพลิดเพลินจริง แต่ในบางพาร์ทก็ยังแอบรู้สึกรวบรัดและไวไปนิดหน่อยโดยเฉพาะในพาร์ทที่เป็นความจริงจังแบบบริบทหนังที่ถอดความมิวสิคัลออกแล้ว ทั้งนี้ทั้งนั้นซึ่งน่าจะเกิดกับความยาวหนังที่อาจจะมองว่ายาวไปแล้ว แต่ในแง่ความสมบูรณ์ก็ยังมีช่วงบางช่วงที่ยังห้วนไปหน่อยซึ่งที่ว่ามาก็ไม่ได้เป็นข้อเสียที่เลวร้ายใหญ่ ๆ เลย ภาพรวมแล้ว Wicked Part 1 คือหนังมิวสิคัลฟอร์มยักษ์ที่พร้อมโอบกอดต่อกลุ่มคนดูที่รักและสันทันในสายละครเพลงพร้อมคนดูทั่วไปได้สนุกและเอนจอยกับเรื่องราวได้เพลิดเพลินดี ๆ ที่เต็มเปี่ยมด้วยงานสร้างที่มีแพชชั่นสูงและพลังการแสดงของนักแสดงที่ชวนซื้อและเชื่อตามได้สำเร็จ อาจจะยังไม่ใช่หนังที่เพอร์เฟ็คไร้ที่ติแต่ทว่าในความต้องคุมทั้งพาร์ทเป็นหนังจริงจังและความมิวสิคัลที่ดัดแปลงมาจากละครเพลงที่แสนขึ้นหิ้งมาก ๆ ได้ระดับนี้ คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่านี้คือหนังที่ทำหน้าตนได้ดีมาก ๆ และเมื่อท้ายปีชื่อของ Wicked Part 1 ก็น่าจะเข้าไปติดหนังท็อป ๆ ของแต่ละคนในปีนี้ได้ไม่ยากเลย ขอบคุณแหล่งที่มาของภาพ ภาพหน้าปก 1 จาก Facebook : United International Pictures Thailand ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 จาก Facebook : United International Pictures Thailand เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !