"Hi, It's Hannah. Hannah Baker. Live and in stereo..."ประโยคคุ้นหูจากซีรีส์ยอดนิยมอย่าง "13 Reasons Why" จาก Netflix ที่เรียกได้ว่าเป็นซีรีส์ที่ทำให้คนผู้ชมรู้จัก Netflix ในประเทศไทยเลยก็ว่าได้ค่ะ จากกระแสที่มาแรงของ 13 Reasons Why ที่นอกจากจะโปรโมทให้คนรู้จักกับ Streaming เจ้าใหญ่อย่าง Netflix แล้ว ยังเป็นซีรีส์ที่ปลุกให้ผู้คนตื่นตัวและให้ความสำคัญกับปัญหาความรุนแรง การกลั่นแกล้งในโรงเรียน และโรคซึมเศร้ามากยิ่งขึ้น13 Reasons Why ต้องบอกเลยว่าเป็นซีรีส์ที่คนป่วยเป็นโรคซึมเศร้าไม่ควรดูเป็นอย่างยิ่ง หากใครสามารถดูทั้ง 13 ตอน จบได้ในเวลาอันรวดเร็ว ก็ต้องขอแสดงความยินดีด้วยจริง ๆ ค่ะ คงเป็นคนที่สุขภาพจิตค่อนข้างดีเลยทีเดียว เพราะสำหรับคนที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า หรือเป็นคนที่มีอารมณ์อ่อนไหวแล้ว มันไม่ง่ายเลยจริง ๆ ที่จะไม่ซึมซับความเจ็บปวดของบาดแผลที่ค่อย ๆ ถูกกรีดซ้ำ ๆ ผ่านเรื่องราวของ "Hannah Baker" ตัวละครหลักของเรื่อง13 Reasons Why บอกเล่าถึงเด็กสาวมัธยม "แฮนน่า" ที่ได้ตัดสินใจปลิดชีวิตตัวเองเพราะโรคซึมเศร้า ที่เป็นผลพวงมาจากการถูกกลั่นแกล้งในโรงเรียน ถูกหักหลัง ถูกทอดทิ้งจากคนรอบข้างให้รู้สึกโดดเดี่ยว และที่ร้ายแรงที่สุดคือการถูกคุกคามและล่วงละเมิดทางเพศ และเมื่อหันหน้าขอความช่วยเหลือจากคนที่ไว้ใจด้วยความหวังอันริบหรี่ ก็ไม่มีใครเลยที่จะเข้าใจเธอสักคน เหล่านี้เป็นสาเหตุที่ทำให้คน ๆ หนึ่ง ตัดสินใจที่จะจบชีวิตตนเอง ไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลยสักนิด แฮนน่าอัดเทปเสียงของตัวเอง บอกเล่าสาเหตุที่ทำให้เธอตัดสินใจฆ่าตัวตาย ส่งให้กับกลุ่มเพื่อนและคนรอบตัวทั้ง 13 คน ที่เป็นเจ้าของเรื่องราวในเทปทั้ง 13 ม้วน ก่อนที่เธอจะจากไป เนื้อเรื่องดำเนินไปตามเรื่องราวในเทปของแฮนน่า บอกเล่าถึงอดีตที่เกิดขึ้นสลับกับสถานการณ์ปัจจุบันของคนที่ได้รับเทปทั้ง 13 ม้วนนั้น ผู้คนที่ไม่เคยเอะใจสักนิด ว่าการกระทำเล็ก ๆ ของพวกเขา จะเป็นสาเหตุที่ทำให้คน ๆ หนึ่ง ต้องทุกข์ใจจนตัดสินใจเช่นนั้น"โรคซึมเศร้า" ถูกปลุกกระแสความสนใจจากสังคมมากขึ้น เมื่อซีรีส์เรื่องนี้ถูกฉาย ด้วยเนื้อเรื่องที่กรีดอารมณ์อย่างหนักหน่วง ประกอบการการแสดงชั้นเยี่ยมของนักแสดง ทำให้ผู้ชมต่างก็อิน และหันมาร่วมรณรงค์เรื่องการกลั่นแกล้งในโรงเรียน และความรุนแรงทางเพศ แต่สิ่งที่ยังน่ากังวล คือเมื่อได้อ่านคอมเมนท์จากผู้ชมในหลาย ๆ โพสต์ที่เกี่ยวกับซีรีส์เรื่องนี้ สิ่งที่พบทำให้รู้สึกตกใจไม่น้อยเลยค่ะ"แฮนน่าทำตัวดราม่าควีน น่ารำคาญ..""เอาแต่เรียกร้องความสนใจ อยากให้คนอื่นทำให้ถูกใจตัวเอง ก็สมควรแล้ว ทำตัวเองเอง..""ก็อ่อยผู้ชายเอง จะโดนข่มขืนก็ไม่แปลก..""อยากตายก็ตายไปสิ ยังจะทำให้คนอื่นเดือดร้อนไปด้วยอีก.."ฯลฯคอมเมนท์เหล่านี้ไม่ได้อยู่ในบทละคร แต่เป็นความคิดเห็นจริง ๆ ของผู้ชมบางส่วนในสังคม ซึ่งมีจำนวนไม่น้อยเลย เป็นสิ่งที่สื่อให้เห็นว่า คนในสังคมยังไม่เข้าใจในโรคซึมเศร้าอย่างแท้จริง และหากคนใกล้ตัวของพวกเขาเหล่านั้นจะมีใครฆ่าตัวตาย ก็ไม่ได้น่าแปลกใจนัก แฮนน่าไม่ใช่แค่เพียงตัวละครในซีรีส์ หากแต่เป็นกระจกสะท้อนของคนกลุ่มหนึ่ง ที่ถูกสังคมกระทำราวกับพวกเขาไม่คู่ควรเหยียบย่างอยู่บนโลกใบนี้ เราไม่มีทางรู้เลยว่า คำพูดหรือการกระทำที่ไม่ได้คิดแม้เพียงนิดเดียวมันอาจส่งผลที่ไม่คาดคิดกับชีวิตของคน ๆ หนึ่งได้มากแค่ไหนใช่ว่าจะมีแต่เรื่องราวดราม่าเพียงอย่างเดียวหรอกนะคะ ยังมีเรื่องราวความรักของแฮนน่ากับ เคลย์ (Clay) เด็กหนุ่มตัวเอกอีกคนของเรื่อง ให้ได้อบอุ่นหัวใจกันบ้างเป็นระยะ แต่ค่อนข้างจะเป็นไปในทางสับสนมากกว่า จุดนี้ขอชมทีมงานที่วางโปรดัคชั่นดีมาก รู้สึกได้เลยถึงความว้าวุ่นของการเป็นวัยมัธยม กรุ่นกลิ่นฮอร์โมนพลุ่งพล่านทีเดียว ไหนจะเรื่องเซ็กส์และยา เรื่องการท้องในวัยเรียน เรื่องการเลือกทางเดินชีวิต ปัญหาในครอบครัว และวิกฤตอัตลักษณ์ (Identity Crisis) ปัญหาต่าง ๆ ที่เหล่าวัยรุ่นต้องเผชิญ ที่สอดแทรกเข้ามาในเรื่องได้อย่างแนบเนียน เสมือนว่าเราเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในเรื่องเลยล่ะค่ะ หากให้เปรียบเทียบตัวเองเป็นตัวละครในเรื่อง ส่วนตัวคิดว่าคงจะเหมือน "เคลย์" ล่ะมั้ง ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะฟังเทปแต่ละม้วน เพื่อรับรู้ถึงความเจ็บปวด ร้าวราน และสิ้นหวังของคน ๆ หนึ่งที่เรารัก โดยเฉพาะเมื่อรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้วว่า จุดจบของเทป คือคน ๆ นั้นไม่สามารถก้าวข้ามมันไปได้เรื่องราวในเทปของแฮนน่าเริ่มจากจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ แต่ก็นั่นแหล่ะค่ะ ไม่มีใครคาดคิดว่าการกระทำเล็ก ๆ ที่เรามองข้าม จะสร้างแรงสั่นสะเทือนกระเพื่อมเป็นวงกว้างได้ปานนั้น นี่สินะคะที่เขาว่ากัน..."เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว.."ความเสียใจน้อยนิด เปรียบดั่งเมฆฝนหนึ่งก้อน หากแต่มันเพิ่มจำนวนมากขึ้น ก้อนแล้ว ก้อนเล่า บาดแผลที่ถูกกรีดซ้ำ ๆ เหมือนเมฆดำที่เริ่มจับตัวควบแน่น ความเสียใจแปรเปลี่ยนเป็นพายุความเจ็บปวด โหมกระหน่ำรุนแรง มองไปทางใดก็เจอแต่ความมืดครึ้ม หาทางออกไม่เจอคนที่ป่วยด้วยโรคซึมเศร้า หรือมีภาวะซึมเศร้า ไม่ได้มีใครอยากที่จะต้องตาย หรือเรียกร้องความสนใจ อย่างที่หลาย ๆ คน ว่ากัน พวกเขาเพียงแต่หาความหวังสุดท้ายให้ตัวเองสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ แต่บ่อยครั้งที่ความพยายามนั้นล้มเหลว สิ่งที่พบเจอกลับยิ่งตอกย้ำว่าพวกเขาไม่มีคุณค่า ไม่สมควรที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปฉากที่ชอบที่สุดในเรื่อง หรือจะเรียกว่าเป็นฉากหนึ่งที่ส่วนตัวรู้สึกเจ็บปวดตามที่สุด และต้องขอชื่นชมนักแสดงที่ถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้ดีมากจริง ๆ คือฉากที่แฮนน่าไปพบครูแนะแนว บอกเล่าทุกอย่างให้ฟัง หวังให้เป็นที่พึ่งสุดท้าย แต่แล้วทุกอย่างก็พังลง.. นั่นเป็นฉากที่เธอตัดสินใจที่จะจบชีวิตตัวเองลง หลังจากความพยายามต่อสู้มาอย่างยาวนาน ยังจำประโยคของเธอในฉากนี้ได้อยู่เลยค่ะ บีบหัวใจมากจริง ๆ"One last try, I'm giving life one last try.."แฮนน่าให้โอกาสชีวิตตัวเองเป็นครั้งสุดท้าย กรีดร้องอยู่ภายในใจ ไขว่คว้าหาที่มั่นเพื่อหลบพายุที่กำลังกระหน่ำ แต่พายุฝนไม่มีทีท่าว่าจะหยุด และที่มั่นสุดท้ายก็พังทลายลงหมดสิ้น ในความคิดของเธอตอนนั้น หรือความคิดของหลาย ๆ คนที่ตัดสินใจฆ่าตัวตาย คงจะคิดเหมือนกัน ว่าการไม่ต้องรู้สึกอะไรอีก คงจะดีที่สุด..เป็นบทความแนะนำซีรีส์ ที่ไม่อยากแนะนำเลยสำหรับคนมีภาวะซึมเศร้านะคะ เพราะมันเรียลมากซะจนเราอาจเผลอไปซึมซับความเจ็บปวดเหล่านั้นเข้ามาใส่ตัวเอง ซึ่งไม่สนุกเลยในการสลัดความรู้สึกออกไป ส่วนตัวก็ใช้เวลาราว ๆ อาทิตย์หนึ่งเห็นจะได้ค่ะ กว่าที่จะหายอินจนกระทบชีวิตตัวเอง แนะนำว่าอย่าดูคนเดียวหรือดูต่อเนื่องกันนานเกินไปนะคะ แต่สำหรับใครที่มีภูมิต้านทานอยู่แล้ว เรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งผลงานคุณภาพที่ไม่อยากให้พลาดเลยค่ะ สามารถรับชมได้ทาง Netflix ตอนนี้มี 3 Seasons แล้วค่ะ เข้มข้นและมีมิติมากขึ้นเรื่อย ๆเชื่อว่า 13 Reasons Whyจะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ทำให้เราได้เข้าใจผู้ป่วยโรคซึมเศร้ามากขึ้นเพราะปัจจุบันยังมีคนที่เข้าใจผิดกับโรคนี้อยู่มาก และน้อยคนที่จะทราบว่า การบอก "สู้ ๆ" ไม่ได้ช่วยอะไรเลย รวมไปถึงการตระหนักว่า การกระทำเล็ก ๆ ที่เราอาจไม่ได้ตั้งใจ มันอาจส่งผลกระทบในแง่ที่คาดไม่ถึงสำหรับใครบางคน เพราะฉะนั้น จึงต้องพึงระวังความคิด คำพูด และการกระทำ ต่อคนรอบข้างไว้ดีกว่าค่ะ จะได้ไม่ต้องมาเสียใจภายหลังทีมผู้สร้าง 13 Reasons Why และนักแสดง ก็ยังคงมีกิจกรรมรณรงค์เรื่องการกลั่นแกล้งในโรงเรียน ความรุนแรงทางเพศ และสร้างความเข้าใจในโรคซึมเศร้าให้กับสังคม ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ดีมาก ๆ ในการสร้างความตระหนักรู้ผ่านความบันเทิง และขยายผลต่อยอดให้เกิดประโยชน์ ต้องขอชื่นชมจากหัวใจจริง ๆ ค่ะ ตอนนี้มีเว็บไซต์อย่างเป็นทางการในการให้คำปรึกษาแก่ผู้ที่มีภาวะซึมเศร้า หรือถูกกระทำรุนแรงใด ๆ หรือมีความคิดที่อยากจะฆ่าตัวตาย รวมไปถึงการตัดสินใจต่าง ๆ ที่เป็นเรื่องสำคัญในชีวิตของวัยรุ่น สามารถโทรเข้าไปปรึกษา โดยจะมีจิตแพทย์ให้คำแนะนำ และมี Content ดี ๆ เป็นประโยชน์คอยอัพเดตอยู่เรื่อย ๆ ค่ะหากเพื่อน ๆ สนใจ สามารถเข้าไปที่เว็บไซต์ 13 Resons Why Official Website นี้ได้เลยค่า13 Reasons Why ได้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาของสังคมที่ไม่ได้มีเฉพาะแค่ในวัยรุ่นเท่านั้น แต่ผู้คนรับฟังกันน้อยลง เกลียดกันง่ายขึ้น แค่จากการพิมพ์ตัวอักษรเพียงไม่กี่ตัว แต่ทุกปัญหาเริ่มต้นจากสิ่งเล็ก ๆ ที่เรามองข้ามไปนั่นแหล่ะ เป็นดังที่เขาว่า.. "เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว" พึงระวังความคิด คำพูด การกระทำ และอย่าลืมใส่ใจกับคนรอบข้างให้มากขึ้นนะคะ และท้ายที่สุดที่อยากจะฝากไว้คือ"การรับฟังโดยไม่ตัดสิน เป็นสิ่งที่พึงกระทำที่สุดสำหรับในทุก ๆ ความสัมพันธ์.."ถึงตอนนี้เสียงแฮนน่าในเทปดังก้องขึ้นในหัวอีกแล้ว.."Hey, I'm about to tell you the story of my life. More specifically, why my life ended. And if you're listening to this tape, you're one of the reasons why. Get a snack. And settle in..." เรื่อง : ดารัณ พันสวะนัด (ผู้เขียน)ขอบคุณภาพประกอบทั้งหมดจาก Netflix Official Trailer และภาพจากหน้าเว็บไซต์ 13 Reasons Why Official Website