รีเซต

ฝ่าวิกฤติชีวิต “อู๋ สมิทธิ” 23 วันป่วยโควิด19 นอนไม่หลังจนจิตแพทย์ต้องให้ยานอนหลับ

ฝ่าวิกฤติชีวิต “อู๋ สมิทธิ” 23 วันป่วยโควิด19  นอนไม่หลังจนจิตแพทย์ต้องให้ยานอนหลับ
ดาราเดลี่บันเทิง
31 สิงหาคม 2564 ( 08:30 )
196

ฝ่าวิกฤติชีวิต “อู๋ สมิทธิ” 23 วันป่วยโควิด19  นอนไม่หลังจนจิตแพทย์ต้องให้ยานอนหลับ
       ดาราเดลี่ได้จัดทำสกู้ป สัมภาษณ์ว่าด้วยชีวิตนักแสดงดาราที่ต้องผ่านโควิด19 มาด้วยการรักษาในระบบของ สธ.จาก “แมทธิว ดีน” มาถึง “อู๋ สมิทธิ” ถือว่าเป็นตอนที่สอง  
       ดาราเดลี่กำลังจะเสนอเรื่องราวของดาราที่สู้กับโควิด19 ในมุมที่หลากหลาย ตั้งแต่คลัสเตอร์แรก มาถึงคลัสเตอร์ที่ 4 ที่ต้องล็อกดาวน์ 29 จังหวัด 
       เพื่อตีแผ่เรื่องราวทุกแง่มุมเพื่อแฟนๆ ข่าวจะได้นำไปปรับใช้ หรือเป็นแง่คิดสำหรับชีวิตที่ต้องสู้กับโควิดต่อไป 


        ดาราเดลี่ : สวัสดีครับอู๋ครับ อยู่กับดาราเดลี่ ก่อนอื่นขอแสดงความดีใจด้วยนะครับ ที่หายไวมาก
อู๋ สมิทธิ : ก็ไม่ไวเท่าไหร่นะครับ ผมอยู่โรงพยาบาลไปประมาณ 23 วันได้ครับ 
       ดาราเดลี่ : เล่าให้ฟังหน่อยว่า ไปกินข้าว ไปเดินตลาดไหน หรือยังไง
อู๋ สมิทธิ : ก็คือที่หลัก ๆ เลยครับก็น่าจะเป็น 2 ที่เลยครับ เพราะว่าผมไปวิ่งสวนลุมแล้วก็มนมีวันนึงฝนตกหนักมาก แล้วก็ผมต้องวิ่งไปหลบต้องเหมือนมันเป็นโกดังเล็ก ๆ ริมทางวิ่งแล้วก็มีแคร่แบบเหมือนมีหลังคานิดนึง แล้วในนั้นมีคนอยู่ประมาณ 3-4 คนอย่างเงี้ยอะครับ แต่ว่าอู๋ใส่หน้ากากนะครับ แต่ว่าไม่ได้พกเจลแอลกอฮอล์ไปวันนั้น ใช่ครับ แต่อีกที่นึงก็น่าจะเป็นปากคลองตลาดครับ เพราะว่าที่คุยกับเพื่อนแต่ว่าปากคลองตลาดผมไปแป๊ปเดียว ไปซื้อดอกไม้เอามาไหว้พระเสร็จแล้วก็กลับไปมา 2 ครั้งครับ ตอนไปก็คือใส่หน้ากาก 2 ชั้น ใส่แมส 2 ชั้นนะครับแล้วก็พกเจลแอลกอฮอล์ไปตลอดเลยแต่ว่าน่าจะเป็นที่ อาจจะติดมากับถุง หือว่าดอกไม้มันชึ้นอะไรแบบนี้มั้ง อาจจะมาอย่างนั้นแล้วผมก็มาจับดอกไม้ใส่แจกัน มันก็อาจจะติดมาครับผม
ดาราเดลี่ : อาการแรกๆ รู้สึกยังไงตอนนั้นที่รู้สึกว่าต้องตรวจโควิด เป็นไข้ เจ็บคอ มันไม่ได้กลิ่น
อู๋ สมิทธิ : วันที่ผมเริ่มรู้สึกเหมือนจะเป็นไข้ วันที่ 8 ครับ กลับมารู้สึกตัวรุม ๆ ละคืนวันที่ 8 แล้วเช้าวันที่ 9 ผมตื่นมารู้สึกว่าเจ็บคอ เหมือนแบบว่ามีดบาดคอ มันรู้สึกเจ็บคอมากกลืนน้ำลายไม่ได้เลย แล้วก็เป็นไข้ ตัวร้อน ไอ จาม ทุกอย่างเลยครับที่จะไม่สบายได้ แต่ว่าตัวเองฉีดวัคซีนไปแล้ว 2 เข็ม ผ่านไปแล้ว 6 อาทิตย์แล้วก็คิดว่าน่าจะพอช่วยได้บ้าง อะไรอย่างเงี้ยครับ คิดว่าเป็นภูมิแพ้ หรือว่านอนน้อยอะไรปกติ ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะติดโควิดฮะ แต่ว่าเพื่อนก็บอกให้ไปตรวจเหอะ เราก็คิดว่าโอเคงั้นเดี๋ยวเราไปเช็คภูมิด้วยเลยละกัน เพราะว่าเราฉีดวัคซีนไปแล้ว 2 เข็มก็เลยอยากไปเช็คภูมิ แล้วพอเช็คภูมิก็เลยถือโอกาสไป swab จมูกมาด้วยเลยครับ อันนั้นคือวันที่ 9 ครับ แล้วคือวันรุ่งขึ้นเค้าก็ส่งอีเมลมาว่าภูมิประมาณ 1500 ก็มีอยู่บ้างครับแล้วก็ วันที่ 10 ประมาณบ่ายสอง เค้าก็โทรมาบอกว่าผลตรวจออกมาเป็น positive อะครับ

       ดาราเดลี่ : รู้สึกตกใจเลย แล้วทำยังไงต่อ ช็อคหรือว่ายังไงครับ
อู๋ สมิทธิ : หัวสมองคือแบบคิดอะไรไม่ถูก คิดอะไรไม่ออกแล้วครับเค้าก็ให้พยายามกดเบอร์ฮอตไลน์ ให้โทรไปที่เบอร์ 16 อะไรสักอย่าง ประมาณ 4-5 เบอร์ แล้วก็ไลน์แอดไปถามข้อมูลที่อะไรสักอย่าง คือหัวสมองผมแบบไม่ตอบสนองต่อสิ่งที่จะพูดแล้วอะครับ คือหัวสมองผมคิดต่อไปแล้วว่าจะยังไงดี จะโทรคุยกับใคร แล้วจะต้องบอกประกันยังไง คือเยอะมากเลยครับ แล้วตอนนั้นอาการค่อนข้างหนักเพราะว่าวันที่ 9-10 มาคือไม่ได้กลิ่นแล้วครับ ผมเป็นคนชอบพวกน้ำหอมเครื่องหอมอะไรอย่างเงี้ย ผมก็เลยลองเอามาดมมันก็ไม่ได้กลิ่นอะไรแล้วครับ แบบไม่ได้กลิ่นเลย ก็น่าจะใช่แล้วแหละ
ดาราเดลี่ : พออู๋โพสต์แจ้งไทม์ไลน์ไป จากนั้นเป็นข่าวไปทั่ว เกิดไรขึ้นบ้างหลังจากนั้น มีอะไรบ้าง
อู๋ สมิทธิ : เครียดก่อนเลยครับเพราะว่า คือตัวเองป่วยอะไม่เท่าไหร่แต่คือผมไปเจอคนมาที่แบบค่อนข้างหลากหลาย มีทั้งเพื่อนในวงการบันเทิงแล้วก็ข้างนอกด้วย ผมกลัวคนเหล่านั้นติดมากกว่าจริง ๆ ฮะ อันนั้นเครียดมากเพราะทุกคนก็ต้องไปเทส


       ดาราเดลี่ : เหมือนมี “แมท ภีรนีย์”  ประกาศกักตัวใช่ไหม
อู๋ สมิทธิ : ใช่มีแมท แล้วก็มีอีกคนสองคน เพื่อนนอกวงการก็มีหลายคนอยู่ครับ แต่ว่าผมไปกินข้าวกับแม็กมา วันนั้นไปทำบุญมาที่อยุธยากันครับแล้วก็ไปกินข้าวด้วยกัน นั่งติด ๆ กัน แม็กก็ยังถามเลยว่าเราก็ดูป้องกันดีนะเพราะว่าตอนนั้นเราก็ใส่แมสถอดจริง ๆ แค่ตอนกินข้าว เจลก็เป็นเจลที่เค้าให้มาเองเราก็พกอยู่ตลอดครับ
       ดาราเดลี่ : อยู่โรงพยาบาลเป็นไงบ้าง นอนมองเพดาน 20 กว่าวัน
อู๋ สมิทธิ : เครียดมากพี่ คือตอนแรกมันป่วยแล้วก็ไข้ขึ้น คือเค้าเหมือนแบบว่าไม่ให้พยาบาลเข้ามาเดิน เค้าให้เราวัดความดันเอง ทุกอย่างทำเองหมดเลยครับ แล้วก็ส่งไลน์ไปให้เค้า ทุกวันก็จะมีมาบอกไลน์วีดิโอคอลคุยกันแบบเนี่ยครับว่าอาการเป็นยังไงบ้าง แล้วก็ตรวจปอดมาเป็นอย่างงี้ อ่อผมเชื้อลงปอดตั้งแต่วันแรกเลยครับ หมอบอกว่าเป็นฝ่าตั้งแต่วันแรกเลยครับ ตอนแรกก็คือตกใจ ที่บ้านก็คือเครียดไปเลย คิดว่าโอ้โห้มันรุนแรงขนาดนี้เราฉีดวัคซีนไปแล้วยังลงปอดตั้งแต่วันแรกเป็นฝ่าขึ้นละครับ อยู่ข้างล่างปอดสำคัญเลย


       ดาราเดลี่ : ความรู้สึกที่ลงปอดตั้งแต่วันแรกเลย รู้สึกยังไงบ้างครับ
อู๋ สมิทธิ : ใช่ครับ วันแรกเลย ตั้งแต่วันที่หนึ่ง วันที่สอง ตรวจปอดปุ๊ปก็คือลงเลย ผมมาโรงพยาบาลวันที่ 10 ใช่ไหมครับ วันที่ 11 ตรวจก็คือลงเลย แล้วภายใน 7 วันออกซิเจนตก เลยต้องใส่เครื่องช่วยหายใจเป็นแบบเสียบให้ออกซิเจนมันไม่ตก แล้วก็เป็นไข้เหมือนคนที่ติดโควิดไม่ได้กลิ่น ไม่รู้รส  อาการก็น่าจะหนักอยู่ประมาณนึงครับ 
ดาราเดลี่ : นอนอยู่โรงพยาบาล 23 วัน แล้วอาการคือลงปอด จิตใจต้องเข็มแข็งมาก
อู๋ สมิทธิ : สุด ๆ เลยพี่ อย่างวันหลัง ๆ ช่วง 17-18 ไป ผมเห็นเห็นข่าวว่าคนทั่วไปเค้าก็รักษาตัวแค่ 14 วันเค้าก็ได้ออกไป Home Solution กันต่อแล้ว แต่พอผมถามหมอ หมอก็คือไม่ให้ผมออก เค้าบอกว่าตรวจปอดไป ปอดก็คือยังติดเชื้ออยู่เค้าก็บอกปอดเป็นรอยอยู่แล้วก็ยังเป็นฝ่า เค้าอยากให้อยู่ต่อ เพราะว่าต้องเอกซเรย์ปอดทุก ๆ สามวันอะครับ ก็มาเอกซเรย์ปอดตลอด ผมก็จะแอบถามว่าเตียงมันเต็มไหม แบบว่ามันแน่นจริง ๆ ครับช่วงนี้ ก็เลยคิดว่าตัวเองอาจจะแบบออกไปกักตัวอยู่ที่บ้านได้แล้วหมอก็ยังไม่ให้ออก พ่อแม่ก็เลยบอกว่าให้ตามหมอ
       ดาราเดลี่ : จริง ๆ ก็นอนอยู่ที่โรงพยาบาลนานอยู่นะครับ 
อู๋ สมิทธิ : นานครับ จนนอนไม่หลับเลยครับ เพราะว่าเครียดด้วยมั้ง นอนวันละ 2 ชั่วโมงจนหมอเจ้าของไข้เค้าเป็นจิตแพทย์อะครับ ต้องให้ยาคลายเครียดแล้วก็ให้ยายนอนหลับ มันเครียดอะครับ เหมือนมันอยู่กับตัวเอง มันเครียด มันหดหู่ แล้วเราก็ดูข่าว ดูทีวี แล้วเราก็เห็นคนอื่น ๆ ในข่าวมันก็เครียดด้วยครับ เพราะว่าตอนที่ผมติดตอนแรกติดประมาณวันละ 5-6 พันนี่แหละครับ ตอนต้นเดือนกรกฎา หกพัน เจ็ดพัน เริ่มขึ้นมาแปดพัน แต่ว่าช่วงหลัง ๆ นี้กลับสองหมื่น


       ดาราเดลี่ : ครับ ก็ผ่านมาได้ กลับบ้าน โพสต์รูปแรกกับแม่เลย 
อู๋ สมิทธิ : ใช่ครับก็อยู่กับแม่ แต่ทุกคนก็ยังกลัวติดจากผมอยู่นะ พอผมออกไปไม่รู้ว่าหมอเขียนว่าผมสามารถทำกิจกรรมร่วมกับคนอื่นแล้วก็ทำงานได้ตามปกติแล้ว เค้าก็หายกลัวกันนิดนึง
      ดาราเดลี่ : ตอนนี้ไปไหน มาไหน ระวังตัวมากขึ้นแน่นอน
อู๋ สมิทธิ : ผมระวังมากเลย ไม่ได้ออกจากบ้านเลยครับผม ไม่ได้เจอใครเลยครับเจอแต่คนในครอบครัวเท่านั้นเลยครับ ก็เลยไม่เจอคนอื่นครับ เพื่อนอะไรก็ไม่ได้เจอเลยครับเพราะว่าคุยไลน์กัน เป็นวีดิโอคอลคุยกันมากกว่า
       ดาราเดลี่ : แต่ไม่น่าเชื่อนะเพราะว่าอู๋ก็แทบจะไม่ได้ไปไหนเลยก็ยังเจอได้
อู๋ สมิทธิ : ใช่ ผมว่ามันเป็นที่จังหวะนะครับ เหมือนแบบว่าเป็นดวง เราอาจจะแบบไปเจอหรือไปผ่านในคนที่เค้าติด มีเชื้ออยู่พอดี แล้วเราเกิดเดินผ่านเค้า เค้ามาไอใส่เสื้อเรา เราก็บังเอิญจบ ๆ เสื้อเรา แล้วเราก็มาใส่หน้ากากอะไรแบบนี้ ขยี้ตาหรือยังเงี้ย มันก็มีโอกาสที่จะติดได้ครับ แล้วมันไม่รู้อะครับ ตอนนี้ก็คือคิดไปสันนิษฐาน คาดเดาเอาไปว่าโดยทุกคนช่วงนี้ก็น่าจะแบบว่าติดกันเยอะ ให้คิดไปว่าทุกคนก็มีเชื้อ 

       ดาราเดลี่ : อู่เคยเห็นข่าวไหมแบบว่าบางทีนอนล้มตายกันริมถนนบ้าง 
อู๋ สมิทธิ : ใช่ผมเห็นอะไรพวกนี้ผมเลยเครียด เครียดเลยเพราะว่าเราก็ไม่อยากอยู่นานเลยเพราะว่า เราออกเร็ว คนอื่นจะได้มาแทนเราต่อ ผมก็ขอหมอนะว่าผมไปกลับที่บ้านได้ไหม คุณหมอก็บอกว่ายัง รอให้มันดีขึ้นกว่านี้ก่อนดีกว่า เพราะว่าปอดอักเสบอยู่ แต่ผมแข็งแรงนะครับ ผมไปออกกำลังกายบ่อยมาก เพื่อนผมคนอื่น ๆ ก็ยังคิดว่าแข็งแรงทำไมถึงติด
       ดาราเดลี่ : สุดท้ายอยากให้อู๋พูดหน่อยสำหรับคนที่ยังอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องสู้กับโควิด บางคนยังหาเตียงอยู่ บางคนครอบครัวติดกันหมดต้อง HI ที่เราผ่านประสบการณ์หนัก ๆ มาแล้วเนี่ย เค้าอาจจะต้องการกำลังใจ

       อู๋ สมิทธิ : ก็คือเข้าใจเลยครับ เพราะว่าทุกคนก็ต้องออกไปทำงาน หาเลี้ยงตัวเองแล้วก็ครอบครัว เข้าใจเลยว่ามันต้องออกไป แต่อยากจะให้เลี่ยงที่ที่เป็นคนเยอะ ๆ หรือว่าพยายามเลี่ยงให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ แล้วก็ใส่หน้ากากตลอด แล้วก็พกเจลแอลกอฮอล์ ระมัดระวังตัวเองครับส่วนคนที่ติดโควิดอยู่ ผมก็อยากจะให้กำลังใจ ให้ทุกคนหายป่วยจากโรคนี้เร็ว ๆ มันหายได้ครับ ก็คือพยายามทานยาตามที่หมอสั่งก็เป็นกำลังใจให้ทุกคนครับ เพราะว่าผมผ่านมาแล้วมันเครียดจริง ๆ ครับ มันกลัวว่าตัวเองตอนแรกผมไปโรงพยาบาลอะไรจะเกิดก็เกิด รถโรงพยาบาลมารับตอนนั้นเหมือนรถที่เราเห็นในข่าวเลยคร้บ แล้วแบบคนอื่นเค้าได้กลับมา แต่เราไม่ได้กลับมา ผมนึกตอนนั้นเลยว่าอะไรจะเกิดก็เกิดละกัน เพระว่ารถโรงพยาบาลมารับ คนลงมารับใส่ชุด PPE แล้วเราลากกระเป๋าขึ้นไปอยู่บนรถคนเดียวประมาณครึ่งชั่วโมงได้กว่าจะถึงโรงพยาบาล ตอนนั้นแบบหลายความคิดมากเลยเพราะว่าตอนนั้นมันป่วยค่อนข้างหนักเหมือนกันนะ พอไปถึงโรงพยาบาลปุ๊ปเค้าไม่ให้รอ เค้าให้ใส่ชุด PPE ลงมามันดูเหมือนว่ายิ่งใหญ่มาก เค้าก็ดูกลัวกันมาก ผมก็เข้าใจเลยเพราะว่าตอนนั้นผมเครียดมาก เครียดว่าเพื่อนหรือคนในครอบครัวใครจะติด คนรอบตัวจะติดรึเปล่า ก็อยากจะส่งกำลังใจให้ทุกคน ให้ทุกคนแข็งแรงเร็ว ๆ ทั้งร่างกายและจิตใจ