เปิดฟุตเทจออดิชันหายากของ "บริตนีย์ สเปียร์ส" ที่เกือบได้เป็นนางเอกหนัง "The Notebook"
‘The Notebook’ (2004) หนังดัดแปลงจากนิยายขายดีของเจ้าพ่อนิยายโรแมนติกน้ำเน่า นิโคลัส สปาร์กส์ (Nicholas Sparks) นอกจากจะเป็นผลงานหนังที่ตราตรึงใจจนได้รับคำชม และทำรายได้ถล่มทลาย รวมทั้งยังเป็นหนังแจ้งเกิดพระเอกนัยน์ตาโศกอย่าง ไรอัน กอสลิง (Ryan Gosling) ที่เกือบจะได้เข้าคู่พระนางกับศิลปินแห่งยุค 90s อย่าง บริตนีย์ สเปียร์ส (Britney Spears) มาแล้ว
โดยเว็บไซต์ DailyMail เป็นสื่อ Exclusive เพียงแห่งเดียวที่ได้นำเอาคลิปฟุตเทจบันทึกการออดิชันของเจ้าหญิงเพลงป๊อปวัย 21 ปีในเวลานั้น กำลังออดิชันบทเป็น แอลลี แฮมิลตัน ที่บันทึกเอาไว้ที่ลอส แองเจลิส ในวันที่ 18 สิงหาคม 2002 ก่อนที่จะเปิดกล้อง ซึ่งคนที่นำคลิปนี้มาแชร์ในอีก 19 ปีต่อมาก็คือ แมตธิว แบร์รี (Matthew Barry) ผู้คัดเลือกนักแสดงของหนังเรื่องนี้นั่นเอง
ฟุตเทจดังกล่าวเผยให้เห็นภาพของสเปียร์สที่กำลังเข้าถึงบทบาทจนต้องหลั่งน้ำตา ในระหว่างต่อบทกับกอสลิง ผู้รับบทเป็น โนอาห์ แคลฮอน อยู่หลังกล้อง โดยบทนี้ แอลลีต้องเปิดเผยความรู้สึกกล้ำกลืนของเธอ เพราะเธอจำต้องแต่งงานกับนายทหารหนุ่มผู้มั่งคั่ง หลังจากที่ต้องแยกห่างจากโนอาห์ ด้วยพิษภัยโรคระบาดในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่กลายเป็นว่า อดีตคนรักอย่างโนอาห์ ที่เธอเคยปักใจเชื่อว่าคงไม่มีวันได้เจอกันอีก กลับมาปรากฏตัวต่อหน้าอีกครั้ง
แบร์รีได้เผยความรู้สึกต่อป๊อปสตาร์สาวที่ออดิชันในวันนั้นว่า “บริตนีย์ไม่ใช่แค่เก่งอย่างเดียวครับ แต่เธอมหัศจรรย์มาก ๆ บริตนีย์เอาชนะนักแสดงหญิงชั้นนำหลายคนในเวลานั้น ทั้ง สการ์เล็ตต์ โจแฮนสัน (Scarlett Johansson), แคลร์ เดนส์ (Claire Danes), เคต บอสเวิร์ธ (Kate Bosworth), เอมี อดัมส์ (Amy Adams), เจมี คิง (Jamie King), และ แมนดี มัวร์ (Mandy Moore) ที่ได้รับคัดเลือกสำหรับบทบาทนี้ บริตนีย์เอาชนะพวกเขาทั้งหมดได้ ทุกคนในปีนั้นล้วนต้องการบทนี้กันทั้งนั้น”
แต่อย่างที่ทราบกันดีว่า สุดท้าย ก็เป็นนางเอกสาว ราเชล แม็กอดัมส์ (Rachel McAdams) นักแสดงสาวที่ยังไม่เป็นที่รู้จักในวันนั้นได้รับบท แอลลี แฮมิลตัน ไปแทน แม้ในวันนั้นการทำงานของเธอกับกอสลิงจะขัดแย้งจนแทบมองหน้าไม่ติด แต่ไม่น่าเชื่อว่าทั้งคู่กลับพัฒนาความสัมพันธ์จนกลายเป็นคู่รักจริง ๆ อยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง
ซึ่งแบร์รียังได้กล่าวถึงสเปียร์ส ที่เกือบได้รับบทบาทนี้ว่า “มันเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบากมากครับ บริตนีย์ทำให้พวกเราทึ่งกันมาก พวกเราอ้าปากค้าง ผมเองก็ทึ่งมาก โคตรทึ่งแน่นอน วันนั้นเธอเต็มเปี่ยมไปด้วยความสามารถจริง ๆ “
แม้การแสดงของสเปียร์สจะได้รับคำชมว่าน่าทึ่ง แต่เธอเองก็ไม่ได้หลงไหลกับอาชีพงานแสดงมากนัก ล่าสุดเธอได้เปิดเผยในหนังสือบันทึกความทรงจำของตัวเองที่มีชื่อว่า ‘The Women In Me’ ที่ว่ากันว่าจะเป็นหนังสือที่เปิดเผยเรื่องราวความลับและเรื่องอื้อฉาวในชีวิตของเธอและบรรดาคนรอบข้างมากมาย โดยส่วนหนึ่งเธอได้กล่าวถึงการร่วมแสดงหนัง Road Movie วัยรุ่นเรื่อง ‘Crossroads’ (2002) ก่อนที่เธอจะมาออดิชันหนังเรื่องนี้ว่าส่งผลต่อจิตใจของเธอเองมากแค่ไหน
“ปัญหาของฉันไม่ได้อยู่ที่คนที่เกี่ยวข้องกับการผลิต แต่อยู่ที่การแสดง ที่ส่งผลต่อจิตใจของฉันเอง ฉันคิดว่าฉันเริ่มแสดงแบบ Method Acting และมีแค่ฉันที่ไม่รู้ว่าจะแยกแยะตัวละครของตัวเองออกไปได้อย่างไร ฉันกลายเป็นคนอื่นไปแล้วจริง ๆ “
“บางคนที่แสดงแบบ Method มักจะสามารถตระหนักได้ดีว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ แต่ฉันเองแบ่งแยกเรื่องนี้ไม่ได้เลย ในที่สุดฉันก็ทำอะไรแตกต่าง ประพฤติตัว พูดออกไป ฉันต้องกลายเป็นคนอื่นมาหลายเดือนแล้วในระหว่างถ่ายทำ ‘Crossroads’ จนถึงทุกวันนี้ ฉันพนันได้เลยว่าสาว ๆ ที่ถ่ายทำหนังเรื่องนั้นกับฉันคงคิดว่า ‘เธอดูแปลก ๆ นิดหน่อยนะ’ ถ้าพวกเขาคิดแบบนั้นก็ถูกต้องแล้วล่ะ”
“ฉันจินตนาการว่า คงมีคนในวงการการแสดงที่ต้องรับมือกับเรื่องแบบนั้นอยู่ ซึ่งทำให้พวกเขามีปัญหาในการแยกตัวเองออกจากตัวละคร ฉันหวังว่าฉันคงไม่ย่างกรายเข้าใกล้อันตรายจากการทำงาน การใช้ชีวิตแบบนั้นอีก การเป็นตัวของตัวเองครึ่งหนึ่ง กับตัวละครอีกครึ่ง มันช่างเป็นอะไรที่สับสนวุ่นวาย หลังจากนั้นไม่นานคุณก็ไม่รู้ว่ามีอะไรจริงอีกต่อไป”
นอกจากนี้เธอยังได้เขียนบันทึกถึงการออดิชันเพื่อคัดเลือกบทใน ‘The Notebook’ ที่เธอเผยว่า แม้ตัวเธอเองจะไม่เสียใจเลยที่ถูกปฏิเสธบท และยังดีใจที่ได้เห็นกอสลิง และแม็กอดัมส์รับบทบาทของตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยม และเธอเองก็ดีใจที่ได้กลับมาเจอกับกอสลิงอีกครั้ง หลังจากที่ทั้งคู่เคยร่วมงานกันในรายการเด็ก ‘Mickey Mouse Club’ แต่เธอก็ดีใจที่ไม่ได้รับบทนี้ด้วยพอ ๆ กัน
“ถึงแม้ว่ามันจะสนุกมาก ที่ฉันได้กลับมาเจอกับไรอัน กอสลิงอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่เราเคยเจอกันใน ‘Mickey Mouse Club’ แต่ฉันก็ดีใจที่ไม่ได้รับบทนี้ ถ้าฉันได้ แทนที่ฉันจะได้ทำงานอัลบั้ม ‘In the Zone’ (2003) ฉันคิดว่าตัวฉันเองคงทำตัวเหมือนคนยุค 1940 ทั้งวันทั้งคืนแน่”
ที่มา: DailyMail, Variety, Entertainment Weekly