"Where We Belong ที่ตรงนั้นมีฉันหรือเปล่า" ภาพยนตร์ไทยแนวดรามา-ชีวิต เขียนบทและกำกับการแสดงโดย คงเดช จาตุรันต์รัศมี นำแสดงโดย เจนนิษฐ์ โอ่ประเสริฐ และ แพรวา สุธรรมพงษ์ ออกฉายเมื่อปี 2562 เรื่องย่อ ช่วงชีวิตหลังจบชั้นม.6 ของ ซู (เจนนิษฐ์ โอ่ประเสริฐ) ทายาทเจ้าของกิจการร้านก๋วยเตี๋ยวหมูเลียง อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี เธอมีความฝันคืออยากไปเรียนต่อที่ประเทศฟินแลนด์ ประเทศที่การศึกษาดีที่สุดในโลก เธอเชื่อว่าสถานที่แห่งนี้จะตอบโจทย์และค้นหาตัวตนของเธอได้ เพราะที่จันทบุรีไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องการนี้ได้ แต่การจะลากกระเป๋าไปเดินตามความฝันนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเธอยังมีภาระข้างหลังแบกไว้เต็ม 2 บ่า ทั้งการรับช่วงต่อบริหารร้านก๋วยเตี๋ยว รวมทั้ง พ่อ (ขจรศักดิ์ รัตนนิสสัย) ที่พยายามทุกอย่างเพื่อฉุดรั้งลูกสาวคนเดียวไว้ ท่ามกลางปัญหาและการก้าวข้ามพ้นวัยและโลกอันแสนมืดมน ซูยังมีเบล (มิวสิค แพรวา สุธรรมพงษ์) ที่คอยอยู่เคียงข้าง เยียวยา เป็นที่ปรึกษาคอยฮีลใจ ซูจะจัดการปัญหาต่าง ๆ และก้าวข้ามพ้นช่วงวัยแห่งความสับสนว้าวุ่นนี้ไปได้อย่างไร ต้องไปรับชมกันนะคะ บทภาพยนตร์ประเด็นแรกคือ ความแตกต่างของคนสองรุ่น ผ่าน 2 กลุ่มช่วงวัยคือ พ่อ และ ผู้ใหญ่ในชุมชนที่เป็นกลุ่มลูกค้าหลัก ที่พยายามจูงใจให้ซูอยู่ต่อไป เพราะเห็นว่าที่แห่งนี้ดีพร้อมสำหรับเธอทุกอย่าง ทั้งการสืบทอดภูมิปัญญาของชุมชน ซึ่งเธอสามารถยึดอาชีพนี้ได้อย่างมั่นคง อย่าไปเสี่ยงที่ต่างประเทศ ที่เธอไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนเลย ส่วนนี้เราจะได้เห็นการต่อสู้ของทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งถือเป็นปัญหาสำคัญที่สังคมเราต้องเผชิญหน้ามาโดยตลอดประเด็นเรื่องครอบครัว พาร์ทนี้ถือว่าดรามามาก ๆ ครอบครัวซู ดูมีปมปัญหาต่าง ๆ ซุกเอาไว้ใต้พรมเยอะเหลือเกิน ทั้งแม่ที่ตายจากไปแแล้ว ̣(จอยซ์ TK) ที่ซูยึดถือเอาไว้เป็นแบบอย่างในการใช้ชีวิตหลายด้าน ทั้งความคิด ทัศนคติ และรวมถึงการไปจากที่นี่แบบแม่ด้วย ถึงแม้ซูจะได้ตั๋วไปฟินแลนด์แล้ว แต่ภารกิจในการดูแลครอบครัว ก็ยังฉุดรั้งเธอเอาไว้ ผ่านตัวละครพ่อ ประเด็นที่สามคือเรื่องความสัมพันธ์ ส่วนนี้เรียบเรียงได้ดีทั้งพาร์ทของคู่เพื่อนสนิท อย่างซูและเบล ความสัมพันธ์ความรักของหนุ่มสาว ซูและเก่ง และความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มเพื่อนวงดนตรี Stratosphereประเด็นที่สี่ ปัญหาสังคมต่าง ๆ ทั้งด้านการศึกษา ปัญหาด้านเศรษฐกิจ ความเหลื่อมล้ำระหว่างสังคมเมืองและสังคมชนบท ที่สอดแทรกมาได้อย่างลงตัวและชวนให้เราขบคิดโดยรวมบทภาพยนตร์ Dialog ต่าง ๆ ดูเป็นธรรมชาติ บทเป็นแบบปลายเปิดชวนให้คนดูได้ขบคิดตาม โดยเฉพาะตอนจบที่ทำให้เราสามารถคิดได้หลายอย่าง ว่าจุดจบของซูจะลงเอยอย่างไร ทั้งนี้การเลือกตอนจบคงจะขึ้นอยู่กับประสบการณ์ชีวิตของผู้ชมคนนั้น ๆ หนังเขามีลูกเล่นนะเออ การแสดงของนักแสดงขอพูดถึง 3 ตัวละครหลักดังนี้ เจนนิษฐ์ ในบท ซู ตัวนำของเรื่องนี่ ตัวละครนี้จะเน้นแสดงอารมณ์ผ่านการใช้สายตาและการดื้อเงียบในช่วงแรก แต่พอฉากต้องระเบิดอารมณ์เธอก็ถ่ายทอดได้ดี ซีนของซูที่เราชอบคือ ฉากสำนักร่างทรง เธอเล่นได้ดีมากเราจะเห็นพัฒนาการทางอารมณ์ตั้งแต่การเป็นคนรุ่นใหม่ที่เชื่อในหลักวิทยาศาสตร์มากกว่าไสยศาสตร์ แต่ด้วยความที่เธอรักแม่มากจึงยอมสละอุดมการณ์ทิ้งชั่วคราว เพื่อปลอบใจตัวเองว่าแม่ยังอยู่และเธอต้องอยู่ที่จันทบุรีต่อไป อีกซีนหนึ่งคือ ฉากที่เธอเลิกหลอกตัวเองเพราะความจริงของสังคมได้ตอบคำถามเธอแล้ว บนเครื่องเล่นปลาหมึกที่หมุนวนไปมารวมทั้งความรู้สึกที่แตกสลาย เจนนิษฐ์เล่นได้ดีมาก อารมณ์ค่อย ๆ ไต่ระดับไปจนถึงจุดพีค ดูแล้วรู้สึกเจ็บปวดตาม และเข้าใจเลย ว่าโลกแห่งความจริงมันก็เป็นอย่างนี้แหละ ชีวิตจริงไม่ได้สวยงามขนาดนั้น แค่สองมือของเราไม่อาจเปลี่ยนสังคมได้ เราเข้าใจคำว่าแตกสลายทางความรู้สึกเลย ซีนนี้ดีงามมาก มีมิติทางอารมณ์และใช้ทักษะการแสดงสูง มิวสิค แพรวา ในบท เบล เพื่อนสนิทของซูที่คอยช่วยจัดการปัญหา และสะสางภารกิจเช็คลิสต์ก่อนไปจากที่นี่ เบลทุ่มเททุกอย่างเพื่อเป็นที่หนึ่งในใจของซู จนกลายเป็นตัวเสือก (ในบทภาพยนตร์เขาเขียนแบบนี้) ในสายตาของใครหลายคนไปซีนที่เราชอบสำหรับตัวละคร เบล คือ ซีนที่เธอทะเลาะกับซูกลางร้านก๋วยเตี๋ยว เราเห็นถึงความน้อยใจ ความอยากเป็นคนสำคัญ แต่ยังไม่ทิ้งความเป็นเบลที่ยอมหักแต่ไม่ยอมงอ อย่าคิดนะว่าซูจะว่าเบลได้ฝ่ายเดียว อีกซีนหนึ่งคือฉากเปลือยใจเปิดอกคุยกับฉบับผู้หญิงถึงผู้หญิงกับซู อ้อมกอดของสองสาวที่มั่นคง ท่ามกลางคลื่นทะเลที่ซัดเข้ามา บทพูดและการแสดงของทั้งสองทำให้เราประทับใจมาก ๆ และซีนสุดท้ายที่เหลือแค่เบลขี่มอเตอร์ไซค์อยู่ในจันทบุรีโดยที่เบาะหลังไม่มีซูซ้อนอีกต่อไปแล้ว น้ำตาของเบลค่อย ๆ ไหลพร้อมกับที่เพลง 'Let U Go' ขึ้นประกอบฉาก แทนความรู้สึกการสูญเสียเพื่อนรักไปได้อย่างดีเลยค่ะ แม้จะเสียใจแค่ไหนแต่เบลก็ต้องฮึบเอาไว้ เพราะเธอก็มีภาระที่ยังต่อทำต่อไป และ จอน ขจรศักดิ์ ในบท ป๊าของซู ตัวแทนของคนยุคเก่าที่ยึดติดกับอะไรเดิม ๆ และกลัวการเปลี่ยนแปลง เป็นพ่อที่รักลูกมากนะแต่แสดงออกไม่เก่ง ไม่เน้นพูดเยอะ ไม่ค่อยแสดงออกอะไรเลยก็ว่าได้ จนทำให้ซูตั้งกำแพงกับพ่อสูง เพราะพ่อไม่ยอมอธิบายหรือทำตามความต้องการของซู ซีนที่เราประทับใจคือ ฉากที่ทะเลาะกับซูกลางตลาดสด พ่อรู้ตัวว่าต้องทำอะไรสักอย่างแล้วมากกว่าการที่เงียบปล่อยเบลอ หนีปัญหามาโดยตลอด ด้วยการตามไปเลือกซื้อเนื้อหมูมาทำก๋วยเตี๋ยวกับซู จนเกิดทะเลาะวิวาทกัน พ่อเกือบพลั้งมือตบลูกสาว แต่ก็ยั้งไว้ทัน เราเห็นสีหน้าและแววตาของป๊าซู ที่ไม่ได้อาฆาตมาดร้ายลูก แต่เราเห็นถึงการกลัวว่าจะสูญเสีย และซีนสุดท้ายของป๊า ที่นอนร้องไห้ฟังเสียงลูกสาวลากกระเป๋าเดินทางออกไปจากบ้าน แสดงถึงการยอมแพ้เพราะหมดหนทางและไม่มีหน้าจะไปห้ามลูกได้อีกแล้ว ด้านการกำกับการแสดงและ Production งานภาพ ทำได้ดี สื่อให้เราเห็นว่าเมืองจันทบุรีเป็นเมืองที่เงียบสงบ เหงา และอ้างว้างแค่ไหนในสายตาของซู การเลือกโลเคชั่นต่าง ๆ เลือกได้ดีดูพีเรียดมาก ๆ ทั้งร้านก๋วยเตี๋ยวหมูเลียง ชุมชน สถานที่ต่าง ๆ ดูสวยงามและคลาสสิกมาก ๆ ทะเล ก็เลือกหาดมาได้สวยดี ดูสงบ และเป็นส่วนตัวดีมาก ๆ ดูแล้วน่าไปตามรอยเที่ยวเมืองจันทร์เลยค่ะการเล่าเรื่อง-ลำดับเรื่อง ถ้าใครไม่ชอบแนวนี้อาจจะมองว่าดูยืดยาด น่าเบื่อ แต่โดยส่วนตัวผู้เขียนคิดว่าทำได้ดี หนังค่อย ๆ เล่าเรื่องราว ให้ผู้ชมได้ซึมซับและค่อย ๆ ไต่ระดับจุดพีคไป เราว่าเขาดำเนินเรื่องได้เรียลดีนะคะดูเป็นชีวิตจริงของปัจเจกบุคคลดี เน้นดูอารมณ์เลยหนังเรื่องดี ดนตรีประกอบ มีฉากตัวละครเล่นดนตรี ร้องเพลงก็ทำได้ดีนะคะ ในส่วนนี้ ด้วยการแสดงที่ลึกและมีมิติทางอารมณ์นี้เองจึงทำให้ เจนนิษฐ์ มิวสิค และ ขจรศักดิ์ ได้รับรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม, นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม และ นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม ตามลำดับ รวมทั้งรางวัลด้าน ๆ อื่น จากเวทีการประกวดรางวัลด้านภาพยนตร์ทั้งในไทยและต่างประเทศประจำปี 2562 โดยรวมแล้วภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นแนว Coming Of age ที่น่าประทับใจดีค่ะ สะท้อนสังคมไทยได้ดี ผู้เขียนดูหนังเรื่องนี้ตั้งแ̣ต่ปี 62 ยังไม่เข้าใจอะไร ๆ หลายอย่าง แต่ได้มีโอกาสชมอีกครั้งที่ 2 และครั้งที่ 3 ในช่วงปีที่ต่างกัน ทำให้เราเข้าใจและได้ประเด็นอะไรมากขึ้น โดยเฉพาะปัญหาของคนรุ่นใหม่ที่พยายามเปลี่ยนแปลงสังคมโดยที่คนอีกกลุ่มที่เป็นผู้ใหญ่อยู่ในสังคมมาก่อนไม่เห็นด้วย จากปัญหาของกลุ่มคนเล็ก ๆ อาจลุกลามไปถึงปัญหาใหญ่ได้ หากไม่มีที่ว่างตรงกลางระหว่างกัน ขอให้คะแนนความประทับต่อภาพรวมของหนังเรื่องนี้ 10/10 ผู้เขียนรับชมทางแอปพลิเคชัน Netflix นะคะ ตัวอย่างภาพยนตร์ 2 เวอร์ชัน Official กับ Parodyhttps://www.youtube.com/watch?v=dC_S4oKFZ6Q https://www.youtube.com/watch?v=7mPRMD_ONko เพลงประกอบภาพยนตร์ 'LET U GO' แทนความรู้สึกทั้งหมดที่เบลมีต่อซูเพื่อนสนิทของเธอ ต่อให้รักและคิดถึงกันแค่ไหนแต่ทุกคนมีภาระหน้าที่ของตนที่ต้องรับผิดชอบhttps://www.youtube.com/watch?v=pS0KL3hk26Y และปิดท้ายด้วยหนังสั้นภาคต่ออีก 2 ภาค ที่เนื้อหาสืบเนื่องจากในหนัง รวมกันเป็นจักรวาล Where We Belong ได้เลยนะคะhttps://www.youtube.com/watch?v=Ij1bz2JYFuI&t=1016sMe Before We เล่าย้อนถึงเบล ที่พึ่งย้ายมาอยู่อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี เราจะได้เห็นภูมิหลังของตัวละครเบลมากขึ้น เป็นเส้นเรื่องจากในหนัง ทำให้ได้เห็นด้านที่เปราะบางมากขึ้น และได้เห็นมุมของซูที่เป็นฝ่ายฮีลใจเบลบ้าง เบลมาใหม่ก็อาศัยซ้อนท้ายรถจักรยานซูนำทางไปก่อนเนาะ https://www.youtube.com/watch?v=eu9IZvUxmb8&t=301sStratosphere แนวสารคดีชีวประวัติวงดนตรี ของ 5 สาว เพื่อน ๆ ของซู อย่าง เบล หยก ป่าน แพร และ จ๊ะเอ๋ เราจะได้เห็นที่มาของการกำเนิดวงนี้ รวมถึงที่มาของความสัมพันธ์ของเพื่อน ๆ เบื้องลึกเบื้องหลังสุด Excusive และจุดแตกหักของวงดนตรีหญิงล้วนนี้ ช่วงท้ายคลิปมีพูดถึง ซู ด้วยนะ เธอคือศูนย์รวมจิตใจของเพื่อน ๆ เลยแหละ เครดิตภาพหน้าปก :ภาพพื้นหลังหน้าปก / Where We Belongภาพประกอบหน้าปก / Where We Belongภาพประกอบเนื้อหา Where We Belong : ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 / ภาพที่ 6 / ภาพที่ 7 / ภาพที่ 8 / ภาพที่ 9 / ภาพที่ 10 / ภาพที่ 11ลิงก์́คลิปวิดีโอประกอบเนื้อหาBNK48 : คลิปที่ 1 / คลิปที่ 3 / คลิปที่ 4 / คลิปที่ 5SF Cinema : คลิปที่ 2 คอมมูนิตี้ “โลกคนรักหนัง” ห้องหวีดซีรีส์ดังออกใหม่มาแรง ป้ายยาหนังดีหนังโดน