หนังเรื่อง The Witch ออกตัวตั้งแต่แรกแล้วว่าจะมี 2 ภาค ตอนแรกนี่ว่าจะรอให้ภาค 2 เข้าโรงก่อนค่อยหาภาคแรกมาดู จะได้ดูทีเดียวจบ ครบ 2 ภาค แต่พอ Itaewon Class ออกอากาศ บวกกับได้ดูตัวอย่างหนัง The Witch : Part 1 The Subversion เลยต้องไปหามาดูก่อนเลย เพราะเป็นหนังแนวที่ชอบ แอคชั่น ไซไฟ แบบเลือดสาดกระจาย คิวบู๊มันส์ ฆ่ากันถล่มเมือง นี่ชอบมาก เลยต้องไปหามาดู ปรากฏว่าไม่ผิดหวัง ดูเสร็จแล้วอยากรีวิวทันทีเลยที่ว่าพอดู Itaewon Class แล้วทำให้อยากดูเรื่องนี้ เพราะนางเอกซีรีส์ Itaewon Class เป็นนางเอก The Witch ใจจริงอยากรีวิว Itaewon Class ด้วย แต่มีคนรีวิวไว้ละเอียด หลายมุมมาก เลยไม่ดีกว่า หาอย่างอื่นมารีวิวบ้าง นางเอกเรื่องนี้คือ คิมดามี นางเป็นตัวเดินเรื่องที่ดีมาก เรียกว่าดาวเด่นของเรื่องเลย ใครเคยดู Itaewon Class แล้วไม่ชอบนาง มาเรื่องนี้อาจจะชอบขึ้นมาเลยก็ได้ เพราะเรื่องนี้นางเล่นบู๊ ล้างผลาญ แถมยังมีการแต่งหน้าแต่งตัวเน้นแนวใส ๆ ซึ่งเข้ากับหน้านางมาก ทำให้นางดูน่ารักแบบใส ๆ ดูธรรมชาติดีเหมือนที่จั่วหัวรีวิวเลย เรื่องนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของเพื่อจะนำไปสู่ภาค 2 ที่จะเข้าโรงในปี 2021 ดังนั้นมันจะเป็นตัวปูพื้นเรื่อง ความเป็นมาของตัวละคร และเบื้องหลังขององค์กรลับในเรื่องด้วย บอกเลยว่ารีวิวนี้สปอยล์หนักมาก แต่ถึงอ่านรีวิวไปแล้ว ไปดูก็ยังสนุกนะ ดูแบบเน้นเอาความสะใจ ไม่เน้นแก่นเรื่องPlot รัฐบาลเกาหลีใต้ได้จัดตั้งองค์กรที่ทำการทดลองและพัฒนาศักยภาพของกลุ่มเด็กน้อยขึ้นมาอย่างลับ ๆ เด็กเหล่านั้นได้ถูกฝึกฝนและผ่านการทดลองครั้งแล้วครั้งเล่าอยู่ในมุมมืดที่ไม่มีใครรู้ จนกระทั่งวันหนึ่งมีคำสั่งให้ปิดโครงการโดยการกำจัดเด็กเหล่านั้นให้หมด แต่กลับมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งหนีรอดออกมาได้เด็กน้อยอายุ 8 ขวบหนีออกจากองค์กรลับและได้รับการชุบเลี้ยงจากครอบครัวชาวไร่ สองตายายที่สูญเสียลูกและหลานไปในอุบัติเหตุ เด็กน้อยความจำเสื่อมและเติบโตขึ้นมาด้วยความรักใคร่จากพ่อแม่บุญธรรมเป็นเวลา 10 ปี และได้รับชื่อใหม่ว่ากูจายุน แม่บุญธรรมของจายุนเริ่มมีอาการป่วยเป็นโรคความจำเสื่อม ค่ารักษาพยาบาลก็มากขึ้นทุกที รวมถึงตัวจายุนเองที่ป่วยหนักถึงขั้นต้องปลูกถ่ายไขกระดูกที่ต้องได้จากพ่อแม่ที่แท้จริงเท่านั้น และต้องใช้เงินมหาศาล ด้วยเหตุนี้เธอจึงตัดสินในเข้าร่วมโครงแข่งขันชิงเงินรางวัลที่ถ่ายทอดออกไปทั่วประเทศ และด้วยเหตุการณ์นี้เอง ทำให้นักทดลองผู้ควบคุมองค์กรลับพบตัวเธอองค์กรลับพยายามส่งคนไปล่าตัวเธอ โดยมีกลุ่มคนในองค์กรแบ่งเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งคือฝ่ายที่ต้องการให้จายุนตาย เพราะคิดว่าเธอเป็นปิศาจ ฆ่าคนได้อย่างโหดเหี้ยม อีกฝ่ายหนึ่งเล็งเห็นศักยภาพของเธอและอยากควบคุมเธอเพื่อให้ได้มาซึ่งอาวุธมีชีวิตที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เรื่องราวในตัวหนังจึงโยงใยอยู่กับการล่าตัวจายุน และการที่จายุนต้องต่อสู้กับองค์กรลับเพื่อให้ได้มาซึ่งความอยู่รอดของตัวเอง และต้องการรักษาตัวตนของ “กูจายุน” ไปพร้อมกันด้วยพล็อตเรื่องหลัก ๆ ของหนัง เน้นประเด็นการตามล่าตัวจายุน และความพยายาม กระเสือกกระสนที่จะมีชีวิตต่อไปของจายุน เรื่องเลยมีโฟกัสในการฆ่าฟันกัน และเลือดสาดทั้งเรื่อง ส่วนประเด็นรอง ๆ ก็มีมาเสริมให้พอซึ้งกันบ้าง เช่น เรื่องความรักระหว่างคนในครอบครัวที่พ่อแม่บุญธรรมของจายุนมอบให้เธอ หรือมิตรภาพที่ระหว่างจายุนและ มยุงฮี เพื่อนสาวของเธอประเด็นในหนังจะมีเรื่องของการสะกิดให้คนดูคิดไปด้วยว่า แท้จริงแล้วจายุนเป็นคนดี หรือร้ายกันแน่ เพราะเธอสามารถฆ่าคนได้โดยไม่กระพริบตา แต่ในขณะเดียวกันความรู้สึกที่เธอรักครอบครัว รักเพื่อน เป็นห่วงเป็นใยคนรอบตัวเธอก็เหมือนจะเป็นความรู้สึกที่แท้จริงพอดูเรื่องนี้แล้วบอกได้คำเดียวว่าสะใจแฟนหนังแอคชั่น และหนังสยองเลือดสาดมาก เพราะมีฉากบู๊เยอะมาก ฉากฆ่ากันสมองเละ มีเกร่อเลย ไปดูเครดิตคนเขียนบทปรากฏว่าเป็นคนเดียวกันกับคนเขียนเรื่อง “I Saw the Devil” หนังเลือดสาดในดวงใจ ดูแล้วไม่สงสัยเลยว่าเขียนออกมาได้ขนาดนี้ได้ยังไง แต่เอาจริง ๆ นะ เรื่องนี้ความโหดลดลงมาจาก I Saw the Devil ประมาณครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว แต่นี่ถือเป็นข้อดีได้เหมือนกันนะ เพราะเอาจริง ๆ I Saw the Devil มันดีมาก แต่ถ้าจะให้วนกลับไปดูซ้ำอีกรอบ ขอทำใจนาน ๆ เลยนะ ไม่อยากดูเลย เพราะมันหน่วง มันหดหู่ มันดูแล้วจิตตก และมันโหดเกินลิมิตมาก (นี่ว่าง ๆ จะ รีวิว I Saw the Devil บ้าง ให้เห็นถึงความโหดจริงของหนัง) แต่เรื่อง The Witch มันเบาลงมามาก ดูซ้ำได้ วน ๆ ไป หลาย ๆ รอบ จิตไม่ตกมาก ดูแล้วเหมือนอยู่ในอุโมงค์มืดแต่ยังมีแสงสว่างอยู่ปลายอุโมงค์ แถมมีฉากหลาย ๆ ฉากที่อยากดูซ้ำด้วย เช่น ฉากที่เชววูชิค พูดว่า “You better get home. Godspeed” แปลได้ประมาณว่า “เธอควรกลับบ้านได้แล้วนะ ไปแบบเร็วขั้นเทพเลย” คือน้องเท่ห์มาก สมควรได้ขึ้นแท่นประโยคคลาสสิกได้เลย นี่โดนตกมาเพราะไปเห็นประโยคนี้ในตัวอย่างหนัง เลยต้องรีบหามาดูCharacters กูจายุน แสดงโดย คิมดามี เด็กสาวที่มาจากห้องทดลองลับ นางมีสกิลการอยู่รอดระดับเกินเต็ม 10 นางเก่งทุกสิ่งอันโดยไม่ต้องฝึกฝน เพราะนางถูกทำให้เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เกิด นางฉลาดเลิศ วางแผนสลับซับซ้อน ในวันที่ความตายขยับเข้าใกล้นางเข้ามาทุกขณะ นางก็วางแผนทุกอย่างเพื่อที่จะให้ตัวเองรอด เอาจริง ๆ นางเป็นคนรักครอบครัวนะ นางรักพ่อแม่บุญธรรมของนางมาก เพราะทั้งคู่เลี้ยงนางมาด้วยความรักเช่นกัน นี่ดูแล้วเข้าใจเลยว่านางถูกฝึกมาให้ฆ่าคน ให้ใช้พลังจิตแต่นางก็ยังรักเป็น อยากมีชีวิตเป็นของตัวเอง ตอนนางไปออกรายการทีวี นางแสดงความสามารถพิเศษโดยการใช้พลังจิตของนางทำให้ไมโครโฟนลอยขึ้นฟ้า เป็นเหตุให้พวกองค์กรลับตามหาตัวนางเจอ และทำให้นางได้ฉายา “มา – นยอ” หรือ “แม่มด” จากผู้ชมทางบ้าน เลยกลายเป็นชื่อหนังด้วยคิมดามีเคยเล่นหนังมาก่อนหน้านี้ 2 เรื่อง แต่ไม่ดังเท่าไหร่ พอมาเรื่องนี้ดังเป็นพลุแตกเลยจ้า แล้วตามมาด้วย Itaewon Class อีก ดังกันเข้าไปใหญ่ แต่การแสดงนางก็เยี่ยมจริง ใครไม่ค่อยชอบนางจาก Itaewon Class มาดูนางเรื่องนี้อาจชอบนางขึ้นมา และเข้าใจเลยว่านางเป็นนักแสดงที่ดีมากชายชั้นสูง พูดภาษาอังกฤษ แสดงโดย เชววูชิค เป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่ถูกอ้างถึงในหนังว่า “Made in America” (ตรงนี้งง ๆ เพราะเห็นอยู่ว่าตอนเป็นเด็กนางอยู่ในเกาหลี แต่ทำไมเป็น Made in America ได้ หรือว่าส่งกลับไปมา ระหว่างเกาหลี – อเมริกา? แอบงง) เขาเป็นเด็กภายใต้การทดลองเช่นเดียวกับจายุน เขาไม่มีชื่อ และถูกเรียกแทนด้วยหมายเลข เช่นเดียวกับจายุนก่อนที่นางจะมาเจอพ่อแม่บุญธรรม เขาเป็นคนที่ตามเธอไปในขณะที่เธอหนีออกจากองค์กร เธอเลยฝากรอยแผลเป็นไว้กลางหน้าผากของเขา เมื่อเขาต้องมาตามล่าเธออีกครั้ง กลับกลายเป็นว่าเธอจำเขาไม่ได้อีกแล้ว นี่ลุ้นให้น้องมีบทในภาค 2 ต่อ หวังในใจลึก ๆ ว่าภาคแรกน้องจะไม่ตาย เพราะฉากที่มีการยิงกัน ไม่ได้เห็นว่าโดนยิงที่หัว แค่ได้ยินเสียงปืน แล้วตัดมาที่น้องอีกทีก็เป็นฉากที่น้องกองอยู่ข้างกำแพงเลย แถมในภาค 2 ชื่อนักแสดงที่ออกมาตอนนี้มีแต่คิมดามี เลยแอบหวังให้น้องกลับมาเชววูชิคเป็นนักแสดงที่เติบโตขึ้นมาในแคนาดา บทในเรื่องนี้เลยเหมาะกับเขามาก เพราะต้องมีบทที่พูดภาษาอังกฤษค่อนข้างเยอะ ทำให้เขาพูดได้อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่เคอะเขิน เขาเป็นนักแสดงฝีมือดี เล่นซีรีส์ เล่นหนังมาเยอะมาก แต่ช่วงที่เล่นใหม่ ๆ ไม่ค่อยปัง (จำได้ว่าเคยเล่นใน Rooftop Prince เมื่อ 8 ปีก่อน ตอนนั้นน้องยังเด็กน้อยมาก) ดูเหมือนช่วงหลัง น้องจะได้ดีทางหนังมากกว่า เพราะหนังปังแทบทุกเรื่อง เริ่มจาก The Witch และตามมาด้วยหนังออสการ์อย่าง Parasite ทำให้น้องเป็นที่รู้จักในวงกว้าง และขึ้นแท่นนักแสดงนำฝีมือดีไปโดยปริยายดอกเตอร์แบค แสดงโดย โจมินซู ดอกเตอร์ผู้เชี่ยวชาญด้านสมองเป็นพิเศษ นางถือว่าตัวเองเป็นคนสร้างจายุนขึ้นมา เลยแอบมีความภูมิใจในจายุนเล็ก ๆ นางอยากเก็บจายุนไว้เพื่อใช้ประโยชน์ เพราะจายุนถือเป็นผลงานที่ใกล้เคียงความสมบูรณ์แบบมากที่สุดมิสเตอร์เชว แสดงโดย ปาร์กฮีซุน ชายผู้เป็นเด็กทดลองรุ่นแรก เขาเป็นหนึ่งในเด็กที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นอาวุธ แต่เป็นรุ่นที่ไม่ประสบผลสำเร็จ มีข้อผิดพลาดมากมาย เขาต้องการที่จะฆ่าพวกเด็กทดลองรุ่นใหม่ให้หมด เนื่องจากเขาเห็นว่าเด็กพวกนั้นคือปิศาจ เป็นอาวุธร้ายที่จะทำลายมนุษย์สรุปคะแนน : 8.5 / 10 สมควรดูมาก ๆ เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องจิตแข็งมากก็ดูได้ ไม่ได้สยดสยองขั้นสุด ดำเนินเรื่องเร็ว กระชับ ไม่มีช่วงง่วงเลย หักคะแนนความงงในเนื้อเรื่อง แต่แอบหวังว่าน่าจะปล่อยให้งงแล้วไปเฉลยในภาคสองหรือเปล่า ? ติดตามชมได้ที่ : VIUขอบคุณภาพปก, ภาพประกอบที่ 3, 5, 6 และ 8 จาก THE WITCH: SUBVERSION (2020) - Official Movie Site ขอบคุณภาพประกอบที่ 1, 2, 4 และ 7 จาก THE WITCH: SUBVERSION (2020) Official US Trailer | Korean Action Horror Movie