ภาพ: ผู้เขียนหนังสารคดี ปี 2558 ของผู้กำกับ Asif Kapadia (เจ้าของสารคดีเรื่องเยี่ยมอย่าง Senna และ Diego Maradona) ที่เล่าเรื่องราวของคนที่เป็นเจ้าของชื่อเรื่อง ‘Amy Winehouse’ นักร้องและนักแต่งเพลงชาวอังกฤษ เจ้าของเพลงดัง Rehab และเจ้าของรางวัลแกรมมี่ อวอร์ดส์ 5 สาขา เมื่อปี 2549เรื่องราวทั้งหมดในหนังถูกร้อยเรียงผ่านฟุตเทจที่ส่วนใหญ่เป็นคลิปวิดีโอถ่ายเก็บไว้ดูเล่น จากผู้คนรอบข้างที่เกี่ยวข้องกับเอมี่ บทสัมภาษณ์ที่หลายครั้งเลือกใช้เฉพาะเสียงแต่ไม่ค่อยใช้ภาพ ทั้งพ่อแม่ ผู้จัดการส่วนตัว เพื่อนฝูง แฟน ผสมกับการใช้ภาพถ่าย ทุกอย่างถูกถ่ายทอดออกมาด้วยจังหวะที่ลงตัว แสดงถึงธรรมชาติของเอมี่และผู้คนอย่างเปิดเผย ไม่มีการเซ็ตกล้องและไฟเพื่อถ่ายสัมภาษณ์ให้ได้ภาพที่ประณีตผมไม่ได้ติดตามวงการเพลงแนวใดเป็นพิเศษ และส่วนใหญ่มักฟังเพลงไทยมากกว่าเพลงสากล แม้เคยได้ยินชื่อเอมี่มาก่อนจะได้ดูหนังเรื่องนี้ แต่ถ้าถามว่าเคยฟังเพลงไหนของเธอบ้าง ผมก็ไม่รู้จักสักเพลง จนมาได้ฟังบางเพลง (เช่น Rehab กับ Back to black) ผ่านหนัง จึงถึงบางอ้อว่า ‘นี่คือเพลงของเธอเองหรือ’ แม้เป็นแค่เสียงที่ผ่านเข้ามาในหูผมแบบผ่านๆ โดยไม่ตั้งใจฟัง แต่ก็พอจำได้ภาพ: ผู้เขียนชีวิตครอบครัวของเอมี่ มีจุดเปลี่ยนในวัยเด็กคือการหย่าร้างของพ่อแม่ แม่ดูแลเธอไม่ได้และเลี้ยงแบบปล่อยปละ ทำให้เธอได้เลือกใช้ชีวิตด้วยตัวเอง ด้วยความที่เธอมีความเป็นศิลปินสูงมาก จึงไปเจาะและสักทั่วร่างกาย เด็กหญิงร้องเพลง ‘แฮปปี้ เบิร์ธเดย์’ เล่นๆ ในบ้านยังเพราะ ทั้งที่ไม่เคยเรียนร้องเพลง และได้ร้องเพลงกับวงแจ๊สเล็กๆ ตั้งแต่อายุ 16 ปี โดยเรียนรู้จากการฟังเพลงของมังค์และของศิลปินเดี่ยว แม้การร้องเพลงสำคัญกับเธอมาก แต่เธอไม่เคยคิดจะเป็นนักร้อง แค่คิดว่าโชคดีที่การร้องเพลงเป็นสิ่งที่เธอสามารถทำเมื่อไหร่ก็ได้ที่อยากทำหนังเล่าทั้งด้านที่สวยงามอย่างความสำเร็จของผลงาน การมีเพลงฮิตติดชาร์ต การได้รับรางวัลใหญ่มากมายตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น และด้านที่ชวนหดหู่อย่างปัญหาระหว่างเธอกับพ่อและแฟน นำมาสู่การใช้ยาเสพติด การมั่วเซ็กซ์ โรคบูลิเมีย การติดแอลกอฮอล์ จนมีช่วงหนึ่งต้องเข้าโรงพยาบาล ซึ่งเพื่อนฝูงยังอยู่ข้างเธอเสมอ พวกเขาทำให้เอมี่เห็นว่าไม่อยากเกี่ยวข้อง แต่จะอยู่เคียงข้างเมื่อเธอต้องการความช่วยเหลือ คือรักเธอแต่ไม่ชอบสิ่งที่เธอเป็นและไม่อยากอยู่ใกล้เธอ ผิดกับพวกสื่อที่พอเห็นเอมี่ ‘ล้ม’ ก็ได้ทีนำมาล้อเป็นเรื่องขำขันตามรายการทีวี (สิ่งนี้คงเป็นราคาของคนมีชื่อเสียงที่ขึ้นเวทีแต่ละครั้งได้เงินเป็นล้าน-ต้องจ่าย) ภาพ: ผู้เขียนในหนังมี 2 ซีนที่ผมรู้สึกสะเทือนใจเป็นพิเศษซีนแรก - ปกติเอมี่แทบไม่ได้อยู่กับพ่ออย่างเป็นส่วนตัว แต่เมื่อทั้งสองมีเวลาไปเที่ยวทะเลกัน พ่อกลับเอาตากล้องกับคนอัดเสียงไปเก็บภาพเธอด้วย ซึ่งเธอไม่ชอบ (เสียงสัมภาษณ์ของพ่อว่า เธอรู้สึกว่า “พ่อทำทุกอย่างก็เพื่อเงินและความดัง”) แถมระหว่างนั้นมีคนมาขอถ่ายรูปกับเธอ พ่อโอเคแต่เธอไม่ เธอพูดต่อหน้าพวกเขาตรงนั้นว่า “ถ้าเกรงใจกันจริงๆ ก็ไม่น่าจะ...” เธอหยุดพูดไปเองโดยไม่ทันจบประโยค แม้ยินยอมและกอดคอพวกเขามาถ่ายรูปด้วยรอยยิ้ม แต่ก่อนพ่อกดถ่าย เธอก็ยังแอบเหน็บพวกเขาว่า “แต่เสื้อสวยนะ” พอพวกเขารับกล้องคืนและเดินจากไป พ่อถามเธอว่าทำไมพูดแบบนั้น เธอบอกไม่อยากถูกหลอกใช้ พ่อบอกเขาแค่ขอถ่ายรูปเอง เธอรีบชี้มายังกล้องที่กำลังแอบถ่าย (เหมือนชี้หน้าเราคนดู) หน้ากล้องจึงรีบกดลงถ่ายพื้นทรายริมทะเลแทน แต่ยังเก็บเสียงถกเถียงระหว่างพ่อลูกต่อไป...ประโยคแรกนั้นความหมายค่อนข้างชัดเจน แต่กับประโยคหลัง ผมไม่แน่ใจว่าเธอรู้สึกอย่างไรตอนพูดคำสั้นๆ ห้วนๆ ในห้วงนั้น มันเหมือนมุขที่เธอจงใจทำเป็นตลกกลบเกลื่อนสถานการณ์ตึงเครียด มากกว่าจะตั้งใจให้ตลกจริงๆ และเราคนดูแทนที่จะหัวเราะกลับเศร้าไปกับเธอ-ที่แม้แต่คนใกล้ชิดก็ยังไม่เข้าใจตัวเธอ (แน่นอนว่าซีนนี้ถูกเล่าด้วยฟุตเทจวิดีโอจากกล้องที่พ่อให้คนเอามาตามถ่ายเอมี่กับการสัมภาษณ์พ่อ)กับอีกซีน, ที่สนามกีฬากลางแจ้งในเซอร์เบีย คอนเสิร์ตครั้งแรกของเธอหลังผ่านการไปบำบัดมา แต่เธอขึ้นเวทีไปแล้วไม่ยอมร้องเพลง ถูกคนดูหนาแน่นข้างล่างเวทีโห่ใส่ (มีคนตะโกน “ถ้าไม่ร้องก็คืนเงินมา”, “เมาเละสิเนี่ย ไม่รู้ตัวแล้วว่าอยู่ที่ไหน”) ขณะเธอเดินไปเดินมาบนเวที ท่ามกลางนักดนตรีที่ยังเล่นต่อไป ตัดภาพมาอีกทีเธอนั่งนิ่งอยู่ข้างกลองชุด สีหน้าเหม่อลอย มีรอยยิ้มคนเดียว...เสียงโห่ยังดังต่อเนื่อง (ในภายหลัง นักเปียโนบอก “เธอไม่แคร์อะไร ไม่แคร์ถึงขั้นทำลายอาชีพตัวเอง มิตรภาพ และเยื่อใยกับดนตรี”) ตอนนั้นไม่มีใครเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ เธอรู้ตัวว่าทำพัง ทัวร์คอนเสิร์ตที่อื่นถูกยกเลิก แต่เธอดูดีใจที่จะได้ไปงานแต่งงานของอดีตผู้จัดการส่วนตัวภาพ: ผู้เขียนหนังเล่าจนถึงจุดจบของเอมี่ เมื่อวันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคม 2554 ที่บ้านพักของเธอ รถตำรวจมาจอดหน้าบ้านหลังนั้น ตำรวจหลายนายและบอดี้การ์ดของเธอเดินเข้าไป และกลับออกมาพร้อมเปลที่มีผ้าคลุม เสียงลั่นชัตเตอร์จากกล้องหลายตัว เสียงอาลัยอาวรณ์จากแฟนเพลงที่อยู่ตรงนั้น กับการจากไปของซูเปอร์สตาร์คนนี้ ด้วยวัยเพียง 27 ปี ประกอบกับเสียงพากย์จากบอดี้การ์ดของเอมี่“เธอดูเหมือนแค่หลับอยู่บนเตียง แต่เธอจากไปแล้ว, คืนวันศุกร์ เธอเพิ่งให้ผมดูคลิปในแล็ปท็อป ตอนเธอร้องเพลงบนเวที แล้วบอก ‘ดูสิฉันร้องเพลงได้!’ ผมตอบ ‘โคตรถูก, คุณร้องได้’ แล้วเธอก็พูดต่อ‘แต่ถ้าให้แลกกับการได้เดินตามถนนโดยไม่มีใครยุ่ง...ฉันยอมนะ’แพทย์ที่รักษาเอมี่ กล่าวถึงสาเหตุของการเสียชีวิตว่า “เธอมีระดับแอลกอฮอล์ในเลือดสูงเกินไป และอาจผสมกับอาการผิดปกติทางการกินของเธอ แอลกอฮอล์จึงทำให้หัวใจหยุดเต้น”ปิดท้ายด้วยคำอำลาจาก โทนี่ เบนเนตต์ นักร้องที่เคยร่วมงานกับเอมี่“เธอเป็นหนึ่งในนักร้องแจ๊สตัวจริงที่สุด ควรได้รับการปฏิบัติเทียบเท่า เอลลา ฟิตซ์เจอรัลด์ หรือ บิลลี ฮอลิเดย์ เธอมีพรสวรรค์เปี่ยมล้น, ถ้าเธอยังอยู่ผมจะบอกว่า ช้าลงหน่อย คุณสำคัญเกินกว่าจะทำแบบนั้น ชีวิตจะสอนวิธีใช้มันเอง ถ้าคุณอยู่กับมันนานพอ”