Sergio “เซอร์จิโอ” เป็นหนังจากทางเน็ตฟลิกซ์ที่สร้างมาจากเค้าโครงเรื่องจริงที่น่าเหลือเชื่อของชายที่มีนามว่า เซอร์จิโอ วิเอรา เดอ เมลโล ตัวเขาเป็นทูตของสหประชาชาติ (UN) ที่คอยทำหน้าที่จัดการไกล่เกลี่ยกับผู้นำชาติต่าง ๆ เพื่อหาอิสรภาพให้กับชาวเมือง หาทางออกให้กับการพิพาทระหว่างประเทศ หรือแม้แต่หาวิธีที่จะหยุดยั้งสงคราม แต่เมื่อเซอร์จิโอเดินทางมาถึงแบกแดดก็เกิดเรื่องราวที่ไม่คาดฝันขึ้นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของหนังเรื่องนี้ ตัวหนังเปิดเรื่องมาให้เราเห็นเลยว่าเซอร์จิโอ (รับบทโดย Wagner Moura) มีบทบาทและหน้าที่สำคัญมากในหลายประเทศโดยเป็นการเกรินนำสั้น ๆ และหลังจากนั้นตัวหนังก็ตัดมาที่ฉากซากปรังหักพังในแบกแดดหลังจากการโดนระเบิด โดยที่เราจะได้เห็นว่าเซอร์จิโอติดอยู่ในซากนั้นและมีทหารเข้าไปเจอและพยายามทำการช่วยเหลือ ระหว่างที่เซอร์จิโอกำลังทรมานจากความเจ็บปวดตัวหนังก็ตัดย้อนกลับไปในอดีตที่ร้านอาหารตอนที่เซอร์จิโอกำลังสนทนากับคาโรลิน่า (รับบทโดย Ana de Armas) ทั้งคู่กำลังสนทนาเรื่องที่ว่าจะไม่ไปแบกแดด และตัวหนังก็ตัดสลับมาอีกครั้งกับฉากที่เซอร์จิโอติดอยู่ในซากปรังหักพังแล้วก็ตัดสลับไปในอดีตอีกครั้งแต่ครั้งนี้จะเป็นเรื่องราวต่อเนื่องมาจากร้านอาหารโดยจะเป็นเรื่องราวตอนที่เซอร์จิโอกับคาโรลิน่ามาถึงกรุงแบกแดดในอิรักแล้ว เนื้อเรื่องส่วนของอิรักตัวหนังจะเล่าถึงภารกิจที่เซอร์จิโอทำโดยจะเป็นการเคลียร์ปัญหาในข้อพิพาทของประชาชน เพราะหลังจากที่ซัดดัม ฮุสเซนเสียชีวิตประชาชนของอิรักก็ต้องการที่จะปกครองตนเองโดยไม่อยากให้สหรัฐอเมริกาเข้ามาแทรกแซง จึงเป็นหน้าที่ของสหประชาชาติที่จะเข้ามาเจรจา ส่วนนี้ของเนื้อเรื่องจะเล่ายาวไปถึงกลางเรื่องโดยมีการตัดสลับกับฉากซากปรักหักพังอยู่เรื่อย ๆ อย่างที่ผมเล่าไปก่อนหน้านี้และมีการเฉลยเนื้อเรื่องว่าเซอร์จิโอเข้าไปติดอยู่ในนั้นได้อย่างไร แต่หลังจากนั้นตัวหนังก็เล่าต่อจากนั้นโดยเซอร์จิโอจะได้รับความช่วยเหลือจากทหารที่ไปเจอเขา ตัวหนังสื่อมาให้เราเห็นว่าการช่วยเหลือในครั้งนี้ช่างเป็นอะไรที่ยากลำบากจริง ๆ ในระหว่างนั้นตัวหนังก็พาเราย้อนอดีตอีกครั้ง แต่ครั้งนี้จะย้อนไปไกลกว่าเดิมเป็นช่วงเวลาที่เซอร์จิโออยู่ติมอร์ตะวันออกเพื่อให้เราได้เห็นจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ระหว่างเขากับคาโรลิน่า และเป็นการเผยให้เห็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่ที่สำเร็จอีกภารกิจของเขาที่ได้ไปเจรรากับกลุ่มเขมรแดงและกบฏของอินโดนีเซีย แต่ในระหว่างย้อนอดีตช่วงนั้นตัวหนังก็มีการย้อนอดีตที่ลึกลงไปอีกกับเรื่องราวของความสัมพันธ์ของเซอร์จิโอกับลูก ๆ ที่ดูไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ (เป็นช่วงเวลาในริโอบ้านเกิดของเขา) และหลังจากนั้นที่เหลือของตัวหนังจะเดินเรื่องไปเรื่อย ๆ ระหว่างการช่วยเหลือในปัจจุบัน (สลับไปสลับมาตลอดทั้งเรื่อง) และเหตุการณ์ในอดีตก็มาจบที่ร้านอาหารที่เซอร์จิโอคุยกับคาโรลิน่าช่วงต้นเรื่อง แต่รายละเอียดที่เหลือของเรื่องจะเป็นอย่างไรจะช่วยเหลือเซอร์จิโอได้หรือไม่ก็ลองไปติดตามในหนังเต็ม ๆ ทางเน็ตฟลิกซ์นะครับ แต่มาถึงจุดนี้แล้วผู้อ่านคงสงสัยว่าผมเล่ามาขนาดนี้แล้วทำไมไม่สปอยล์ตอนจบไปเลย ผมอยากจะบอกว่าผมไม่เคยคิดจะเปิดเผยเนื้อหาแต่ที่ต้องเล่ามาเยอะขนาดนี้เพราะผมคิดว่าต้องมีหลายคนที่ดูหนังเรื่องนี้แล้วจะงงว่าเหตุการณ์ไหนเป็นอย่างไรมันเกิดช่วงเวลาไหนผมเลยเขียนอธิบายช่วงเวลาต่าง ๆ ให้กระจ่างในบทความนี้เพื่อผู้อ่านจะได้ไปดูหนังเรื่องนี้ได้ง่ายขึ้น ส่วนความรู้สึกหลังจากที่ผมดูหนังเรื่องนี้จบผมต้องบอกเลยว่าเนื้อเรื่องของหนังน่าสนใจมาก การสร้างหนังจากเรื่องจริงกับเหตุการณ์แบบนี้เป็นอะไรที่ถูกใจผมจริง ๆ เพราะเรื่องราวบางอย่างที่เราไม่เคยรู้และไม่เคยคิดจะหาข้อมูลหรือเป็นอะไรที่เรามองข้าม มันก็มีหลายอย่างที่ดีที่น่าเหลือเชื่อจนต้องร้องว้าว ตัวผมเองไม่เคยรู้จักเรื่องราวของเซอร์จิโอมาก่อน พอได้ดูหนังเรื่องนี้มันทำให้ผมตาลุกวาวเลย แต่อย่างที่ผมเล่าไปหนังเรื่องนี้ย้อนเยอะและมีช่วงเวลาที่ชวนงงที่อาจทำให้หลายคนไม่เข้าใจตัวหนัง ผมก็ต้องขอบอกเลยว่าถ้าสนใจจะดูหนังเรื่องนี้ก็ควรหาเวลาว่างดี ๆ และตั้งใจดูปล่อยใจไปตามเนื้อเรื่อง มิฉะนั้นมันจะกลายเป็นหนังที่ดูแล้วน่าปวดหัว ส่วนเรื่องราวของเซอร์จิโอน่าสนใจมาก เพราะเขาเป็นดั่งชายปฏิหาริย์ที่มอบสันติภาพให้กับโลก ในช่วงชีวิตของเขาช่วยเหลือคนมามากแต่ตัวเขาเองกลับล้มเหลวในฐานะพ่อและสามี ผมดูหนังเรื่องนี้ทำให้ผมคิดตามอยู่ตลอดเลยว่า ถ้าเป็นแบบเซอร์จิโอเราจะมีความสุขได้อย่างไร เมื่อตัวเขาพยายามมอบความสุขให้คนหลายประเทศทั่วโลกแต่กับลูกของเขากลับมอบความสุขไม่ได้เลย ถ้าคิดตามแง่มุมนี้ของหนังเราจะเข้าใจเลยว่าทำไมตัวหนังมันย้อนเยอะ เพราะเขาอยากให้หนังเรื่องนี้สะท้อนเรื่องราวของเซอร์จิโออย่างลงลึกและอยากให้คนดูอย่างเราได้เข้าถึงและร่วมเอาใจช่วยในสถานการณ์ต่าง ๆ เป็นหนังที่ดีมากอีกเรื่องนึงเลยก็ว่าได้ ยิ่งใครสนใจเกี่ยวกับเรื่องราวในประวัติศาสตร์เหมือนกับผม ก็น่าจะดูหนังเรื่องนี้ได้อย่างเพลิดเพลินเลย แต่ในเมื่อหนังสร้างมาจากเค้าโครงเรื่องจริงก็จะมีบางส่วนของหนังที่ดูช้าไปบ้างและมีเนื้อหาที่มีรายละเอียดเยอะไปบ้างในหลายช่วงก็ต้องเป็นข้อพิจารณานะครับสำหรับใครที่หาหนังสายบันเทิงแก้เบื่อผมไม่แนะนำนะสำหรับหนังเรื่องนี้ แต่ถ้าใครหาหนังที่มีเนื้อเรื่องจริงจังก็ห้ามพลาดหนังเรื่องนี้เลยครับ นี่ก็เป็นความรู้สึกหลังจากที่ผมดูหนังเรื่องนี้แล้วอยากจะมาแบ่งปันประสบการณ์การดูหนังเพื่อให้เพื่อน ๆ ผู้อ่านได้พิจารณาว่าจะดูหนังเรื่องนี้ดีหรือไม่ ถ้าสนใจก็สามารถรับชมหนังเรื่องนี้ได้ทางเน็ตลิกซ์นะครับ และที่สำคัญสามารถรับชมเน็ตฟลิกซ์ผ่านกล่อง True ID ได้แล้ว ก็ลองไปดูกันนะครับขอขอบคุณภาพประกอบจาก Official Trailer ทาง Netflixภาพประกอบที่ 1 / ภาพประกอบที่ 2 / ภาพประกอบที่ 3 / ภาพประกอบที่ 4 / ภาพประกอบที่ 5 / ภาพประกอบที่ 6ภาพปกบทความ