สวัสดีค่ะวันนี้จะมารีวิว "เธอ ฟอร์ แคช..สินเชื่อ รักแลกเงิน" หนังไทยแนวโรแมนติก-แอคชั่น ที่รีเมคจากภาพยนตร์เกาหลีใต้ เรื่อง "Man in Love" (2014) ของฮัน ดงอุก ที่ว่าด้วยเรื่องของนักเลงคนหนี่งที่ตกหลุมรักหญิงสาวที่เป็นลูกหนี้ โดยเธอต้องดิ้นรนหาเงินมารักษาอาการป่วยของพ่อเรื่องราวและงานสร้างของเวอร์ชันไทยจะเป็นอย่างไร ไปติดตามรับชมกันค่ะหมายเหตุ ในบทความนี้เป็นการรีวิวแค่ในส่วนของเวอร์ชันไทย ไม่ได้มีการเปรียบเทียบกับเวอร์ชันต้นฉบับ ชื่อหนัง : เธอ ฟอร์ แคช สินเชื่อ..รักแลกเงิน (Love You To Debt) กำกับการแสดงโดย วาสุเทพ เกตุเพ็ชรบทภาพยนตร์โดย เมธัส ศิรินาวินผลิตโดย ภาพดีทวีสุขจัดจำหน่ายโดย จีดีเอช ห้าห้าเก้าฉายในโรงภาพยนตร์ครั้งแรก 25 เม.ย. 2567ความยาว 135 นาที เรื่องย่อ https://youtu.be/LUfmyy4i6OQ?si=OzmXYEiVjITtXrzC เมื่อ "โบ้" คนทวงหนี้นอกระบบที่เงินดอกสุดโหด ดันมาเสียอาการตกหลุมรัก "อิ๋ม" ลูกสาวของลูกหนี้ที่ไม่จ่ายดอกเขาหลายงวดแล้วอิ๋ม ไม่มีหนี ไม่หนี ไม่จ่าย แทนที่โบ้จะจัดการแบบโหด แต่เขากลับตกหลุมรักและคลั่งรักลูกหนี้ดีเด่นคนนี้แทน ถึงขั้นสร้างสัญญาขึ้นมาเพื่อพิชิตใจเธอ ท่ามกลางเสียงของคนรอบข้าง ที่บอกว่ารักครั้งนี้ไม่น่าจะเป็นไปได้ สุดท้ายแล้วรักของทั้งคู่จะเป็นรักแท้หรือแค่หลอกลวง รับชมได้ในภาพยนตร์ค่ะ นักแสดงนำไบร์ท-วชิรวิชญ์ ชีวอารี รับบทเป็น "โบ้" หัวหน้าแก๊งทวงหนี้นอกระบบ เขารักเจ้านายอย่างเจ๊วรรณ ถึงขั้นเรียกว่าแม่ตามปกติแล้วหนี้นอกระบบหากลูกหนี้บิดพลิ้ว เล่นตุกติก คนทวงหนี้ต้องทำร้ายลูกหนี้แต่โบ้ไม่เหมือนใคร เขาทุบหัวตัวเอง เพื่อให้ลูกหนี้ยอมจ่ายดอกเบี้ย วิธีนี้ได้ผลทุกครั้ง จนมาเจออิ๋ม โลกเทา ๆ มืด ๆ ของโบ้ก็ดูเห็นแสงรำไรมากขึ้น ทำให้เขาได้เข้าใจชีวิตและเริ่มใช้ชีวิตในแนวทางที่ถูกต้องบท โบ้ คือไกลจากไบร์ทมาก แต่เขาทำดีนะคะจนเราไม่ได้โฟกัสที่ความหล่ออย่างเดียว แต่เชื่อสนิทใจว่าในจอนี่คือโบ้ นักเลง อันธพาล คนที่ไม่ควรเขาไปยุ่งเกี่ยวด้วยเลย (ถ้าไม่ร้อนเงินจริง ๆ 555) พื้นฐานของโบ้คือการศึกษาไม่สูง ดังนั้นความคิดความอ่านเขาจึงไม่ซับซ้อน คิดอย่างไร แสดงอย่างนั้น ผู้เขียนมองว่าพื้นฐานจิตใจก็มีส่วน จึงทำให้เขายอมเป็นคนโง่ในสายตาคนอื่น ขอแค่ได้ทำสิ่งนั้นเพื่อความสบายใจของตัวเองซีนคอมเมดี้ไบร์ททำได้ดีเป็นธรรมชาติ ดูแล้วยิ้มตามเลย ถ้าเราเป็นอิ๋มก็คือหวั่นไหว เสียอาการอะ ตอนโรแมนติก็เคมีเข้ากับญาญ่าเชียวแหละ ส่วนพาร์ทดรามาเราโอเคนะกับการแสดงแต่บทช่วงท้ายทำให้เราไม่อิน ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์ รับบทเป็น "อิ๋ม" พนักงานธนาคาร เธอคือลูกสาวคนเดียวของลุงอ๊อด พ่อค้าขายของทอด ลูกหนี้ที่โบ้กำลังตามทวงดอก หลังพ่อของเธอล้มป่วย อิ๋มต้องโดนตามทวงหนี้ จนชีวิตของเธอเจอแต่เรื่องยุ่ง ๆ ตามมาบท อิ๋ม คือภาพแทนของคนชนชั้นกลางในสังคม ที่เราพบเจอได้ทั่วไป เธอคือมนุษย์เงินเดือน ที่มีวุฒิปริญญาตรี แต่เงินเดือนไม่ได้มากมายอะไร แค่เอาชีวิตรอดเป็นเดือน ๆ ไปได้ ญาญ่า เล่นบทที่ดูไกลตัวจากชีวิตของเธอได้ดี เราชอบช่วงแรกของหนังมากที่เธอพยายามหนีหนี้และหนีโบ้ เห็นถึงความขมขื่นคือชีวิตก็มีฝันแต่ไกลเกินเอื้อม อิ๋มกำลังพยายามสร้างตัว แต่หนี้ที่เธอไม่ได้ก่อดันมากวนใจ ความเด็ดเดี่ยวของผู้หญิงคนหนึ่งที่กลัวก็กลัว แต่ก็ต้องใจดีสู้เสือ เอาความรู้ที่เธอมีติดตัว ใช้ต่อรองเจรจากับโบ้ ในส่วนของพาร์ทดรามาก็ทำได้ดีตามมาตรฐานของญาญ่า เบนซ์-พรชิตา ณ สงขลา รับบทเป็น "เจ๊วรรณ" เจ้าแม่เงินกู้นอกระบบ รายใหญ่แห่งพัทยา ที่เปิดร้านอาหารบังหน้า เธอคือแม่ของบรรดาลูกน้องที่เลี้ยงเอาไว้ช่วยทำธุรกิจสีเทา บทนี้ออกไม่เยอะ แต่มีผลกระทบกับตัวละครหลักอย่าง โบ้ และ อิ๋ม เป็นอย่างมากผู้เขียนไม่เห็นพี่เบนซ์เล่นภาพยนตร์นานมากแล้ว ส่วนตัวเรื่องล่าสุดที่ดูพี่เขาเล่นน่าจะเป็นแจ๋ว ปี 2547 การกลับมาในครั้งนี้ฝีมือการแสดงที่สั่งสมมานานกว่า 30 ปี ยังคมกริบ เราเห็นมิติของความเป็นคนปากร้ายแต่ใจดีอยู่บ้าง และคนที่ทำธุรกิจสีเทาย่อมต้องมีเขี้ยวเล็บพอสมควร ฉากเกี้ยวกราดแสดงอารมณ์ก็ดูดุดันน่ากลัว แอคติ้งไม่ใหญ่จนล้น แต่ความอำมหิตมาเต็ม ประเด็นหนังที่สะท้อนความจริงของสังคมสะท้อนเรื่องปัญหาหนี้สิน ที่เป็นปัญหาหลักของสังคมไทย โดยเฉพาะหนี้นอกระบบ หลายคนเข้าไม่ถึงในระบบ ทำให้ต้องพึ่งพาเงินด่วนจากเจ้าหนี้ที่คิดดอกสุดโหด แบบทำงานแทบตายก็ไม่รู้จะใช้ดอกหมดหรือเปล่า ซึ่งในหนังสะท้อนออกมาได้เรียล เมื่อผู้กู้ถึงทางตันก็มักจะแก้ปัญหาด้วยการไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย และการด่าพวกเจ้าหนี้ว่าขูดเลือดขูดเนื้อในหนังก็ได้สะท้อนมุมของเจ้าหนี้ ที่ให้กู้เงินโดยที่ไม่ตรวจสอบลูกหนี้ว่าสามารถจ่ายได้หรือเปล่า เน้นปล่อยกู้อย่างเดียว พอลูกหนี้ไม่มีก็ค่อยส่งลูกน้องไปจัดการ เขาไม่ได้บังให้ใครมากู้ แต่เป็นผู้กู้ต่างหากที่สมัครใจเองชีวิตมนุษย์เงินเดือนและความคาดหวังของสังคมที่มีต่อคนจบปริญญาตรี อิ๋มทำงานเป็นพนักงานธนาคาร ที่เงินเดือนไม่ถึง 2 หมื่น ทันทีที่โบ้เห็นค่าใช้จ่ายแต่ละเดือน เขาถึงกับเอ่ยปากว่าเรียนจบตั้งสูงทำไมเงินเดือนแค่นี้ ทำไมดูแลพ่ออย่างลุงอ๊อดไม่ได้ บางครั้งใบปริญญาก็เป็นหนทางเดียวสำหรับคนชนชั้นล่างใช้ถีบตัวเอง เป็นความหวังว่าจะทำให้ชีวิตดีขึ้น แต่สภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันที่เงินเดือนยังเท่าเดิมแต่ค่าครองชีพพุ่งทะยานไปไกลลิบ ลำพังแค่ประคองตัวรอดไปแต่ละเดือน คือนับว่าบุญแล้วส่วนของโบ้จะสะท้อนมุมของคนที่ไม่ได้จบการศึกษาสูง เขาเชื่อว่าไม่ต้องจบสูง ก็สามารถเอาตัวเองรอดและจุนเจือครอบครัวได้ ก็ใช่สิคะงานที่เขาทำมันความเสี่ยงสูงมาก ไม่แปลกที่เงินจะเยอะ ธุรกิจสีเทาอะเนาะ บางทีผู้เขียนคิดว่าถ้าโบ้ได้เรียนสูงกว่านี้ ความคิดและวิธีการดำเนินชีวิตของเขาอาจจะดีกว่านี้มาที่อิ๋มคนที่สังคมมองว่าจะหลอกโบ้แน่นอน เพราะปริญญาและอาชีพของเธอ ทำให้อิ๋มดูเหนือกว่าโบ้ แม้ในยามที่โบ้เป็นคนทวงหนี้ ถึงแม้อิ๋มจะเรียนสูงแต่เธอก็ยังเพลี้ยงพล้ำกับความรัก นี่เป็นอีกหนึ่งข้อพิสูจน์ว่าไม่ว่าจะอยู่ในสถานะไหนในสังคม เรียนจบเรียนไม่จบ เก่งหรือไม่เก่งแค่ไหนย่อมแพ้รักได้ทุกคน แต่มันก็เป็นการเรียนรู้ของชีวิต ตราบใดที่เรายังมีลมหายใจการเรียนรู้ย่อมดำเนินต่อไปปัญหาครอบครัวที่สอดแทรกมาในเรื่อง ทั้งโบ้และอิ๋มต่างมีกำแพงในใจต่อพ่อของตน ซึ่งพูดเยอะไม่ได้ค่ะ เดี๋ยวสปอยล์หมดแน่ ๆ 555 ภาพรวมของหนังงานภาพ ภาพสวย มุมกล้องดี ตามสไตล์ของภาพดีทวีสุข สีภาพเข้ากับโทนของเรื่องและอารมณ์ของตัวละคร สีภาพช่วยให้ผู้เขียนติดตามในฉาก นั้น ๆ ด้วยค่ะ เสริมสร้างอารมณ์ได้เป็นอย่างดีการเล่าเรื่อง ส่วนตัวเราชอบช่วงแรกมาก ที่เล่าเกี่ยวกับการทวงหนี้ของโบ้และเจอกับอิ๋มครั้งแรก มันดุเด็ดเผ็ดมันส์ มีความฮา น่ารักหยิกแกมหยอกดีพาร์ทดรามาอารมณ์ก็อย่างตึงเลยค่ะ บางฉากแอบดิ่งตามเลย แต่ไม่ร้องนะคะ ส่วนตัวผู้เขียนมองว่าช่วงหลัง ๆ ของหนังค่อนข้างราบเรียบ ชอบช่วงแรกมากกว่า หนังเรื่องนี้ยาว แต่ดูได้เรื่อย ๆ ไม่ถึงขั้นถอดใจเลิกดูส่วนความหักมุมผู้เขียนมองว่าหักมุมจากตัวอย่างหนังมาพอสมควรทีมนักแสดง นอกจาก 3 ตัวละครหลักแล้ว ก็มีนักแสดงอีกหลายคนมาสร้างสีสันให้กับเรื่อง ส่วนใหญ่เป็นคนที่หลายคนน่าจะคุ้นตา (แต่ก็แอบเสียดายไม่ได้ขยี้หรือให้รายละเอียดกับบางตัวละคร เช่น พ่อของโบ้) ทำให้เราต่อไม่ติดและไม่อินกับบางฉากในหนัง คือเปิดตัวมาดีแต่เวลาไม่มีสำหรับกล่าวภูมิหลังของตัวละคร บางทีแค่คำพูดของตัวละครพี่ชายอาจไม่พอค่ะ ยังไงก็ต้องให้รายละเอียดที่มากกว่านี้ ทิ้งท้าย "เธอ ฟอร์ แคช"ส่วนตัวดูแล้วได้ข้อคิดนะคะ เรื่องการคบคน รวมทั้งเรื่องเงินที่เป็นปัจจัยสำคัญในชีวิต เราจะไว้ใจใครได้ยากเลยนะคะ เอาจริงอะไรก็เกิดขึ้นได้ ถ้ามีเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง และชีวิตของคนเราไม่ว่าจะหนักหนาสาหัสแค่ไหน ตราบใดที่เรายังได้ตื่นขึ้นมาเจอวันใหม่ ก็ต้องสุ้กันต่อไปค่ะ ให้คะแนนภาพรวมของหนัง 7/10 คะแนน เครดิตภาพหน้าปกออกแบบใน canvaภาพประกอบหน้าปก parbdee : ภาพที่ 1.1, 1.2 / 2ภาพประกอบเนื้อหา parbdee : ภาพที่ 1 / 2 - 4 / 5 / 6 / 7 / 8ลิงก์คลิปวิดีโอประกอบเนื้อหา GMMTV OFFICIAL : คลิปที่ 1