กระแสแนวคิด “สตรีนิยม” เป็นแนวคิดที่ถูกขับเคลื่อนอยู่ในมโนทัศน์ของสังคมเรื่อยมาทุกยุคทุกสมัยเพราะการถูกกดขี่และความไม่เท่าเทียมทางเพศยังคงฝังรากอยู่ในสังคม ซึ่งในยุคศตวรรษที่ 21 นี้ กระแสแนวคิดสตรีนิยมให้ความสำคัญในเรื่องของร่างกาย โดยมองว่าร่างกายที่แตกต่างกันทำให้มีประสบการณ์ต่างกัน ปฏิเสธการแบ่งแยกระหว่างเพศสภาพและเพศทางสังคม รวมทั้งให้ความสนใจในความเฉพาะเจาะจง ความหลากหลาย และความแตกต่างของผู้หญิง ความขัดแย้งทางอัตลักษณ์และสถานะความเป็นผู้อื่น จึงไม่ใช่แค่การเรียกร้องสิทธิของเพศหญิง แต่เป็นการเรียกร้องสิทธิความเท่าเทียมกันของทุกเพศ จะเห็นได้ว่ามีการขับเคลื่อนเรื่องความเท่าเทียมทางเพศเกิดขึ้นทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง ทั้งในเรื่องการกดขี่ทางเพศ ความไม่เท่าเทียมกันทางการศึกษา ค่าจ้างการทำงาน และบทบาทในทางการเมือง ซึ่งหลังจากการขับเคลื่อนตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20 จนถึงปัจจุบัน จะเห็นได้ว่าผู้หญิงและเพศทางเลือกเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในหลายภาคส่วน รวมไปถึงในเวทีการเมือง จะเห็นได้จากจำนวนนักการเมืองที่เป็นเพศหญิงที่มากขึ้น แต่จำนวนเหล่านั้นนับว่ายังน้อย และมีปริมาณที่เพิ่มขึ้นไม่มาก เมื่อเทียบกับเพศชาย หากมองบทบาททางการเมืองของเพศหญิงผ่าน “สื่อ” โดยเฉพาะสื่อที่ถ่ายทอดผ่านการประกอบสร้างเรื่องราวอย่าง “ภาพยนตร์” แล้ว คงมองข้ามเรื่องราวมหากาพย์อย่างภาพยนตร์เรื่อง The Lord of the Rings (ค.ศ.2001 – 2003) ไปไม่ได้ The Lord of the Rings เป็นภาพยนตร์ที่สร้างจากบทวรรณกรรมชื่อดังของ ศาสตราจารย์ เจอาร์อาร์ โทลคีน ที่ตีพิมพ์ในปี ค.ศ.1954 ถึงแม้จะเป็นภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นจากบทประพันธ์เมื่อ 66 ปีก่อน แต่เนื้อหาเรื่องราวที่สอดแทรกความคิดนัยยะทางสังคมและการเมืองในเรื่องนั้นยังคงร่วมสมัย โดยศาสตราจารย์ ได้สร้างโลกใหม่ขึ้นมาที่เรียกว่า Middle -Earth เป็นโลกในจินตนาการที่มีหลากหลายเผ่าพันธุ์นอกเหนือจากมนุษย์ เช่น เอลฟ์ คนแคระ โทรล ฮอบบิทซึ่งเรื่องราวความแฟนตาซีเหล่านี้มีการยึดโยงกับโลกความเป็นจริงจากการใช้สัญญะจากลักษณะทางเผ่าพันธุ์ เพศ รูปร่างหน้าตา ที่เราจะเห็นถึงการแบ่งชนชั้น ความไม่เท่าเทียม การถูกเอารัดเอาเปรียบจากผู้ที่มีอำนาจมากกว่าภายในเรื่อง ซึ่งเส้นเรื่องหลักของภาพยนตร์เรื่องนี้คือการผจญภัยของ โฟรโด้ แบ็กกิ้น และสัมพันธมิตรแห่งวงแหวน เพื่อนำแหวนประมุขไปทำลาย โดยภายในเรื่อง The lord of the ring ไตรภาค มีตัวละครที่เป็นเพศหญิงเข้ามามีบทบาททางการเมือง ถึงแม้จะมีจำนวนน้อยกว่าเพศชาย แต่ผู้หญิงเหล่านี้ก็ถือได้ว่ามีบทบาทสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อการปกครอง การเปลี่ยนแปลงในสังคม หรือในโลกของ Middle -Earth ไม่น้อยไปกว่าตัวละครหลักที่เป็นเพศชาย ถือได้ว่าเป็นความตั้งใจของผู้แต่งวรรณกรรมอย่าง โทลคีน ที่พยายามถ่ายทอดความเก่งกาจของเพศหญิงไปในเรื่องราวของนวนิยาย ซึ่งได้ส่งทอดต่อมายังเรื่องราวในภาพยนตร์มหากาพย์เรื่องนี้ โดยตัวละครเพศหญิงที่จะนำมาวิเคราะห์ถึงบทบาท และความสำคัญที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลง หรือส่งผลต่อการเมืองการปกครองในเรื่องนั้น ประกอบไปด้วย กาลาเดรียล เอล์ฟหญิงที่เก่งกาจที่สุดใน Middle -Earth อาร์เวน มนุษย์กึ่งเอล์ฟ ลูกสาวของเอลรอนด์ผู้ปกครองริเวนเดลหรือเมืองแห่งเอล์ฟ และ เอโอวีน หลานสาวของกษัตริย์แห่งโรฮัน ซึ่งในรายงานฉบับนี้ต้องการศึกษาและสะท้อนบทบาททางการเมืองของตัวละครเพศหญิงในภาพยนตร์มหากาพย์เรื่อง The Lord of the Rings เพื่อนำเสนอแง่มุมความแข็งแกร่งของเพศหญิง ต่อการมีบทบาทและมีอำนาจทางสังคม ที่ปรากฏในวรรณกรรม 1) กาลาเดรียล เอล์ฟหญิงผู้ปกครองดินแดงแห่งแสงสว่าง นอกจากความสวยงามที่เป็นอมตะแล้ว เธอยังมีพลังที่กล้าแกร่ง สามารถอ่านใจ มองทะลุผู้คนได้อย่างปรุโปร่ง เป็นผู้หยั่งรู้ และฉลาดหลักแหลม เป็นหนึ่งในสามเอล์ฟที่ได้ครอบครองแหวนแห่งอำนาจ โดยในเรื่องนี้บทบาทหลักของกาลาเดรียลคือการช่วยชี้นำ ให้ผู้ถือแหวนอย่างโฟรโด้ และเหล่าคณะสัมพันธมิตรแห่งแหวน หันเหไปในทางที่ควรเป็น จุดประกายให้เห็นความหวังในการนำแหวนไปทำลายและให้เห็นถึงความล่มสลายหากภารกิจล้มเหลว ท่านหญิงกาลาเดรียลมักจะปรากฎบทบาทออกมาเป็นภาพในหัวของตัวละคร เพราะเธอเข้าไปพูดคุยให้ตัวละครเหล่านั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงทางความคิด หรือตอกย้ำให้เชื่อมันในความคิดมากขึ้น เช่นในตอนที่คณะสัมพันธมิตรแห่งวงแหวนเดินทางผ่านมายังอาณาจักรของเธอ ตอนที่ได้พบกันครั้งแรก กาลาเดรียลเข้าไปพูดในหัวของทุกคน รวมไปถึงโบโรเมียร์ เธอพูดกับโบโรเมียร์เรื่องความหวังในการที่กอร์ดอนจะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง เธอได้ตอกย้ำถึงความหวังที่มี ทำให้โบโรเมียร์รู้สึกตื่นกลัวเพราะตัวเขาได้โยนทิ้งความหวังเหล่านั้นไปแล้ว ซึ่งบทบาทของเธออาจจะดูน้อย แต่ทุกการกระทำของเธอล้วนส่งผลภายในต่อตัวละครหลักทั้งสิ้น โดยเฉพาะกับโฟรโด้ แบ็กกิ้น จะเห็นได้จากตอนสถานการณ์คับขัน หรือช่วงที่โฟรโด้เจอกับความสิ้นหวัง คำพูดของกาลาเดรียลจะเข้ามาย้ำเตือนในหัวของเขา ทำให้เขามีความกล้า และเธอยังได้มอบแสงสว่างให้โฟรโด้ ที่ในภายหลังโฟรโด้ได้ใช้ในการเอาตัวรอดจากแมงมุมยักษ์ 2) อาร์เวน เอล์ฟครึ่งมนุษย์ ธิดาของเอลรอนด์ลอร์ดแห่งอาณาจักรเอลฟ์หรือริเวนเดล อาร์เวนเป็นหลานสาวของกาลาเดรียล เธอมีรูปโฉมงดงาม และมีพลังแกร่งกล้าในการรักษาเยียวยา บทบาทของอาร์เวนในเรื่องเป็นตัวละครที่ออกมาต่อสู้เพื่อ “ความรัก” เธอมอบความรักให้กับ อารากอร์น บุตรแห่งอาราธอร์น เธอยอมที่จะสละความเป็นอมมตะเพื่อครองรักกับอารากอร์น โดยในเรื่อง อาร์เวนปรากฎตัวตั้งแต่ภาคแรก การปรากฎตัวของเธอเข้ามาช่วยพลิกสถาณการณ์ที่ย่ำแย่ในตอนที่โฟรโด้ โดนภูติแหวนแทง เธอเป็นผู้ที่เข้ามาช่วยเยียวยาแล้วนำตัวเขาหนีจากพวกภูติไปยังริเวนเดลได้สำเร็จ โดยอาศัยพลังที่เธอมีอาจเรียกได้ว่า อาร์เวน เป็นตัวละครสำคัญที่ดึงให้อารากอร์นไม่สิ้นหวังตลอดทั้งเรื่อง อย่างในภาค The two towers ที่อารากอร์นพูดให้กำลังใจกับเด็กคนหนึ่งที่ถูกบังคับไปออกรบว่า “ความหวังยังมีเสมอ” แต่กลับมาคุยกับอาร์เวนว่า ตัวเขามอบความหวังให้ผู้อื่น แต่เขาเองกลับไม่มีความหวังเหล่านั้น และเป็นอาร์เวนทุกครั้งที่ดึงเขากลับมาให้ตั้งหลักได้ นอกจากความหวังที่เธอให้แก่อารากอร์นคนที่เธอรักแล้ว เธอยังสามารถเปลี่ยนใจ เอลรอนด์ ลอร์ดแห่งริเวนเดลผู้เป็นพ่อ ให้กลับมาสู้ร่วมกับมนุษย์อีกครั้ง โดยทำให้เอลรอนด์ส่งทหารไปช่วยชาวโรฮันที่ป้อมปราการเฮล์มคีฟ และเอลรอนด์ยอมตีดาบแตกนาร์ซิลขึ้นมาใหม่เพื่อมอบให้กับอารากอร์นให้อารากอร์นสามารถใช้ดาบแห่งกษัตริย์ดึงทัพของทหารผีที่ถูกสาปมาร่วมรบได้ ท้ายที่สุดแล้ว อาร์เวนก็สามารถต่อสู้เพื่อความรักของเธอได้สำเร็จ เธอได้ครองคู่กับอารากอร์นคนที่เธอรัก เธอมีส่วนที่ทำให้อารากอร์นยอมรับตัวเองในฐานะกษัตริย์ เรียกได้ว่าบทบาทของเธอตลอดทั้งเรื่องนั้นมีค่อนข้างมากในแง่การเป็นผู้สนับสนุนและขับเคลื่อนให้ภารกิจนี้สำเร็จผ่านความรักที่เธอมีให้กับอารากอร์น 3) เอโอวีน หลานสาวของกษัตริย์เธโอเดนที่ปกครองโรฮัน เอโอวีนปรากฎในภาพยนตร์ตั้งแต่ภาค The two tower เธอเป็นผู้หญิงชนชั้นสูงที่ใจกล้า เด็ดเดี่ยว ไม่ชอบการถูกบังคับ ในภาพยนตร์เอโอวีนเคยเล่าถึงสิ่งที่กลัวที่สุดกับอารากอร์นนั่นก็คือการถูกขังอยู่ใน “กรง” แต่อารากอร์นที่เจอเธอได้ไม่นานกลับบอกไปว่าเธอไม่มีทางที่จะอยู่ในกรงได้ ตัวตนที่เด็ดเดี่ยวของเอโอวีนทำให้ในเรื่องเธอเป็นเหมือนสตรีนักสู้ สู้เพื่อที่ตัวเองจะได้สู้เพื่อคนอื่นโดยปราศจากข้อกังขาเรื่องเพศ หรือฐานะชนชั้น โดยในตอนต้นที่เธอปรากฎตัว เอโอวีนแสดงให้เห็นถึงความต้องการอยากออกไปรบเพื่อประชาชน เธอปฏิเสธการอยู่เฉยๆโดยไม่ได้ช่วยผู้คน แต่ในภาค The two tower เธอยังไม่อาจขัดขืนคำสั่งของผู้เป็นลุงหรือเธโอเดนได้ ทำให้บทบาทในภาคนี้ของเอโอวีนคือการคอยช่วยประชาชนอยู่เบื้องหลัง จนกระทั้งในภาค The return of the king เธโอเดนสั่งให้เธอไปนั่งรอเฝ้าบัลลังก์จนกว่าสงครามจะจบ เอโอวีนขัดขืนคำสั่ง โดยการปลอมตัวเป็นชายแล้วพา “เมอร์รี่” ฮอปบิทที่ถูกปฏิเสธไม่ให้ไปรบ ไปกับเธอด้วยจนในที่สุดในการสู้ศึกครั้งนี้ เอโอวีนก็พิสูจน์ได้ว่า เธอสามารถออกมาสู้รบเพื่อปกป้องคนที่เธอรักได้ แม้ท้ายที่สุดแล้ว เธโอเดนผู้เป็นลุงที่เธอปกป้องต้องตายจากอาการบาดเจ็บอยู่ดี ถึงแม้บทบาทของเอโอวีนจะไม่มากเท่าอาร์เวน แต่เธอก็นับได้ว่าเป็นตัวแทนของกระแส “สตรีนิยม” ที่โลดแล่นอยู่ภายในเรื่อง เธอเสมือนเป็นนักเคลื่อนไหวที่พยายามทำให้สังคมรอบข้างมองเห็นเพศหญิงว่ามีความแข็งแกร่ง กล้าหาญไม่แพ้เพศชาย อีกทั้งเธอยังมีสายตาที่มองเห็นผู้คนอย่างเท่าเทียม อย่างที่เธอมอง เมอร์รี่ ที่เป็นฮอบบิทอย่างเสมอกัน และไม่ต้องการให้คนอื่นมาดูแคลนเขา โดยสรุปถึงแม้ตัวละครหญิงในเรื่องจะถูกจำกัดบทบาทจากสถานะทางสังคมหรือสภาพแวดล้อม เราจะเห็นว่าผู้หญิงที่มีสิทธิมีเสียงคือผู้หญิงที่มีชนชั้น มีอำนาจ แต่ถึงจะมีอำนาจก็ต้องต่อสู้กับความคิดในสังคมที่ชายเป็นใหญ่อยู่ดี อันจะเห็นได้จากการต่อสู้ของเอโอวีนภายในเรื่อง โดยบทบาทของพวกเธอนั้นล้วนเป็นส่วนหนึ่งที่นำไปสู่ความสำเร็จและการลงเอยด้วยดี แต่หากมองในอีกแง่ ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็สามารถสะท้อนถึงสังคมปัจจุบันในเรื่องบทบาทของเพศหญิงในเวทีการเมือง ซึ่งถึงแม้จะมีเพศหญิงก้าวออกมาเป็นผู้นำมากขึ้น แต่ก็ยังมีอยู่จำนวนน้อย และบทบาทมีอย่างจำกัด ทำให้ยังคงมีการเรียกร้องขับเคลื่อนอยู่เรื่อยมา ภาพยนตร์เรื่อง The Lord of the Rings ไตรภาค ทำให้เราเห็นว่า แนวคิดสตรีนิยมไม่มีวันหายไปจากสังคม หากสังคมยังคงไม่เท่าเทียมกันสำหรับคนทุกคน ไม่แน่ในอนาคตหากมีการนำภาพยนตร์เรื่องนี้มาทำใหม่ เราอาจจะได้เห็นตัวละครเพศหญิงโลดแล่น มีบทบาทมากว่าที่ควรจะเป็น เพราะกระแสแนวคิดสตรีนิยมยังคงขับเคลื่อน และแปรเปลี่ยนความคิดของผู้คนในสังคมอยู่เสมอ ทำให้เรายังคงเห็นคุณค่าของสิทธิและความเท่าเทียม ถึงแม้มันอาจจะเปลี่ยนแปลงเติบโตได้อย่างช้าๆ แต่อย่างน้อยสิ่งมันเปลี่ยนแปลงก็สามารถส่งทอดไปต่อในอนาคตได้ ขอบคุณภาพประกอบจาก imdb : ภาพที่ 1, ภาพที่ 2, ภาพที่ 3, ภาพที่ 4, ภาพที่ 5, ภาพที่ 6, ภาพที่ 7, ภาพปกและขอขอบคุณ New Line Cinema