เมื่อพูดถึงหนังซุปเปอร์ฮีโร่ ไซไฟ และฉากบู๊มันๆ ก็มักจะมีคนนึกถึง ฮีโร่ผู้ซึ่งผดุงความยุติธรรม ภายใต้หน้ากากแมงมุมอย่าง สไปเดอร์แมน ( Spider-Man) ซึ่งถือว่าเป็นฮีโร่ที่เป็นขวัญใจของใครหลายๆคน วันนี้ Pakamas จะมารีวิว หนัง Spider man ทั้ง 8 ภาค 3 จักรวาล คือSpider-Man ปี 2002Spider-Man 2 ปี 2004Spider-Man 3 ปี 2007The Amazing Spider-Man ปี 2012 The Amazing Spider-Man 2 ปี 2014Spider-Man: Homecoming ปี 2017 Spider-Man: Far From Home ปี 2019Spider-Man: No Way Home ปี 2019 ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า สไปเดอร์แมนนั้น มี 3 เวอร์ชั่น และแต่ละเวอร์ชั่นนั้น ไม่มีความเกี่ยวข้องกันในด้านเส้นเรื่องของการเดินหนัง หรือก็คืออยู่กันคนละจักรวาร เป็นมิติคู่ขนาน นั่นเอง เวอร์ชั่นแรก Spider-Man 2002-2007 นำแสดงโดย โทบีย์ แม็กไกวร์ กำกับโดย แซมเรมี ภายใต้สังกัด โซนี่พิคเจอร์สเอ็นเตอร์เทนเมนต์ และ โคลัมเบียพิคเจอร์ส 1. Spider-Man (ปี 2002) เรื่องย่อ หนังจะเปิดตัวมาด้วยการเล่าเรื่องผ่านมุมมองของปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ เด็กหนุ่มวัยรุ่นธรรมดา ที่อาศัยอยู่กับลุงและป้า ด้วยความที่เป็นเด็กขี้อายจึงมักถูกกลั่นแกล้งเสมอ จนวันนึงที่ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ ได้ไปทัศนศึกษากับเพื่อนๆของเขา แล้วถูกแมงมุมสายพันธ์พิเศษ จากห้องปฎิบัติการ กัดเข้า และชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไปตลอดกาล..... รีวิวหลังดูจบ หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกของปฐมบท สไปเดอร์แมน เป็นหนังที่ได้รับคะแนนรีวิวที่ดี และ กอบโกยกำไรไปอย่างมหาศาล ส่วนตัวความรู้สึกหลังดูเสร็จ ค่อนข้างพึงพอใจมาก หนังดำเนินเรื่องได้ดีระดับนึง แม้ช่วงแรกจะมีเฉื่อยไปซักนิดแต่ก็ไม่เป็นปัญหาอะไรนัก มีการเล่าที่เป็นลำดับขั้น และพาเราไปถึงจุดที่หนังอยากให้เป็นได้ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาของตัวละครพระเอก ที่จากเด็กธรรมดา สู่ฮีโร่ผู้เสียสละ ฉากสะเทือนอารมณ์ก็ทำออกมาได้ดี แม้จะไม่ได้มีปมซับซ้อนในภาคนี้ แต่ตอนจบดันทิ้งปริศนาความสัมพันธ์ของตัวละครไว้ให้ตามดูภาค 2 ว่าเรื่องราวจะดำเนินต่อไปในทิศทางใด โปรดักชั่น ทำออกมาได้ดีแม้หนังจะอยู่ในปี 2002 เทียบกับปัจจุบันก็ถือว่าไม่ได้แย่ ฉากบู๊ การเคลื่นไหว มุมกล้อง ก็ทำออกมาได้ดี ไม่ได้มึนหัวมาก โดยรวมแล้วเราให้ 8/10 2.Spider-Man 2 (ปี 2004) เรื่องย่อ เวลาล่วงเลยผ่านมาได้2 ปี หลังจากที่ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ ได้สวมหน้ากากสไปเดอร์แมนออกช่วยเหลือผู้คน แม้จะภาคภูมิใจ แต่อีกนัยนึงก็เหนื่อยหน่ายกับชีวิตสองบทบาทนี้ และยังมีวายร้ายแขนกลสติเฟื่อง ที่จ้องจะทำลายเมืองนิวยอร์ก ท้ายที่สุดปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ จะเลือกอะไร รีวิวหลังดู เป็นภาคต่อจากเรื่อง Spider-Man ปี 2002 หนังเรื่องนี้ประสบความสำเร็จมาก และได้รับรางวัลออสการ์ สาขาเทคนิคพิเศษยอดเยี่ยม ความรู้สึกส่วนตัวหลังดูเสร็จ เทคนิคการเล่าเรื่อง ส่วนตัวรู้สึกว่าดีกว่าภาคที่แล้ว ไม่มีจุดไหนที่เฉื่อย โดยส่วนใหญ่ภาคนี้จะเน้นไปที่ความสัมพันธ์ของตัวละคร มีความดราม่า และหนังชีวิตอยู่เหมือนกัน ความสับสนในใจของตัวละครเอก ด้วยความที่ผูกพันกับตัวละคร ยิ่งทำให้เราเอาใจช่วย และรู้สึกอินไปกับตัวละครได้ แต่ในเรื่องของฉากบู๊นั้น ส่วนตัวเราว่าภาคนี้ค่อนข้างน้อยกว่าในภาคที่แล้วนิดหน่อย แต่เทคนิคการถ่ายทำนั้นยังดีเยี่ยม ไม่มึนหัวและตื่นเต้น หากใครที่ต้องการมาดูฉากต่อสู้ โดยไม่ได้อินกับตัวละครมากนัก ก็อาจจะรู้สึกรำคาญบ้าง ในบางตัวละคร ส่วนเรื่องปมต่างๆในภาคที่แล้วก็เคลียร์ออกมาแล้วบ้าง แต่ก็ยังเหลือให้ตามต่อในภาค 3 ส่วนตัวเราให้ 9/10 3. Spider-Man 3 ( ปี 2007) เรื่องย่อ ชีวิตของปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ ในที่สุดก็ราบรื่นเสียที หลังจากที่ลำบากตรากตรำมาตลอด 2 ภาคที่ผ่านมา แต่แล้วจนรอดเขาดันพลาดนำตัวเองไปหลอมรวมเข้ากับสิ่งแปลกประหลาด จนมันทำให้จิตใจของเขาเริ่มเปลี่ยนไป แล้วยังมีวายร้ายตัวใหม่อย่าง มนุษย์ทะเลทราย ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์จะจัดการเรื่องราวนี้อย่างไร แล้วตอนจบของทุกสิ่งจะเป็นเช่นไร รีวิวหลังดู เป็นภาคที่แอบหงุดหงิดในความสัมพันธ์ของตัวละครเอก ปวดหัว ปวดตับ และปวดใจไปพร้อมๆกัน ช่วงแรกของการดำเนินเรื่องอาจมีเฉื่อยบ้าง แต่ก็ไม่ได้แย่ และช่วงกลางไปถึงช่วงท้ายเรื่องดำเนินเรื่องค่อนข้างเร็ว ปมเยอะ ไม่ค่อยมีช่วงให้พักหายใจเท่าไหร่ ฉากสะเทือนอารมณ์ทำได้ดี การคลายปม และตอนจบของเรื่องราวก็ซึ้งกินใจดี แม้ส่วนตัวในใจยังอยากรู้ว่าความสัมพันธ์ของพระเอกนางเอกจะไปในทิศทางใด ในเรื่องของฉากแอคชั่น ส่วนตัวรู้สึกภาคนี้ทำได้สวยมาก ฉากต่อสู้ต่างๆ น่าตื่นเต้น เทคนิคการถ่ายทำยอดเยี่ยมเหมือนเดิม รวมๆแล้ว ภาคนี้จะเน้นไปที่ความสัมพันธ์ของตัวละครที่ค่อนข้างดราม่า ดูแล้วแอบปวดหัว และด้วยความที่มีตัวร้ายสองตัวในภาคนี้ ทำให้การชูโรงของตัวร้ายแต่ละตัวทำให้ไม่ค่อยโดดเด่น ส่วนตัวรู้สึกว่ามันทำให้ได้สุดกว่านี้ แอบเสียดาย ส่วนตัวเราชอบสองภาคแรกมากกว่า เราให้ 7.5/10 เวอร์ชั่นที่ 2 The Amazing Spider-Man นำแสดงโดย แอนดรูว์ การ์ฟิลด์ กำกับโดย มาร์ค เวบบ์ ภายใต้สังกัด โซนี่พิคเจอร์สเอ็นเตอร์เทนเมนต์ และ โคลัมเบียพิคเจอร์ส 4.The Amazing Spider-Man ( ปี 2012) เรื่องย่อ หนังจะเริ่มเล่าจากอดีตของ ปีเตอร์ ปาร์กเกอร์ในวับเยาว์ ก่อนที่พ่อและแม่ของเขาจะหายตัวไปและฝากเขาเอาไว้กับลุงและป้า วัน หนึ่ง ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ ได้เจอกับกระเป๋าเอกสารของพ่อของเขา ที่เก็บความลับสำคัญ และเกี่ยวโยงไปกับ องค์กร Oscorp และดร. เคิร์ท คอนเนอร์สร เพื่อนเก่าของพ่อของเขา เมื่อปีเตอร์ได้เข้าไปสืบเบาะแสในองค์กร แต่เขาดันพลาดและถูกแมงมุมสายพันธ์พิเศษกัดเข้า และยังมีอสูรกายกิ้งก่าตัวใหญ่คอยไล่ล่าเขา ปีเกอร์ ปาร์คเกอร์ จะรับมือกับปัญหานี้อย่างไร.... รีวิวหลังดู หนังเรื่องนี้เป็นปฐมบทของสไปเดอร์แมนจักรวาลที่ 2 ภายใต้สังกัดเดียวกันอย่าง โคลัมเบียร์พิกเจอร์ เป็นการปูเนื้อหาและจักรวาลใหม่ทั้งหมด ส่วนตัวรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็นปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ในลุคใหม่ แตกต่างจากจักรวาลแรก ในส่วนข้อดีของหนังเรื่องนี้ การออกแบบดีไซน์ตัวละครแต่ละตัวน่าสนใจ ทุกตัวละครมีที่มา มีเหตุผล และไม่น่ารำคาญ ในด้านภาพและ CG สวยมาก และเนียนตาสุดๆ ส่วนข้อกลางๆ ฉากแอคชั่นเรื่องนี้ ส่วนตัวว่ายังไม่สุด ช่วงแรกมันจะเนือยๆช้าๆ แต่ก็น่าสนใจดี มุมกล้องสวย เทคนิคดี และในส่วนของข้อเสีย ส่วนตัวรู้สึกว่าฉากสะเทือนอารมณ์ทำได้ไม่ค่อยอิน ไม่ได้รู้สึกเศร้าไปกับตัวละคร หนังไม่ได้ขยี้ในจุดตรงนี้ซักเท่าไหร่ ช่วงแรกหนังดำเนินเรื่องช้าไปซักหน่อย ภาคนี้เหมือนเป็นการมาแนะนำตัวละครเสียมากกว่า เน้นสร้างปมเรื่องแต่ไม่เฉลยในภาคนี้ น่าจะไปเฉลยในภาคสอง แต่ช่วงท้ายเรื่องจะเริ่มสนุกขึ้นมา ฉากต่อสู้จะน่าสนใจขึ้น และซีนอารมณ์ท้ายเรื่องก็ทำให้รู้สึกไปกับตัวละครได้บ้าง ส่วนตัวให้ ึ7/10 5.The Amazing Spider-Man 2 ( ปี 2014 ) เรื่องย่อ หลังจากเหตุการ์ณในภาคแรกจบลง ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ ก็ยังคงสวมหน้ากากสไปเดอร์แมน ข่วยเหลือผู้คนตลอดมา ส่วนความสัมพันธ์ของเขากับแฟนสาวนั้น ก็ยังซับซ้อน เพราะด้วยที่ตัวเขานั้นต้องรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับพ่อของเธอ ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองยากขึ้นกว่าเดิม ทั้งนี้ยังมีการกลับมาของเพื่อนเก่าสมัยเด็ก อย่างแฮร์รี่ ออสบอร์น และได้เปิดตัวตัวร้ายใหม่อย่าง อีเล็คโตร หรือ มนุษย์สายฟ้า จุดจบของเรื่องราวจะเป็นอย่างไร... รีวิวหลังดู ยังยืนยันคำเดิมว่าจักรวาลนี้ ตัวละครแต่ละตัวน่าสนใจ และมีเอกลักษณ์ โดยเฉพาะตัวเอกอย่างสไปเดอร์แมน ในส่วนของการดำเนินเรื่องภาคนี้สำหรับเราถือว่าทำได้ดีมาก ไม่มีช่วงไหนเลยที่เอื่อยๆ มีการเฉลยปมของภาคที่แล้ว ไปจนถึงปมและบทสรุปของในภาคนี้ แม้จะมีบางส่วนที่เหมือนจะยังไม่เคลียร์ ส่วนของฉากแอกชั่น ถือว่าทำได้ดีกว่าภาคที่แล้วแบบมากๆ น่าสนใจ แล้วก็ตื่นเต้น เทคนิคการถ่ายทำดี รวมๆแล้วก็ทำให้รู้สึกสนุกได้ การเล่าเรื่องในฉากสะเทือนใจก็ทำออกมาได้ดี ทำให้อินไปกับตัวละครได้ ส่วนตัวรู้สึกตัวเองอินกับตัวละครมากกว่าภาคแรกเสียอีก และในภาคนี้หากไม่พูดถึงฉากจบที่คาดไม่ถึง ก็คงไม่ได้ ค่อนข้างสะเทือนใจ แต่ก็ยิ่งทำให้อยากรู้ว่าภาคต่อไปของจักรวาลนี้จะเป็นอย่างไร แต่น่าเสียดายที่หวังริบหรี่เหลือเกิน ส่วนตัวเราชอบ เราให้ 9/10 เวอร์ชั่นสุดท้าย ที่เป็นเวอร์ชั่นล่าสุดของ Spider-Man นำแสดงโดย ทอม ฮอลแลนด์ กำกับโดย จอน วัตต์ส ภายใต้สังกัด ผลิต มาร์เวล สตูดิโอส์ และจัดจำหน่ายโดย โคลัมเบียพิคเจอร์ส6. Spider-Man: Homecoming ( ปี 2017) เรื่องย่อ เนื้อเรื่องในภาคนี้ จะเป็นการแยกเดี่ยวของสไปเดอร์แมนในจักรวาลมาร์เวล จะเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตในโรงเรียนของปีเตอร์ ปาร์คเกรอ์ โดยเป็นเหตุการณ์ต่อจาก Captain America: Civil War หลังจากที่ ”ปีเตอร์ ปาร์กเกอร์” หรือสไปเดอร์แมน ถูกดึงเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของการทะเลาะเบาะแว้งระหว่างสตีฟ โรเจอร์และโทนี่ สตาร์ค ซึ่งนำไปสู่การแตกแยกของทีมอเวนเจอร์ทั้งทีม ปีเตอร์พยายามจะใช้ชีวิตแบบเด็ก ม.ปลายธรรมดาๆไปพร้อมกับการเป็นซูเปอร์ฮีโร่ในหน้ากาก แต่บอกได้เลยว่ามันไม่ง่ายอย่างที่คิด เหมือนอย่างประโยคฮิตที่ว่า “พลังอันยิ่งใหญ่มาพร้อมกับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง” รีวิวหลังดู ภาคนี้คือภาคแรกหนังจากเริ่มจักรวาลที่ 3 ซึ่งก็คือจักรวาลปัจจุบัน บอกเลยว่าเป็นการเปิดตัวใหม่ ที่น่าจดจำมากๆ พูดถึงการดำเนินเรื่อง หนังเรื่องนี่ดำเนินเรื่องไปในทางเส้นตรง ที่ไม่ช้าเกินไปจนน่าเบื่อ และไม่เร็วเกินไปจนตามไม่ทันขนาดนั้น พร้อมกับแนะนำคาร์แรกเตอร์ใหม่ของ ตัวเอกอย่างปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ ส่วนตัวรู้สึกว่าภาคนี้ จะมีความเป็นเด็กที่สุดแล้ว ด้วยบทและตัวของนักแสดง น่าจะยึดและดัดแปลงมาจากจักรวาลที่ 2 ของ Andrew ไม่มีการผูกปม ไม่ค่อยมีดราม่า แต่ไม่น่าเบื่อ เพราะฉากแอกชั่น ที่ใส่มาในหนัง นั้นสุดแสนจะน่าสนใจ เทคนิคการถ่ายทำดีมาก ภาพสวย Cg ดี เป็นภาคปฐมบทที่ดี ส่วนข้อกลางๆของภาคนี้คือ ภาคนี้จะไม่เล่าซ้ำ ในเหตุการณ์ที่มีในทุกจักรวาล เช่นฉากแมงมุมกัด หรือ ฉากฝึกการใช้พลัง แต่จะข้ามมาเล่าในตอนที่ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์เป็นสไปเดอร์แมนอย่างเต็มตัว ที่มองเป็นข้อกลางๆ เพราะว่าส่วนตัวคิดว่าการเล่าซ้ำๆก็คงจะน่าเบื่อ เพราะเหมือนเราดูเหตุการ์ณเดิมซ้ำ แต่ในทางกลับกัน ถ้าใครที่ดูเวอร์ชั่นนี้เป็นเวอร์ชั่นแรก ก็อาจจะมีงงกันบ้าง ส่วนตัวเราให้ 9.5/10 7. Spider-Man: Far From Home (ปี 2019) เรื่องย่อ หลังจากเจอเรื่องหนักหนามากมายในสงคราม ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ ก็ตัดสินใจไปพักผ่อนกับเพื่อนที่โรงเรียนที่ยุโรป เพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจของเขา แต่ความปวดหัวยังไม่สิ้นสุด เมื่อ นิค ฟิวรี่ ได้วานจ้างให้เขาไปจัดการปกป้องโลก จากอสูรกาย 4 ธาตุ ความอลม่านนี้จะไปสิ้นสุดที่ตรงไหน แล้วปีเตอร์ ปาร์คเกอร์จะเป็นอย่างไร.... รีวิวหลังดู ภาคนี้เป็นภาคที่สองของสไปเดอร์แมน เวอร์ชั่นของ Marvel ส่วนตัวเราชอบภาคนี้มาก การเล่าเรื่องสนุกมาก ช่วงแรกของหนังจะเน้นไปที่ความสดใสของวัยรุ่น ไม่มีปมซับซ้อน มีดราม่านิดหน่อย ไม่ขยี้จนทำให้รู้สึกเศร้า ไม่มีเฉื่อย หรือ เล่าเร็วไป การดำเนินเรื่องยังคงเป็นเส้นตรง ไม่มีการผูกปมเพื่อให้ไปต่อภาคอื่นๆ แต่จะเคลียร์จบภายในภาคนี้เลย ฉากต่อสู้ต่างๆ ทำออกมาได้ดีสุดๆ Cg เนียนตา แม้จะมีดูไม่ทันไปบางฉาก เทคนิคการถ่ายทำก็ดี มีการใส่มุขตลกเข้ามาในบางช่วง ก็จางบ้าง ฮาบ้าง เป็นหนังที่ดูละไม่ต้องใช้สมองให้ปวดหัวซักเท่าไหร่ ดูเพลินๆ ให้อารมณ์เหมือนหนังชีวิตวัยรุ่นทั่วไป ดูแล้วไม่เครียด และได้เห็นพัฒนาตัวละครที่ได้โตขึ้นกว่าเดิมในภาคที่แล้ว ได้เห็นการพัฒนาความสัมพันธ์ของตัวละคร ในส่วนของตัวร้าย ถือว่าเป็นหนังอีกเรื่องที่คลายเครียดเลยทีเดียว ส่วนตัวนี่คือสไปเดอร์แมนภาคที่เราชอบที่สุด เราให้ 10/10 8. Spider-Man: No Way Home (ปี 2021) เรื่องย่อ Spider-Man: No Way Home ได้เล่าเรื่องราวต่อเนื่องจากเหตุการณ์ในภาคก่อน ปีเตอร์ พาร์คเกอร์ และคนรอบๆ ตัวเขาได้ตกที่นั่งลำบาก เนื่องจาก มิสเทอริโอ ได้ทิ้งบอมบ์ชุดใหญ่เอาไว้ ด้วยการเปิดเผยตัวตนที่แท้ของเขาว่าเป็นใคร ทำให้เขาต้องโร่ไปหา ด็อกเตอร์ สเตรนจ์ เพื่อช่วยแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้น โดยหวังว่าจะบลบความทรงจำคนทั้งโลก เพื่อให้ลืมว่าใครคือไอ้แมงมุมแต่สิ่งไม่คาดคิดได้เกิดขึ้นระหว่างการร่ายมนตร์คาถา เพราะเขาทำให้หมอเสียสมาธิ กลับกลายเป็นว่าผลลัพธ์ที่ออกมานั้นเป็นหายนะกว่าเดิม เพราะเป็นการกำเนิดมัลติเวิร์ส หรือ พหุจักรวาล โลกคู่ขนานต่างๆ ที่ทำให้เขาต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์และวายร้ายเก่าๆ ที่เคยต่อกรด้วยกันมา และทำให้ทุกอย่างแย่ลงและอันตรายเกินกว่าที่จะรับมือได้ด้วยตัวเอง รีวิวหลังดู ภาคนี้เป็นภาคล่าสุดของ Spider-Man ที่ปล่อยออกมาในปี 2021 มีให้ดูที่ true id ในราคา 99 บาท หรือจะใช้ true point ทั้งหมด 329 แต้มเพื่อเข้ารับชมแบบสบายๆ เป็นภาคแรกที่โดยส่วนตัวได้ดูจริงจัง หนังค่อนข้างสนุกมากๆ ถ้าหากมองข้ามความไม่สมเหตุสมผลในช่วงแรกของหนังได้ แต่ก็จะมีแอบงงหากไม่ได้ดูภาคก่อนๆของจักรวาลนี้ ในเรื่องของฉากต่อสู้ สนุกมาก แล้วก็มีเยอะมากๆ ในระหว่าง 2 ชั่วโมง คุณภาพในด้านภาพ เทคนิคถ่ายทำ CG ต่างๆ ก็ทำออกมาได้สมบูรณ์แบบ แต่สิ่งที่แตกต่างของภาคนี้ คือ ฉากดราม่า ที่มาแบบคาดไม่ถึง ซึ่งส่วนตัวรู้สึกว่าทำออกมาได้ดี สามารถทำให้อินไปตามความสัมพันธ์ของตัวละครได้ ถือว่าเป็นหนังที่ครบรสอีกเรื่องนึงเลยทีเดียว ส่วนตัวเราให้ 8/10 การรีวิวหนังในแต่ละภาคของหนัง เป็นเพียงข้อคิดเห็นจากผู้เขียน หากผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี่ ด้วยขอบคุณค่ะ ; )หากมีคำถามเพิ่มเติมติดต่อที่ : siriprapatewee31@gmail.comบทความอื่นจากผู้เขียนแชร์ประสบการณ์!!! ทำแบบสอบถามออนไลน์ 1 เดือน ได้เงินกี่บาท?10 เพลงรัก สากล ยุค 80 - 90 ความหมายดี ฟังเพลิน5 วิธีหาเงิน ฉบับวัยเรียน ต่ำกว่า 15 ปีภาพปก/ Twitter:@SpiderManภาพประกอบ :ภาพที่ 1 Spider-Man (ปี 2002)/Youtube:Sony Pictures Entertainmentภาพที่่ 2 Spider-Man (ปี 2004) Youtube:Sony Pictures Entertainmentภาพที่ 3 Spider-Man (ปี 2004) /Facebook:Spider-Manภาพที่ 4 The Amazing Spider-Man (ปี2012) /Facebook:Spider-Manภาพที่ 5 The Amazing Spider-Man 2 (ปี 2014) /Facebook:Spider-Manภาพที่ 6 Spider-Man : Homecoming (ปี 2017) /Facebook:Spider-Manภาพที่ 7 Spider-Man: Far From Home (ปี 2019) /Facebook:Spider-Manภาพที่ 8 Spider-Man: No Way Home (ปี 2021) / Twitter:@SpiderManคอมมูนิตี้โลกคนรักหนัง ห้องหวีดซีรีส์ดังออกใหม่มาแรง ป้ายยาหนังดีหนังโดน