บันทึกแห่งความทรงจำ La Scala อำลาราชาโรงหนังแห่งสยาม "โรงหนังสกาลา"
ข่าวสารวงการหนัง โรงหนังสกาลา
5 กรกฎาคม 2563 บรรยากาศในวันนี้ช่างคราคร่ำไปด้วยผู้คน... อยู่ที่ด้านหน้าโรงภาพยนตร์สแตนอะโลนอันเก่าแก่ใจกลางเมืองกรุง ที่มีตำนานยาวนานมากว่า 50 ปี แต่ส่วนหนึ่งผู้คนได้มาตีตั๋วดูหนังที่โรงหนังแห่งนี้หรอก เพียงแต่พวกเขามาเพื่อ "บอกลา" สถานที่ที่เคยผูกพัน ที่เคยมอบให้ความบันเทิงหลากหลายอารมณ์ผ่านจอผืนใหญ่ๆ ซึบซับภาพทุกมุมของสถานที่ที่ชื่อว่า "โรงหนังสกาลา" เพราะหลังจากวันนี้ไป...จะกลายเป็นแค่ความทรงจำไปแล้ว
Photo Copyright by Shutterstock (AfriramPOE)
ภาพที่กำลังยืนมองดูอยู่ในวันนี้ อาจจะไม่สามารถอธิบายได้ว่าเป็น "ความเศร้า" หรือ "ความสุข" กันแน่ เพราะเราก็ไม่ค่อยเห็นได้เห็นคนจำนวนมากยืนถ่ายรูปและสอดส่องโรงหนังเก่าๆ ย่านสยามสแควร์แบบนี้มานานหลายปีแล้ว ความสุขก็คือได้เห็นการกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งของโรงหนัง มีผู้คนมาเยี่ยมเยือนมากมายกว่าปกติ
แต่ในขณะเดียวกันก็มีความเศร้าใจอยู่ลึกๆ เพราะรู้สึกเสียดายที่การเปลี่ยนแปลงไปของสังคมและวิถีชีวิตของคนที่ผ่านมา ไม่สามารถรักษาสถานที่แห่งนี้เอาไว้ มันน่าเศร้าที่การที่ผู้คนมาอยู่ที่สถานที่เดียวกันในเวลานี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อจะบอกลา และจะไม่มีโอกาสได้สานต่อความทรงจำกับโรงหนังอบอุ่นแห่งนี้อีกต่อ มันน่าจะเสียดายจริงๆ ที่ช่วงเวลาหลายพันหลายหมื่นวันที่ผ่านมา เรากลับลืมที่จะใส่ใจสถานที่แห่งนี้ ไม่แม้แต่จะมอง..แค่เดินผ่าน แต่เมื่อถึงวันที่เขาจะไม่มีอยู่ เราถึงค่อยกลับมาสนใจเขาอีกครั้งหนึ่ง
Photo Copyright by Shutterstock (Varit Soponpis)
ถึงแม้ว่าโดยส่วนตัวจะเป็นคนดูหนังที่เติบโตมากับระบบการดูหนังในโรงหนังเมนสตรีมทั่วๆ ไป อาจจะไม่ได้คลุกคลีหรือมีความผูกพันกับโรงหนังสกาลาแห่งนี้มากนัก แต่ก็มีโอกาสอยู่ไม่กี่ครั้งที่ได้มาเยือนและตีตั๋วดูหนังที่ทำให้ได้สัมผัสถึงบรรยากาศที่หาไม่ได้ที่โรงหนังชั้นนำทั่วโลก และยังเป็นการบริการที่อบอุ่นเหมือนมาดูหนังครอบครัว แม้แอร์จะเย็นฉ่ำจนหนาว เบาะที่นั่งไม่ได้สบายเท่าไหร่ แต่ก็โรงหนังแห่งนี้ก็เคยทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีที่สุดในมาตรฐานตัวเองมาแล้ว
เสน่ห์ของวิถีการดูหนังที่โรงหนังสกาลาเกิดขึ้นตั้งแต่ย่างก้าวเข้ามาในโรงหนัง โรงหนังที่มีกลิ่นอายสไตล์ศิลปะแบบอาร์ตเดโค ผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมตะวันออกและตะวันตกเข้ากันอย่างลงตัว มีจุดเด่นที่โคมไฟระย้าทรงหยดน้ำค้างแข็ง ที่สั่งตรงมาจากประเทศอิตาลี อีกทั้งยังเป็นโรงหนังแบบสแตนอโลนที่ยังหลงเหลือเพียงไม่กี่แห่งในเมืองไทย จากอดีตเป็น 3 เสือของโรงหนังย่านสยาม แต่หลงเหลือเพียงเสือเดียว และตอนนี้เสือตัวสุดท้ายกำลังจะอำลาไปแล้ว
Photo Copyright by Shutterstock (Wongsakorn Dulyavit)
การต่อแถวซื้อตั๋วของโรงหนังแห่งนี้ก็เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่น่าคิดถึง เราจะไม่ได้เห็นอะไรแบบนี้ในสังคมอีกแล้ว ในเมื่อทุกโรงหนังต่างก็กดซื้อตั๋วที่นั่งผ่านทางแอปพลิเคชั่นได้กันหมด แต่ที่โรงหนังสกาลาเรายังต้องเดินไปที่บ็อกซ์ออฟฟิศ เพื่อเลือกจอที่หนังด้วยระบบแมนนวล เจ้าหน้าที่จะหยิบแผ่นกระดาษผังที่นั่งมาให้เราเลือกดู กระดาษก็อปปี้มาแล้วหลายร้อยครั้ง มีเบอร์ที่นั่งให้เลือกเรียงราย แต่ละที่นั่งก็ต่างราคา เมื่อตัดสินใจเลือกได้แล้ว เจ้าหน้าที่ก็จะออกตั๋วให้เรา
เจ้าหน้าที่ใช้ปากกาไฮไลท์ขีดเป็นสัญลักษณ์เบาๆ บนกระดาษผังที่นั่ง ก่อนจะเอื้อมมือไปเขียนตั๋วใบเสร็จของเรา ก่อนจะถูกฉีกออกมาส่งให้ถึงมือ และนี่คือตั๋วหนังของโรงหนังสกาลาที่ยังเป็นเอกลักษณ์ของสถานที่แห่งนี้ เพราะทุกอย่างยังคงใช้วิธีดั้งเดิม ตั้งแต่การออกตั๋วหนัง ไปจนถึงการเดินเข้าไปในโรงหนัง เจ้าหน้าที่ในชุดสูทสีเหลืองยังคอยอยู่ที่หน้าประตูทางเข้า พร้อมกับเช็กตั๋วหนังและรอบหนังให้เรา ก่อนจะนำทางเรา..ส่องไฟฉายและไปส่งถึงที่นั้ง (เพราะข้างในโรงหนังก็มืดพอสมควร)
Photo Copyright by Shutterstock (icosha)
ถึงแม้ว่าจะเคยตีตั๋วดูหนังไม่บ่อยครั้งนักที่โรงหนังแห่งนี้ แต่ก็ยังเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเสมอๆ เมื่อมีโปรแกรมหนังที่แปลกใหม่เข้าฉายที่โรงหนังแห่งนี้ เพราะหากต้องการสถานที่เงียบสงบในการเสพศิลป์และภาพยนตร์ มีคนร่วมโรงหนังเพียงแค่หลักสิบ แน่นอนว่าโรงหนังแห่งนี้จะต้องเป็นตัวเลือกต้นๆ ของคนดูหนังอย่างแน่นอน
และบัดนี้ โรงหนังสกาลา กำลังจะลาจากเราไปตลอดกาลเสียแล้ว วันนี้ที่ได้มาเยือนสถานที่แห่งนี้ก็เพื่อจะซับซับบรรยากาศเหมือนๆ กับอีกหลายคน อาจจะต้องขอโทษที่ไม่ได้มีโอกาสนั่งดูหนังในโรงเพื่อสั่งลา (เพราะยื้อแย่งซื้อตั๋วไม่ทันจริงๆ) การฉายหนัง "Cinema Paradiso" เป็นเรื่องสุดท้ายของโรงหนังแห่งนี้ ช่างเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบเสียจริง ไม่แปลกใจที่ตั๋วจะถูกขายหมดอย่างรวดเร็ว
Photo Copyright by Shutterstock (waranon8327)
คงต้องกล่าวขอบคุณโรงหนังแห่งนี้แทนอีกหลายๆ คนที่ไม่มีโอกาสได้ไปบอกลา La Scala แม้จะไม่ได้ตั้งอยู่ที่เดิม แต่ชื่อและบรรยากาศยังคงติดตรึงอยู่ในความทรงจำเสมอ ก็คงได้เวลาต้องบอกลา "ราชาโรงหนังแห่งสยาม" และขอบคุณที่ยืดหยัดสร้างความบันเทิงมาอย่างยาวนาน... ลา สกาลา
----------------------------------------------------