อนาคตไม่สวย! "เจสัน โมโมอา" ก็ไม่มั่นใจว่าจะได้กลับมาเป็น Aquaman อีกหรือไม่
แม้ ‘Aquaman’ จะเป็นหนังซูเปอร์ฮีโรของ DC ที่มีภาษีในฐานะหนังที่ทำรายได้มากที่สุดตลอดกาลของจักรวาล DCEU แต่ด้วยการเข้ามากุมบังเหียน DC Studios ของ เจมส์ กันน์ (James Gunn) และ ปีเตอร์ ซาฟราน (Peter Safran) ซึ่งอย่างที่ทราบว่า ‘Aquaman and the Lost Kingdom’ ที่จะเข้าฉายในวันที่ 20 ธันวาคมนี้ คือไตเติลสุดท้ายของ DCEU ก่อนการมาถึงของจักรวาล DCU เฟสแรก หรือที่เรียกว่า บทที่ 1 (‘Chapter 1’) ที่มีชื่อเรียกว่า ‘Gods and Monsters’ ที่จะอุบัติขึ้นในปี 2025
แน่นอนว่า ผลจากการรีเซ็ตจักรวาล DCEU ก็ส่งผลทำให้คาแรกเตอร์ และนักแสดงชุดเก่าที่อยู่ในจักรวาล DCEU และ Snyderverse เกือบทั้งหมดต้องถูกรีเซ็ตไปด้วยเช่นกัน โดยก่อนหน้านี้ นักแสดงหลาย ๆ คนก็ได้รับการยืนยันแล้วว่าจะไม่ได้มีโอกาสกลับมาในจักรวาลใหม่อย่างแน่นอน จะยกเว้นก็ เจสัน โมโมอา (Jason Momoa) เจ้าของบท อาร์เธอร์ เคอร์รี (Arthur Curry) หรือ Aquaman ที่แฟน ๆ หลายคนยังมีลุ้นว่า เขาอาจจะมีโอกาสกลับมาใน DCU หรือไม่ ไม่ว่าจะกลับมาในบทบาท Aquaman หรือไม่ก็ตามที
แต่ล่าสุด ดูเหมือนความหวังที่จะได้เห็นเขากลับมาวาดลวดลายฮีโรเจ้าสมุทรแมน ๆ โหด ๆ ก็ดูจะริบหรี่ลงไปอีก เพราะในการสัมภาษณ์ Exclusive กับรายการของ ET Online เขาได้เปิดอกเล่าว่า เขาเองก็ยังไม่มั่นใจในอนาคตของเขากับบทบาท Aquaman มากนัก คงต้องรอฟีดแบ็กจากภาคนี้ รวมทั้งวิสัยทัศน์ที่ต้องการเริ่มทุกอย่าง ‘ใหม่ทั้งหมด’ ทำให้เขามองถึงอนาคตเขาเองต่อบทบาทนี้ว่า ‘ดูไม่ค่อยจะสวยงาม’ เท่าที่ควร และ ‘Aquaman and the Lost Kingdom’ อาจเป็นการรับบทบาทนี้ของเขาเป็นครั้งสุดท้ายแล้วก็เป็นได้
“ผมเองก็ไม่ต้องการให้มันเป็นจุดสิ้นสุดหรอกครับ… แต่ผมคิดว่ามันก็ไม่ได้มีทางให้เลือกมากนักหรอก ผมเองรักตัวละครนี้ และผมก็อยากจะเล่นบทนี้ไปนาน ๆ ผมพอมองออกว่าอยากจะให้มันไปในทิศทางไหน แม้แต่ในอีก 10 ปีข้างหน้า เหมือนแบบว่ายังมีสิ่งที่ดี ๆ อีกมากมายที่พวกเขาจะสามารถทำได้ และผมก็สนุกสนานกับบทบาทนี้ ในจักรวาลนี้ ซึ่งผมหมายความว่า มันคงขึ้นอยู่กับคนดูแหละว่าพวกเขายังรักในสิ่งนี้แค่ไหน”
“ความจริงก็คือ ถ้าผู้ชมรักใน ‘Aquaman and the Lost Kingdom’ ผมว่ามันก็ยังมีความเป็นไปได้แหละ แต่ตอนนี้ผมแค่รู้สึกว่าอนาคตมันดูไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่”
หลังจากพลาดบทแบทแมนไปในการออดิชัน โมโมอาได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ DCEU ด้วยการรับบทเป็นราชาแห่ง 7 คาบสมุทร ซึ่งแต่เดิม ถือเป็นคาแรกเตอร์ในคอมิกของ DC ที่ไม่ได้มีความโดดเด่นนัก แต่จากการปรับเปลี่ยน ด้วยการผนวกคาแรกเตอร์เข้ากับภาพลักษณ์และตัวตนของโมโมอา ที่ปรากฏตัวครั้งแรกในบทรับเชิญหนัง ‘Batman v Superman: Dawn of Justice’ (2016) ปรากฏตัวมากขึ้นใน ‘Justice League’ (2017) ก่อนจะมีหนังเดี่ยวเป็นของตัวเอง ซึ่งโมโมอาได้ทำให้บทบาทนี้กลายเป็นที่รักของผู้ชม จนสามารถทำรายได้สูงที่สุดถึง 1,152 ล้านเหรียญ
แม้จะมีข่าวไม่สู้ดีเกี่ยวกับนักแสดงของ DCEU เดิม แต่โมโมอาก็ยังคงเป็นนักแสดงที่มีข่าวลือว่าจะได้กระโดดข้ามไปอยู่จักรวาล DCU ด้วยเสมอ ตั้งแต่การลือว่าเขาอาจเปลี่ยนจากบทบาท Aquaman ไปเป็น โลโบ (Lobo) แอนตีฮีโรนักล่าค่าหัว ซึ่งในที่สุดก็เป็นเพียงข่าวลือ ในขณะที่มีข่าวทยอยออกมาว่า ด้วยแผนและคาแรกเตอร์ที่ไม่สอดคล้องกัน ทำให้นักแสดงจาก DCEU หลายคนจะไม่ได้ไปต่อกับจักรวาลใหม่ จนกระทั่งกันน์ได้เปิดรายชื่อ 10 ไตเติลใหม่ใน ‘Chapter 1’ ก็เท่ากับเป็นการยืนยันแบบกลาย ๆ ว่านักแสดงของ DCEU เดิมจะถูกโละไปจนหมดสิ้น
แต่ถึงกระนั้น โมโมอาเองก็ยังคงมีความหวังที่จะได้กลับมารับบทบาทนี้ เพราะเขาได้ให้สัมภาษณ์ว่า เรื่องราวของ Aquaman น่าจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของ DCU อย่างแน่นอน เพราะเขาเองผูกพันกับการแสดงบทบาทนี้ ตัวของนักแสดงผู้รับบท ออร์ม น้องชายต่างพ่อ ที่รับบทโดย แพทริค วิลสัน (Patrick Wilson) รวมทั้งการที่ซาฟรานเข้ามาเป็นโปรดิวเซอร์ของ ‘Aquaman and the Lost Kingdom’ ด้วย แถมโมโมอายังเรียกทั้งซาฟรานและกันน์ว่าเป็น ‘เพื่อนรัก’ อีกต่างหาก
โมโมอายังได้เผยถึงความรู้สึกที่เขามีต่อบทบาท Aquaman เพราะด้วยความที่เขาเองเกิดและเติบโตมาในวัฒนธรรมโพลินีเชียนที่รายล้อมไปด้วยทะเล มันจึงทำให้เขารู้สึกผูกพันและรู้สึกใกล้ตัวกับคาแรกเตอร์ที่เขารักนี้เป็นพิเศษ
“คือมันก็สนุกเหมือนกันนะที่ได้เล่นเป็นราชาที่ไม่เต็มใจ และจากนั้นก็อย่างที่รู้ เขาก้าวข้ามอัตตาของเขาเอง และตระหนักว่าเขาตั้งใจจะทำอะไร ซึ่ง (แม้ว่าจะไม่ได้แสดงเป็น Aquaman อีก) หากผมจะมีที่ทางตรงไหนในจักรวาลของพวกเขา ผมก็อยากจะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของมันนะ เพราะแน่นอนว่านี่คือบ้านของผม ทั้ง Warner Bros. และ DC คือบ้านของผม บทบาทนี้ทำให้หัวใจของผมยิ้มได้”
“ความหลงไหลของผมตอนที่ผมเริ่มโตเป็นผู้ใหญ่ ล้วนแล้วแต่เกี่ยวข้องกับมหาสมุทรทั้งสิ้น การเป็นชาวโพลินีเชียน และการเป็นนักเคลื่อนไหว มันเป็นอะไรที่เจ๋งมาก เพราะผมเองก็ชอบที่จะทำแบบนี้ในชีวิตจริง และเห็นได้ชัดเจนเลยว่า การรับบทเป็น Aquaman ทำให้ความสนใจเหล่านั้นอยู่ในจุดที่โดดเด่นขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด”