การตายนั้นไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ ๆ เราทุกคนย่อมล้วนแต่กลัวการตายกันทั้งนั้น คงจะจินตนาการไม่ออกเลยหากต้องรู้ว่าตัวเองจะต้องตายในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า และตายซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่จบไม่สิ้น เอาเป็นว่าก็ภาวนาขออย่าให้เรื่องแบบนั้นมันเกิดขึ้นกับเราเลย ขอให้มันมีแต่ในหนังที่ผมกำลังจะพูดถึงนี้ก็พอครับ Happy death Day (สุขสันต์วันตาย) เล่าเรื่องของ “ทรี” เด็กสาวมหาลัยชาวอเมริกัน ผมบรอน หน้าตาดีในคืนก่อนวันเกิดของเธอ เธอได้ปาร์ตี้จนสุดเหวี่ยงแล้วตื่นขึ้นมาตอนเช้าในห้องของคาร์เตอร์เพื่อนนักศึกษาที่เธอเองก็ยังจำชื่อเขาไม่ได้ด้วยความมึนงงและด้วยอาการแฮงค์จากการปาร์ตี้หนักเธอก็รีบแต่งตัวแล้วเดินออกไปเพื่อกลับไปยังหอพักของตัวเอง และในคืนนั้นเองระหว่างที่เธอกำลังเดินทางไปเพื่อปาร์ตี้วันเกิดของเธอ ทรีก็ได้พบกับจุดจบของชีวิต เธอถูกฆ่าโดย ฆาตกรที่สวมหน้ากากเบบี้ แต่จุดจบนั้นมันกลับเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้... หลังจากที่ทรีถูกฆ่าตาย ปรากฏว่าในขณะที่เธอกำลังสิ้นใจลงเธอกลับตื่นขึ้นมาอีกครั้งในวันเดิม วันเดียวกับที่เธอจะถูกฆ่า แล้วพบว่าทุกเหตุการณ์เหมือนเดิม กระทั่งในตอนดึก ระหว่างที่เธอกำลังเดินทางไปงานปาร์ตี้วันเกิด ทรีรู้ว่าเธอจะถูกฆ่าตรงนี้ เธอจึงเลี่ยงไปอีกทางจนไปถึงงานปาร์ตี้ได้ แต่แล้วเธอก็หนีมันไม่พ้น โดนฆาตกรสวมหน้ากากเบบี้ตามมาฆ่าอีก เป็นแบบนี้เหมือนเดิมไปเรื่อย ๆ ตื่นแล้วก็ตาย ตายแล้วก็กลับมาตื่นอีก สุดท้ายแล้วเรื่องนี้จะไปจบที่ตรงไหนก็ต้องให้เพื่อน ๆ ไปหาคำตอบกันเอาเองนะครับเพราะว่าถ้าให้เล่าทั้งหมดคงจะไม่สนุกแน่เลย หนังเรื่องนี้เป็นหนังแนวสยองขวัญ สืบสวน ตลกคอมเมดี้ ผสมดราม่าเล็กน้อย และไซไฟเรื่องราวเหนือธรรมชาติ ตัวหนังมีความน่ารักสดใส ตัวหนังให้ความตื่นเต้นสยองขวัญจากการโดนไล่ล่าและให้ความตลกแฝงไปด้วย ส่วนฉากรุนแรงก็อาจจะมีบ้าง ในส่วนนี้ถ้ามีเด็กดูด้วยผู้ใหญ่ก็ควรจะให้คำแนะนำด้วย แต่ก็จะมีไม่เยอะมากครับ ฉากเลือดหรือตอนนางเอกโดนฆาตกรรมก็จะโดนเซนเซอร์โดยไม่ให้เห็นด้วยการตัดภาพทันทีที่นางเอกโดนฆ่าแล้วตื่นขึ้นมาเลย การเล่าเรื่องทำได้กระชับ สนุก เราจะได้เห็นอารมณ์ของตัวนางเอกที่เริ่มจากงง ไปจนถึงความบ้าที่ต้องเจอกับเหตุการณ์เดิม ๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า และเมื่อหนังดำเนินเรื่องไปจนถึงจุดที่นางเอกเหมือนสติหลุด เราก็รู้สึกอินและเข้าใจได้ เพราะถ้าเป็นผมก็อาจจะทำไม่ต่างกัน คือไม่ว่าจะทำอะไรไปก็ไม่เป็นไรเพราะเดี๋ยวก็ต้องตายและตื่นขึ้นมาใหม่เหมือนเดิม ซึ่งหากจะว่าสนุกก็คงหัวเราะไม่ค่อยเต็มเสียงนักหรอกครับ และถึงแม้ตัวหนังจะบอกว่าเหตุการณ์ทุกอย่างเหมือนเดิม แต่ด้วยความที่นางเอกทำอะไรแตกต่างออกไป ดังนั้นเรื่องราวต่าง ๆ หลังจากนั้นก็เปลี่ยนแปลงตามไปด้วย เหมือนเป็นพัฒนาการของความคิด การกระทำและมุมมองของนางเอกที่ค่อย ๆ เปลี่ยนไปทีละนิด บวกกับการต้องมองหาฆาตกรเจ้าของหน้ากากเบบี้ที่เราต้องวิเคราะห์ตามไปด้วย ก็ทำให้หนังสนุกและตื่นเต้นดีครับ ใครที่ชอบหนังสืบสวนอารมณ์ดี ไม่เครียด ไม่กดดันมากสามารถไปตามเชียร์ตามลุ้นให้ทรีหาคำตอบของจุดจบของเรื่องนี้ได้ทาง Netflix ผ่านกล่อง True ID ได้เลยนะครับ ขอบคุณภาพประกอบจาก Happy Death Day