รีเซต

"ปันปัน สุทัตตา" เคยหมดไฟจนหยุดรับงาน ลั่น! ตอนนี้หนูไม่ได้ปิดกั้นเรื่องรัก

"ปันปัน สุทัตตา" เคยหมดไฟจนหยุดรับงาน ลั่น! ตอนนี้หนูไม่ได้ปิดกั้นเรื่องรัก
Jeaneration
19 ตุลาคม 2567 ( 12:38 )
26

เปิดใจนักแสดงสาว "ปันปัน สุทัตตา" ในรายการ WOODY FM มาอัพเดทชีวิตที่เปลี่ยนไป ครั้งหนึ่งเคยรู้สึกหมดไฟในการทำงาน พร้อมเผยเบื้องลึกหลังปิดฉากรัก 7 ปี ตอนนี้ไม่ได้ปิดกั้นเรื่องความรักหากมีใครเข้ามา

ตอนนี้คุณดูมีความสุขมากขึ้น แล้วในสมัยก่อนเป็นยังไงวัย 20 ปี ?

ปันปัน : สมัยตอนเด็กๆ 20 ปี คิดว่าโอเคขึ้นแล้ว ใจเย็นขึ้นกว่าในตอนอายุ 10 กว่าปี เริ่มรู้ว่าอะไรเป็นอะไร คิดมากขึ้น แต่ก็ยังคิดไม่ได้ขนาดนั้น จะเป็นคนที่ทำอะไรตามใจตัวเองเป็นหลัก รู้สึกแบบนี้ อยากทำแบบนี้ ฉันต้องได้ทำ ไม่ค่อยฟังใคร จะฟังตัวเอง

พ่อแม่ก็ไม่ฟัง ?

ปันปัน : ไม่ค่อยฟังค่ะ แต่พ่อแม่หนูจะเลี้ยงในแบบที่ว่าให้เราไปเจอโลกด้วยตัวเองเขาจะไม่ห้าม ไม่ตีกรอบเรา อยากทำอะไรทำ ชีวิตตัวเอง โตแล้วคิดเอาเอง

วันนี้ในชีวิตรู้สึกว่าได้เห็นอะไรเกี่ยวกับตัวเองที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน ?

ปันปัน : เห็นว่าทุกวันนี้รู้สึกว่าตัวเองมีเหตุผลมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน ใช้สมองมากกว่าหัวใจ จะรู้ว่าอันนี้เป็นสิ่งที่ควรทำ เป็นสิ่งที่ถูกต้อง แล้วเราก็จะตัดมันง่ายกว่าเมื่อก่อน ถ้าเมื่อก่อนเราจะแบบคิดแบบนี้มันดี ชอบแบบนี้ จะทำแบบนี้ ตอนนี้ใช้ตรรกะและเหตุผลมากขึ้น 

วู้ดดี้ได้เจอปันปันในวัดแห่งหนึ่งเป็นภาพที่ตกใจมากว่ามาทำอะไรที่นี่ ตอนนั้นก็มีการเข้าวิปัสสนาหลายวัน ?

ปันปัน : ใส่ชุดขาวเดินมาสอบอารมณ์กันตอนเช้า (หัวเราะ) ตอนนั้นก็คือรู้สึกว่าพวกเราเปลี่ยนไปเยอะมาก มันทำให้ใจเย็นลง รู้จักตัวเองมากขึ้น รู้ว่าความโกรธมาแล้วนะ หนูจะคิดเลยว่าสมมุติเราโกรธใคร เราไม่ได้อะไรจากการโกรธนั่นขึ้นมาเลย ซีเรียสอยู่คนเดียวข้างใน แต่อีกฝ่ายหนึ่งไม่ได้รู้สึก เขาไม่ได้มาฉุนเฉียวกับเรา อีกเรื่องหนึ่งก็คือหาความสุขให้กับตัวเองในทุกๆวัน ถ้าเราตื่นมาแล้วมีความสุขได้กับเรื่องเล็กๆทุกอย่างเราจะแฮปปี้ ซึ่งปกติแล้วจะติดกับโซเชียลมีเดียหรืออะไรสักอย่างแต่ตอนนั้นเราไม่ได้เล่นมือถือ 10 วัน นั่งมองนกโน้นนี่นั่น ก็รู้สึกว่าชีวิตก็มีแค่นี้ คือเราอยู่กับตัวเองให้ได้แล้วก็มีความสุขกับตัวเอง ฉันคือปันปันนั่งอยู่ตรงนี้ ฉันคือใครกันแน่ อันนี้คือสิ่งที่ได้จากการไปในครั้งนั้น

ความสำเร็จของคุณคืออะไรในตอนนี้ ?

ปันปัน : คือการที่รู้สึกว่าแฮปปี้กับตัวเอง Successful ในแบบของเรา รู้สึกว่าไปไหนอยู่ตรงไหนแล้วเราแฮปปี้ รู้สึกว่าตัวเองพอแล้ว โอเคแล้ว ไม่เทียบกับใคร มีความสุขในทุกๆวัน

เราโตขึ้นทุกวันแล้วก็ควรจะต้องดีใจกับทุกวันนี้ที่เรายังมีชีวิตอยู่ ?

ปันปัน : ใช่ค่ะ วันนี้เราได้เรียนรู้อะไรบางอย่าง เราอ่านข่าวนี้ก็มีความสุขแล้ว หนูมีความสุขในทุกวันในชีวิตเลยจริงๆ 

พี่ดีใจกับคุณด้วย แต่เรื่องภาวะหมดไฟที่เคยขึ้นอยากให้ช่วยแชร์นิดหนึ่ง ?

ปันปัน : มีช่วงหนึ่งในชีวิตที่รู้สึกว่าเราลืมตามาแล้วไม่มีความสุข  อย่างที่บอกเราเป็นคนที่ลืมตามาแล้ววันนี้ฉันทำอะไรดี ตื่นเต้นจังเลยจะได้ไปโน้นไปนี่ แต่มีบางช่วงที่รู้สึกโอ๊ยเหนื่อย ทำอะไรอยู่ ทำไมมันหมดไฟขนาดนี้ ทำไมเหนื่อย ไม่มีความสุขตอนลืมตาขึ้นมา เป็นอยู่ช่วงหนึ่งรู้สึกทรมาน เราต้องจัดการตัวเองถ้าตื่นมาแล้วเป็นแบบนี้ไปทำงานแบบไม่มีความสุข พลังงานเราก็จะไม่ดี เพราะเป็นคนที่เชื่อในเรื่องพลังงานของคนรอบๆตัวมาก ช่วงนั้นก็จัดการตัวเองหยุดพักในทุกๆอย่าง ขอออกไปเที่ยว หรือไปสถานที่ต่างๆสักนิดหนึ่ง เบรคตัวเองออกมา แล้วก็จูนตัวเองใหม่ เริ่มใหม่ ก็ดีขึ้นแต่ว่าใช้เวลา คือความที่เราเป็น Extrovert มากๆ ด้วย จะรู้สึกว่าการที่เราได้ออกไปแล้วเจอคนที่มีพลังงานดี ๆ แล้วเราได้รับเข้ามามันจะโอเค แล้วเราก็ต้องกันตัวเองจากคนที่ Negative หมายถึงว่าถ้าเราไปที่นี่แล้วรู้ว่าคนนี้พลังงานไม่ดี เราก็เลือกที่จะเดินไปอีกฝั่งหนึ่ง ต้องกันตัวเองให้ถูก

คุณเป็น Introvert หรือ Extrovert ?

ปันปัน : Extrovert มาก

ในส่วนของแฟนที่ผ่านๆ มาสังเกตุไหมว่าพลังงานจะคล้ายหรือต่างจากเรา ?

ปันปัน : ต่างค่ะ ถ้าเหมือนกันมากไปอยู่ด้วยกันไม่ได้ มันตีกัน แต่ถ้าเกิดว่าอีกคนหนึ่งเบรคเราได้ มันก็จะอยู่ด้วยกันได้นาน ส่วนใหญ่เขาจะเป็นสไตล์นิ่งๆหน่อย เพราะว่าหนูคือเด็กแสบของประวัติศาสตร์โลกแล้วจริงๆ ทุกคนรู้ แล้วเป็นคนที่มี Energy เยอะ ซึ่งคนที่จะอยู่กับเราได้ต้องตรงข้าม ต้องคุมให้อยู่ นี่คือสิ่งที่ผ่านมานะคะ

ล่าสุดก็เพิ่งจบไปกับเรื่องของความสัมพันธ์ วันนี้เราเรียนรู้ในวิธีการจบแบบที่ราบรื่นไหม ?

ปันปัน : ราบรื่นมากค่ะ ก็คือคุยด้วยแบบมีตรรกะมาก คือที่ผ่านมาเราเป็นคนที่ใช้อารมณ์มาก อาจจะมีการทะเลาะกัน บอกเลิกโน้นนี่นั่น งอแง ปัญญาอ่อน แล้วเหมือนเราทะเลาะกับตัวเอง แต่รอบนี้มันคือการที่เราแบบทักษะด้านตรรกะและเหตุผล เป็นเพราะอะไร 1 2 3  แล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็สมเหตุสมผล ก็เลยเข้าใจได้ เห็นด้วย แล้วก็แบบโอเคดีกว่า

อะไรเป็นจุดที่เราตัดสินใจว่าจะต้องหยุด ยุติความสัมพันธ์ ?

ปันปัน : ความรู้สึกล้วนๆ เลยค่ะ ที่อยู่ตรงนี้แล้วเราไม่มีความสุข อยู่ตรงนี้แล้วไม่แฮปปี้ ไม่ว่าจะกับตัวเองหรือกับใคร มันจะมีจุดที่รู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว คือหนูใช้การเปรียบเทียบว่าความรักเรามันเป็นเหมือนกระดาษสีขาว แล้วมันมีจุดดำๆอยู่แค่ 1 จุดตรงกลาง แล้วพี่จิ้มจุดนั้นไปเรื่อยๆ ทุกวันจนวันนี้มันเป็นรูแล้ว เอาไม่อยู่แล้ว รู้สึกว่าใจเรามันไปแล้ว มันไปยากนะ แต่พอมันไปแล้วมันไปเลย นี่คือปัญหาตอนนั้น

วันนี้จะอยู่กับตัวเองไปก่อน หรือว่า Let it be ?

ปันปัน : ตอนนี้ Let it be นิดหนึ่งค่ะ ถ้ามีอะไรเข้ามาหนูไม่ได้ปิด แต่ว่าหนูก็ต้องให้ตัวเองมาก่อนมากขึ้น ในสมัยก่อนเราก็จะเป็นคนที่อยากให้ทุกคนมีความสุขเวลาอยู่รอบๆเรา แล้วเราจะเอาความสุขของตัวเองไว้ท้ายสุดเสมอ เป็นแบบนี้ตลอดกับทุกคน แต่เดี๋ยวนี้จะรู้สึกว่าถ้าเราไม่มีความสุข ถ้าาอึดอัดในการจุดนี้เราไม่ไปดีกว่า เราปฏิเสธคนให้เป็น ปกติหนูจะเป็นคนที่ปฏิเสธคนไม่เป็น ใครให้ทำอะไรให้ไปไหนจะเกรงใจ โอเคทำให้หมด แต่ตอนนี้ต้องฝึก Say No ถ้าเราไม่อยากทำอะไร

ปฏิเสธโดยที่ไม่ทำให้อีกฝั่งเสียใจมีศาสตร์ของมันไหม ?

ปันปัน : ปันเป็นคนที่ค่อนข้างจริงใจในระดับหนึ่ง ซึ่งคนที่เรากำลังจะปฏิเสธเขา จะเข้าใจว่าเราคิดอะไร ทำไมเราถึงทำแบบนั้น มีความกล้าที่จะปฏิเสธคนมากขึ้นเมื่อเราโตขึ้น อาจเป็นเพราะเมื่อก่อนรู้สึกว่าเราเด็กมั้ง พอเด็กก็ต้องยอมทุกคน ตอนนี้เริ่มโตขึ้นมีความคิดของตัวเองแล้ว

สามารถติดตาม Woody FM ได้ที่ช่องทาง Podcast : WOODY FM , Facebook: Woody, Youtube: Woody ทุกวันพุธ เวลา 19.00 น.