ขอบคุณรูปภาพจาก https://bethanymattocks.wordpress.com/2016/09/14/about-time-2013/ About Time (2013) นี่เป็นหนังอีกเรื่องที่ออกแนวย้อนเวลา และหลายคนบอกว่ามันคือหนังรักโรแมนติก แต่ในความจริงแล้วกลับรู้สึกว่ามันมีส่วนผสมของหลาย ๆ อย่างเข้าด้วยกัน จะเป็นหนังรักก็ไม่เชิงซะทีเดียว จะว่ามันจะเป็นหนังชีวิตก็ยังไม่ใช่ และยังมีกลิ่นของ sci-fi ปนอยู่ด้วยนิด ๆความสามารถของทิมอาจจะดูวิเศษเพราะเหมือนเป็นความสามารถที่สืบทอดต่อกันมาในวงศ์ตระกูลให้เขาสามารถย้อนเวลากลับไปในช่วงที่ต้องการแก้ไขได้ และจัดการกับมันจนกว่าจะเป็นที่น่าพอใจ แต่หากคิดดูแล้วการต้องพบเจอกับเหตุการณ์เดิมครั้งแล้วครั้งเล่ากับการย้อนอดีตไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งจะทำให้ชีวิตหมดสนุกและออกจะเหนื่อยเกินไปบ้างหรือเปล่า..?การที่เราจีบสาวคนเดิมซ้ำ ๆ กลับไปยังสถานที่ที่เกิดเหตุการณ์เดิม ๆ ซ้ำๆ เจอกับสถานการณ์แบบเดิม ๆ ซ้ำ ๆ มันคงไม่ได้ต่างอะไรจากการชมภาพยนตร์เรื่องเดิมซ้ำไปซ้ำมา ที่แม้ตอนจบจะเปลี่ยนไปแต่เราก็ล่วงรู้เหตุการณ์แล้วส่วนหนึ่งไม่ใช่หรือ..?ขอบคุณภาพจาก https://sites.google.com/site/kajohnyos8/home/movie-recommend เราจะยังอยากได้พรสวรรค์แบบนั้นอยู่อีกไหม ถ้าเรารู้ว่าตัวเองเป็นโรคคลั่งความสมบูรณ์แบบ และคงทนไม่ไหวถ้าเห็นข้อผิดพลาดเกิดขึ้นเพียงนิดฉากหนึ่งที่ค้างอยู่ในใจคือ ฉากงานแต่งงานที่คู่บ่าวสาวพากันวิ่งฝ่าฝน ซึ่งมันก็ดูน่าประทับใจดีและคงเป็นที่จดจำของใครต่อใครมากมายถึงงานวิวาห์ในสายฝนขอบคุณภาพจา กhttps://www.kizi.video/online/watch.php?vid=8ef8daa18 หลังจากผ่านช่วงวัยแห่งความรักแล้วก็ถึงเวลาที่ต้องเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ตัวละครในเรื่องเริ่มที่จะเข้าสู่วัยกลางคน ซึ่งความสามารถของทิมก็ยังทำงานได้ดี ฉากหหนึ่งที่ทำให้รู้สึกสะเทือนใจ คือ เมื่อทิมย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีต ทำให้ปัจจุบันนั้นเปลี่ยนแปลงไปด้วย ลูกของเขานั้นกลายเป็นใครไปไม่รู้และนั่นอาจจะเป็นผลกระทบที่มาจากการย้อนอดีต ยิ่งได้อะไรที่มีค่ามากมาก็ต้องจ่ายด้วยราคาที่ไม่ต่างกัน หรือบางทีนั่นคือ คำบอกใบ้จากหนังว่าเราไม่ควรไปยึดติดอะไรกับอดีตมากไป แต่ควรใช้ปัจจุบันให้มีค่าเสียมากกว่าขอบคุณภาพจาก https://www.blu-ray.com/movies/About-Time-Blu-ray/79312/แม้ว่าทิมจะสามารถย้อนอดีตได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะสามารถแก้ไขอะไรหลาย ๆ อย่างได้ดั่งใจ ทั้งเรื่องอุบัติเหตุ ทั้งเรื่องพ่อ และอีกหลาย ๆ เรื่องในตอนท้าย ๆ นั้นหนังสร้างความสะเทือนใจมากทีเดียว ไม่ว่าจะฉากตีปิงปอง ฉากเดินคุยกันที่ชายหาด ความดราม่าของหนังมีมากขึ้นเรื่อย ๆ จากหนังที่ควรจะเป็นหนังรักโรแมนติก เริ่มจะกลายเป็นหนังชีวิตที่มีเรื่องให้เครียดเข้าอยู่ไม่น้อยบทส่งท้ายของหนังเรื่องนี้มีมากกว่าความสนุกแบบหนังทั่ว ๆ ไป พระเอกอาจจะไม่ได้หล่อมาก นางเอกอาจจะไม่ได้สวยมาก หรือไม่ได้มีบุคลิกที่โดดเด่นอะไร แต่มีความประทับใจซ่อนอยู่ในทุกมุมของเรื่อง ทั้งภาพที่สวย เพลงประกอบที่เพราะ บรรยากาศของเรื่องที่ดูดีเชื่อว่า about time คงเป็นหนังในดวงใจของใครหลาย ๆ คน หนังเรื่องนี้ถือว่าประสบความสำเร็จมากหากพูดถึงการเป็นที่จดจำของผู้ชม โดยเฉพาะภาพของ แมรี(นางเอก)กับม้าเต่อน้อย ๆ ของเธอในชุดแต่งงานสีแดงสด กับทิมและผมสีทองกับรอยยิ้มอบอุ่นเหมือนเด็กหนุ่มนั่น เป็นข้อพิสูจน์ที่ดีทีเดียวว่างานแต่งงานเจ้าสาวไม่จำเป็นต้องใส่ชุดขาวบริสุทธิ์ และเจ้าบ่าวก็ไม่ได้รู้สึกอะไรในจุดนั้น นับว่าเป็นอีกเรื่องที่เข้ากันได้ดี ทั้งบทภาพยนตร์ บทละคร และสถานที่ถ่ายทำ ทำให้ about time สามารถบอกเล่าเรื่องราวได้ทุกแง่ทุกมุม ไม่ขาดตกบกพร่องแม้แต่น้อย “...แม้จะย้อนเวลาได้ แต่มิอาจเปลี่ยนให้ใจหนึ่งรักเราได้”