รีเซต

“ได๋ ไดอาน่า” เปิดใจทั้งน้ำตา แม่ถูกมิจฉาชีพหลอกสูญเงินล้าน ติดต่อมาขู่จนแม่กลัว

“ได๋ ไดอาน่า” เปิดใจทั้งน้ำตา แม่ถูกมิจฉาชีพหลอกสูญเงินล้าน ติดต่อมาขู่จนแม่กลัว
ดาราเดลี่บันเทิง
6 สิงหาคม 2567 ( 21:20 )
35

“ได๋ ไดอาน่า” เปิดใจทั้งน้ำตา แม่ถูกมิจฉาชีพหลอกสูญเงินล้าน ติดต่อมาขู่จนแม่กลัว

         ออกมาเปิดใจทั้งน้ำตา สำหรับพิธีกรดัง “ได๋ ไดอาน่า” หลังคุณแม่ถูกมิจฉาชีพหลอกให้โอนเงินให้มูลค่า 1 ล้านบาท ล่าสุดเจอตัวสาวได๋ เจ้าตัวก็เปิดใจถึงเรื่องนี้ว่า

          คุณแม่โดนคอลเซนเตอร์หลอกให้โอนเงิน มูลค่า 1 ล้านบาท ซึ่งเราไม่เคยคิดว่าวันนึง เราจะต้องมาแก้ปัญหานี้ให้กับคุณแม่ เรื่องของเรื่องก็คือ เมื่อวานนี้มีมิสคอลจากคุณแม่แจ้งเข้ามาที่โทรศัพท์ได๋ ซึ่งได๋กำลังทำงานอยู่ แล้วพอได๋โทรกลับไปก็ไม่มีใครรับสาย จนกระทั่งติดต่อได้ คุณแม่ก็พูดขึ้นมาว่า “แม่ไม่มีเวลาแล้ว แม่ไม่มีเวลาแล้ว แม่เหลือเวลาอีกไม่มาก” ตอนนั้นได๋ก็ตกใจมากว่าเกิดอะไรขึ้น ก็พยายามถามท่าน ซึ่งคุณแม่ก็ให้ข้อมูลว่า “แม่พูดอะไรไม่ได้เลย มันต้องเป็นความลับ บอกใครไม่ได้ แม่ตกอยู่ในอันตราย”

          ตอนนั้นด้วยความที่ได๋เองก็ตกใจ ได๋เลยรีบเดินทางไปหาท่านที่บ้าน จนไปถึงบ้านคุณแม่ก็บอกกับได๋ว่า “แม่ต้องไปรายงานตัว” แล้วสุดท้ายได๋ก็ได้เห็นว่า เขาวิดีโอคอลรายงานตัวกับมิจฉาชีพ ซึ่งถ้าย้อนกลับไป ก็คือเมื่อเวลาประมาณ 11 โมง แม่ได้รับโทรศัพท์จากคนที่อ้างว่าเป็น เจ้าหน้าที่ค่ายมือถือค่ายหนึ่ง โดยเขาบอกว่า เจ้าของเบอร์โทรศัพท์นี้ถูกตรวจสอบพบว่ามีการฟอกเงินมูลค่า 14 ล้าน และต้องโอนสายให้กับเจ้าหน้าที่เพื่อพูดคุย จากนั้นพอโอนสายปุ๊บ เจ้าหน้าที่ก็พูดประมาณว่าแบบ ชื่อของคุณถูกใช้แอบอ้างเป็นบัญชีม้า และตอนนี้คุณก็ตกเป็นผู้ต้องหา ซึ่งเราจะช่วยคุณ 

          คือเขาก็คุยกันไปเรื่อยๆ จนกระทั่งได้แอดไลน์ แต่ไฮไลต์ของเรื่องมันอยู่ตรงที่ พอแอดไลน์เสร็จเขาถ่ายหน้าบุ๊กแบงค์ แล้วหน้าบุ๊กแบงค์นั้นก็มีชื่อของคุณแม่อยู่จริงๆ นั่นหมายความว่า เขาลงทุนทำเอกสารที่เป็นบุ๊กแบงค์ส่งมาให้คุณแม่ดู เพื่อให้แม่เข้าใจว่าท่านตกเป็นผู้ต้องหาแล้วจริงๆ รวมถึงเขามีข้อมูลเชิงลึกอีกหลายๆ อย่าง ที่เราเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเขารู้มาได้ยังไง นั้นแหละ แล้วคุณแม่ก็โอนให้เขาหมดบัญชีเลย บัญชีที่เป็นโมบายแบงค์กิ้ง คุณแม่โอนให้หมดเลย ซึ่งทางมิจฉาชีพเขาก็เก่ง เพราะเขากำกับให้ตลอดเลย เขากำกับจนคุณแม่เดินทางไปธนาคารเพื่อขายกองทุน จนคุณแม่แบบเตรียมล้างทุกบัญชีที่มีอยู่ เพื่อโอนให้มิจฉาชีพ

         แต่ทางเราก็ยังมีโชคดีอยู่ตรงที่ธุรกรรมบางอย่างมันติดขั้นตอนเคลียร์ลิ่ง เลยทำให้คุณแม่โอนได้แค่ 1 ล้านบาท ซึ่งพอเกิดเรื่องขึ้นปุ๊บ เขาก็บอกกับคุณแม่ว่าห้ามบอกใคร เพราะถ้าบอกจะเป็นอันตราย จะจับเข้าคุก บอกลูกก็ไม่ได้ เพราะถ้าลูกรู้ ลูกก็จะโดนไปด้วย ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นมันจึงเป็นการที่คุณแม่เขาเป็นห่วงได๋ และเขาพยายามที่จะสู้ด้วยตัวเอง มิจฉาชีพมันร้ายมากเลยนะคะ ตอนที่ได๋ไปเจอกับคุณแม่ครั้งแรกแล้วรู้เรื่อง ก็คือคุณแม่ท่านตกใจ แต่ได๋ก็ต้องพยายามบอกกับเขาว่าทั้งหมดมันเป็นแผนการของแก๊งมิจฉาชีพ กระทั่งเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (6 ส.ค) เวลาประมาณ 9 โมง ทางนั้นเขาก็ยังโทรมาหาคุณแม่อีก เขาบอกให้แม่รายงานตัว ซึ่งได๋คิดว่าน่าจะเป็นเพราะเขาเห็นบัญชีของคุณแม่หมดแล้ว ว่าคุณแม่มีทรัพย์สินอะไรบ้าง ดังนั้นเขาจึงอยากที่จะกำกับให้คุณแม่โอนให้เขาทั้งหมด

         จริงๆ ได๋ก็อยากจะใช้โอกาสนี้บอกกับทุกคนนะคะว่า เงินที่มันเสียไป มันไม่มีทางได้กลับคืนมา และให้ถือว่าเรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ ได๋ขอฝากให้ช่วยกระจายเรื่องนี้ต่อไปถึงผู้หลักผู้ใหญ่ในครอบครัวของทุกคนนะคะ เพื่อไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้มันเกิดขึ้นอีก ส่วนเรื่องการแจ้งตำรวจ ก็ไปมาแล้วนะคะเมื่อคืน ซึ่งทางตำรวจเขาก็บอกว่าเคสแบบนี้มีวันหนึ่งประมาณ 20 ราย สำหรับสภาพจิตใจของคุณแม่ ณ ตอนนี้ เอาจริงๆ ก็ถือว่าไม่ค่อยดีค่ะ เพราะได๋ต้องประกบท่านตลอด และได๋ก็โกรธท่านไม่ได้ด้วย คือถ้าได๋โกรธ แม่ก็จะยิ่งรู้สึกว่าท่านผิด ได๋ก็เลยบอกกับท่านไปว่าไม่เป็นไร ส่วนเรื่องกฎหมายก็แจ้งทุกอย่างไปตามกระบวนการแล้ว

         อย่างที่เล่าค่ะ ตอนที่แม่บอกว่า 'แม่ไม่มีเวลาแล้ว แม่ไม่มีเวลาแล้ว' ตอนนั้นได๋บอกแม่เลยว่า 'แม่ฟังนะ ลูกคนนี้ทำให้แม่ได้ทุกอย่าง ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่ลูกทำให้แม่ไม่ได้ บอกหนูมาว่าเกิดอะไรขึ้น' (น้ำตาคลอ) คือได๋เป็นห่วงท่านมาก ก็เลยวางมือจากงานแล้วรีบเดินทางไปหาท่าน เพราะกลัวว่าแม่จะเป็นอันตราย แต่สุดท้ายพอทราบว่าเป็นเรื่องเงิน มันก็ยังรู้สึกอุ่นใจที่แม่ยังโอเค

         ถามว่าแค้นไหม ถ้าบอกว่าไม่แค้นก็คงโกหก เพราะทำกันขนาดนี้เลยเหรอ แต่ถ้าเรามัวแต่แค้น แล้วเราไม่นำเอาเรื่องนี้ออกมาสื่อสารต่อ  ก็คงมีคนโดนอีก ซึ่งได๋ไม่อยากให้ใครโดนแล้ว ฝากพี่ๆ สื่อช่วยกันกระจายข่าวด้วยนะคะ รวมถึงฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือประชาชนด้วย ช่วยลดปัญหาให้เหลือน้อยที่สุด จริงๆ ตอนนี้ถ้ามองในแง่ดีก็คือ แม่คงไม่โดนครั้งที่ 2 เพราะว่าเงินหมดบัญชีแล้ว ซึ่งตอนนี้ไม่ใช่แม่นอยด์นะ ลูกนอยด์กว่าแม่อีก เพราะได๋รู้สึกว่าได๋บกพร่องในฐานะของการเป็นลูก ทำไมเราไม่ดูแลคุณแม่ให้ดีกว่านี้