"Aquaman and the Lost Kingdom" เป็นหนังเรื่องแรกของดีซีที่ทำเงินเกิน 400 ล้าน นับตั้งแต่ปี 2018
The Numbers ได้รายงานว่า ‘Aquaman and the Lost Kingdom’ ทำรายได้ทั่วโลกไป 412.7 ล้านเหรียญ จากการฉาย 6 สัปดาห์ ซึ่งเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ในปี 2023 จำนวนเพียง 13 เรื่อง ที่ทำได้ผ่านหลัก 400 ล้านเหรียญ ได้
นอกจากนี้ยังเป็นเรื่องแรกของแฟรนไชส์ DCEU (DC Extended Universe) นับตั้งแต่ ‘Aquaman’ (2018) ที่ทำรายได้ในระดับนี้ โดย ‘Aquaman’ นั้น ทำรายได้ทั่วโลกไป 1,152 ล้านเหรียญ
กล่าวคือ ‘Aquaman and the Lost Kingdom’ ทำรายได้เหนือภาพยนตร์ทุกเรื่องใน DCEU นับตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นมา ดังนี้
- Shazam! (2019) : 363.5 ล้านเหรียญ
- Birds of Prey (2020) : 201 ล้านเหรียญ
- Wonder Woman 1984 (2020) : 166.3 ล้านเหรียญ
- The Suicide Squad (2021) : 167 ล้านเหรียญ
- Black Adam (2022) : 390.4 ล้านเหรียญ
- Shazam! Fury of the Gods (2023) : 132.2 ล้านเหรียญ
- The Flash (2023) : 266.5 ล้านเหรียญ
- Blue Beetle (2023) : 128.7 ล้านเหรียญ
- Aquaman and the Lost Kingdom (2023) : 412.7 ล้านเหรียญ (ยังเข้าฉายอยู่)
‘Aquaman and the Lost Kingdom’ เป็นภาพยนตร์ปิดท้ายแฟรนไชส์ DCEU (ที่มีจำนวนทั้งสิ้น 15 เรื่อง) โดยเล่าเรื่องต่อจาก ‘Aquaman’ ที่ประสบความสำเร็จอย่างมหาศาลด้วยการเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดของแฟรนไชส์ โดยเป็นการกลับมารวมทีมอีกของผู้กำกับ เจมส์ วาน (James Wan), เจสัน โมโมอา (Jason Momoa), แพทริค วิลสัน (Patrick Wilson) และ ยาห์ยา อับดุล-มาทีน ที่ 2 (Yahya Abdul-Mateen II) ที่กลับมารับบทเดิมอครั้ง
แต่ ‘Aquaman and the Lost Kingdom’ ได้ประสบปัญหากระแสด้านลบต่อภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร จนทำให้ทำรายได้อย่างน่าผิดหวังจากทุนสร้างที่สูงกว่า 200 ล้านเหรียญ โดยในตอนนี้รายได้รองจาก ‘Justice League’ (2017) ที่ทำไว้ 655.9 ล้านเหรียญ ใน DCEU
จากนี้ต้องจับตาดูแฟรนไชส์ใหม่ที่ได้รับการรีบูตในชื่อ DCU (DC Universe) ที่ได้ เจมส์ กันน์ (James Gunn) และ ปีเตอร์ ซาฟราน (Peter Safran) มาเป็นซีอีโอของ DC Studios เพื่อสร้างจักรวาลซูเปอร์ฮีโร DC ขึ้นมาใหม่ ที่ได้รับการวางแผนไว้นานถึงปี 10 ปี นับจากนี้ โดยเริ่มด้วยส่วนที่ 1 ที่เรียกว่า ‘Chapter One: Gods and Monsters’ ที่มีภาพยนตร์เปิดหัวอย่าง ‘Superman: Legacy’ ที่กำกับและเขียนบทโดยกันน์
ที่มา : ScreenRant