รับชมซีรีส์ “The Umbrella Academy ss.4” ได้ทาง Netflix (มีพากย์ไทย)https://youtu.be/oOFIxbotYCU?si=LWzVHzUfdOJo7pFxตั้งแต่มีประกาศว่าซีซั่นสุดท้ายกับซีรีส์ที่เรียกได้ว่าเป็นที่พูดถึงและเป็นขวัญใจแฟนคลับแนวไซไฟของใครหลายคน จะเป็นบทสรุปทุกอย่างและจบลงจริง ๆ สักที ถือว่าเป็นการปิดตำนานครอบครัวฮาร์กรีฟส์ บอกเลยว่างานนี้ทำเอาแฟน ๆ คาดหวังซีซั่นสุดท้ายมากเลย ส่วนเราได้มีการดูมาราธอนมาตั้งแต่ซีซั่น 1 ถึง ซีซั่นสุดท้ายพอดี (ใช้เวลาดู 8 วัน) เพราะมันหยุดไม่ได้จริง ๆเรื่องย่อวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ. 1989 เกิดเหตุการณ์ประหลาดที่ผู้หญิงทั่วโลกทั้งหมด 43 คน เกิดคลอดลูกพร้อมกันและในเวลาไล่เลี่ยกัน เรื่องที่น่าประหลาดคือผู้หญิงทั้งหมดนั้นตั้งครรภ์พร้อมกันโดยที่ไม่มีอาการตั้งครรภ์กันทั้งหมดเลย (ถ้าให้เข้าใจง่าย ๆ คือ อสุจิกับไข่ไม่ได้มีการปฏิสนธิกันมาตั้งแต่แรก คือไม่มีปฏิกิริยาที่ทำให้เกิดการตั้งครรภ์) ทำให้ “เรจินัล ฮาร์กรีฟส์” (รับบทโดย คอล์ม โฟเร) เกิดความสนใจต่อเหตุการณ์ครั้งนี้ จึงรับเลี้ยงเด็กที่คลอดออกในวันนั้นทั้งหมด 7 คน เขาสั่งสอนให้เด็ก ๆ เป็นวีรบุรุษและวีรสตรีในการปราบปรามควาชั่วร้าย ภายใต้ชื่อสถาบันว่า “ดิ อัมเบรลลา อคาเดมี่” ซึ่งเด็กทั้งหมด 7 คนต่างก็มีพลังที่แตกต่างกัน (มีสปอยล์พลังทั้งหมด)หมายเลข 1 ลูเธอร์ (รับบทโดย ทอม ฮอปเปอร์) พี่คนโต มีพลังแรงเยอะที่สุด ด้วยรูปร่างที่ตัวใหญ่ที่สุดในบ้านเพราะฉีดเซรุ่มลิงชิมแปนซี เลยทำให้มีแรงเยอะกว่าน้อง ๆหมายเลข 2 ดิเอโก้ (รับบทโดย เดวิด แคสเทนด้า) พี่คนที่ 2 มีพลังควบคุมทิศทางวัตถุ ชื่นชอบการใช้มีดเป็นอาวุธมากเป็นพิเศษ เพราะมันจะถนัดกับการใช้พลังควบคู่ไปด้วย คือปามีดได้อย่างอิสระเพียงแค่ใช้พลังควบคุมหมายเลข 3 อัลลิสัน (รับบทโดย เอ็มมี เรเวอร์-แลมพ์แมน) พี่คนที่ 3 มีพลังสะกดจิตคน โดยการพูดว่า “ฉันได้ยินข่าวลือ” พร้อมกับบอกสิ่งที่อยากให้เป้าหมายทำตามที่สั่ง เป็นพี่สาวคนเดียวในครอบครัวนี้หมายเลข 4 เคลาส์ (รับบทโดย โรเบิร์ต ซีฮาน) พี่คนที่ 4 มีพลังที่สามารถติดต่อกับคนตาย จนได้มารู้ว่าตัวเองมีพลังมากกว่าที่คิด คือ เป็นอมตะ และสามารถเรียกวิญญาณมาต่อสู้ได้ มักเป็นคนที่โดนน่าเป็นห่วงที่สุด เพราะติดยาและชอบตัดพ้อตัวเอง จนทำให้พี่น้องเป็นห่วงหมายเลข 5 ห้า (รับบทโดย ไอแดน แกลลาเกอร์) พี่คนที่ 5 มีพลังวาร์ปไปที่ไหนก็ได้ และสามารถวาร์ปข้ามไปเส้นเวลาอื่นได้ (ประมาณว่าวาร์ปไปอนาคต) เป็นคนที่ฉลาดเพราะมีอายุมากกว่าพี่น้องตัวเอง เพียงแค่ตัวยังเป็นเด็ก เพราะข้ามเส้นเวลาจนไม่สามารถกลับมาบ้านได้ มักจะคอยหาวิธีช่วยเหลือครอบครัวทุกครั้งให้พ้นขีดอันตรายหมายเลข 6 เบน (รับบทโดย จัสติน เอช. มิน) พี่คนที่ 6 มีพลังคล้ายกับหนวดปลาหมึกออกมาจากร่างกาย สามารถใช้หนวดได้อย่างอิสระ แต่เส้นเวลาหลักเบนได้ตายไปแล้ว ซึ่งเบนที่ยังเห็นจนถึงตอนนี้คือ เบน จากอีกเส้นเวลา มีพลังเหมือนกันไม่เหมือนแค่นิสัยหมายเลข 7 แวนญ่า ที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็น วิกเตอร์ (รับบทโดย เอลเลียต เพจ) เป็นน้องชายและน้องเล็กสุดในครอบครัว มีพลังเกี่ยวกับการระเบิดพลัง พลังจะตอบสนองไปตามอารมณ์ของวิกเตอร์ด้วย มีพลังที่รุนแรงกว่าพี่ ๆ ในบ้าน จนทำให้ต้องโดนกดพลังและไม่ได้ออกไปทำภารกิจเหมือนกับพี่คนอื่น รีวิวหลังจากดูจบเนื่องจากเราดูมาราธอนมาตั้งแต่ซีซั่น 1 ไปจนถึงซีซั่นสุดท้าย โดยใช้เวลาไปทั้งหมด 8 วัน และเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบซีรีส์เรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน แต่ก็ดองไว้นานจนได้มีโอกาสมาดูอีกครั้ง เราแอบผิดหวังกับบทตัวละครที่ซีซั่นหลัง ๆ มันเริ่มจะเละเทะและไปคนละทิศคนละทาง ไม่ค่อยเหมือน 2 ซีซั่นแรกเท่าไหร่ เราไม่ได้มีติดใจกับฉากจบหรอกนะ ส่วนตัวมองว่ามันก็เป็นฉากจบที่สวยงามมาก ทำให้เอาน้ำตาแอบซึมเหมือนกัน แต่ด้วยตัวบทกับเหตุการณ์หลายอย่างที่ไม่รู้เหมือนกันว่าเอามาใส่ทำไม มันทำให้รู้สึกขัดใจมากสำหรับบทของตัวละครลูเธอร์ พี่ใหญ่ที่เสมอต้นเสมอปลายมาก ที่น่าสงสารก็แค่สูญเสียคนที่รักไป แต่ก็ยังเป็นคนที่รักครอบครัวไม่มีวันเปลี่ยน แถมดูจะเป็นตัวละครที่ยังคงเหมือนเดิมจนไปถึงซีซั่นสุดท้าย รู้สึกโล่งใจที่ซีซั่นนี้ไม่เล่นประเด็นความสัมพันธ์กับอัลลิสัน สำหรับเรารู้สึกอีดอัดที่พี่น้องในบ้านมารักกันเอง แม้จะเป็นพี่น้องคนแม่ก็ถาม แต่ในเมื่อจดชื่อมาเป็นนามสกุลฮาร์ฟรีฟ ไม่ต่างอะไรกับการมีความสัมพันธ์กับคนในครอบครัวตัวเองสำหรับดิเอโก้ก็เป็นอีกหนึ่งตัวละคนที่ยังเหมือนเดิม คงความหัวร้อน มีความกระตือรือร้น ห่วงใยครอบครัวไม่มีเปลี่ยน แถมซีซั่นนี้ทำซะนางน่าสงสารมากเลย เรียกได้ว่าดิเอโก้คือคนที่มั่นคงกับคนรักตัวเองมาโดยตลอด พอมาเจอปัญหาที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ เราเป็นคนนอกก็ไม่รู้จะเข้าข้างฝั่งไหนดี แต่ก็โอเคที่เขียนบทให้ดิเอโก้มาเข้าใจไลลาในท้ายที่สุด แม้ว่าสิ่งที่ไลลามันไม่ได้ตั้งใจก็ตาม แต่สงสารดิเอโก้มากสำหรับซีซั่นนี้สำหรับอัลลิสัน แน่นอนว่าเราเพิ่งมาดูแต่พอจะรู้ฟีดแบคเกี่ยวกับซีซั่นที่ 3 อยู่ เรียกได้ว่าแฟน ๆ ไม่เข้าใจการกระทำของอัลลิสันมาก ๆ ซึ่งตอนแรกเราแบบรู้สึกดีใจกับนางมากที่แบบจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง จะสู้คนอื่นบ้าง แม่จะไม่ใจดีกับแกแล้ว อะไรประมาณนี้ แต่มันเริ่มหนักขึ้นจนออกมาเป็นในตามซีซั่น 3 ซึ่งพอมาซีซั่นสุดท้ายก็ยังคงเป็นคุณแม่วีนแตกเหมือนเดิม แต่แค่ไม่ได้โมโหโดยโยนความผิดใส่คนอื่นเหมือนซีซั่นที่แล้ว ปกติเราจะเห็นอัลลิสันจะอยู่วิกเตอร์บ่อย ๆ แต่ครั้งนี้มาดูแลเคลาส์แทน เพราะอย่างที่รู้กันว่าตอนจบซีซั่น 3 ทุกคนไร้พลังกันหมด เคลาส์ไม่ได้เป็นอมตะอีกต่อไป นั่นเลยทำให้นางระมัดระวังกับการใช้ชีวิตมาก มากซะจนน่าเป็นห่วง ซึ่งความสัมพันธ์ตรงนี้เรามองว่าก็น่ารักดี แต่เสียดายออกมาน้อยไปหน่อยแอบน้อยใจบทของเคลาส์ ซีซั่นสุดท้ายทั้งทีทำไมถึงยังให้เคลาส์แยกไปอยู่คนเดียว ถ้าเป็นการแยกแล้วทำให้เรารู้เรื่องราวหรือปมที่จะเฉลยเหมือนกับซีซั่นก่อน ๆ มันก็จะดีไง แต่อันนี้คือแยกไปแบบไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับภารกิจเลย กลายเป็นบทคนติดหนี้และกำลังใช้พลังหาเงินจ่ายหนี้ตัวเอง ในขณะที่คนอื่นยังแบบมีภารกิจซึ่งมีความเกี่ยวข้องกัน แต่สำหรับเคลาส์คือไม่มีเลย เป็นตัวละครที่ชอบมาตั้งแต่ซีซั่นแรก นางก็ยังแสดงดีอยู่เหมือนเดิม แต่แอบน้อยใจบทที่ทำให้นางอยากแยกออกจากครอบครัวส่วนคนนี้คือตอนนี้กำลังเป็นที่พูดถึงสุด และทำเอาแฟน ๆ ซีรีส์ช็อคไปกันหมด เหมือนโดนตบหน้าไป 1 ที บทของห้าที่ไม่เหมือนห้าคนเดิม ปกติเราจะเห็นห้ามักจะเป็นคนคอยสืบหาข้อมูลช่วยเหลือคนในครอบครัว แต่สำหรับซีซั่นนี้ ถามว่ามีการสืบข้อมูลไหม มันมีแหละ แต่เหมือนเป็นการสืบแบบหมดไฟ เพราะดันไปติดอยู่ในห้วงเวลากับไลลาจนถึง 7 ปีได้ จนทำให้เกิดความเลยเถิดขึ้น และรู้สึกว่าฝั่งของห้ามันไม่ค่อยมีอะไรเลยนอกจากภาพตัดไปมาว่าอยู่มาหลายปี และใช่ชีวิตอยู่ด้วยกันกับไลลา พอหาทางเจอก็คิดจะไม่กลับไปอีก มันดูไม่ใช่ห้ามาก ๆ ที่อยากจะช่วยเหลือครอบครัว แอบน้อยใจบทของตัวละครนี้ไปด้วยอีกคนเหมือนกัน แล้วก็ไลลาด้วย เข้าใจสถานการณ์แหละว่ามันอยู่ด้วยกันตลอดจนมันเลยเถิด แต่ด้วยความที่บทมันส่งว่าคู่กับดิเอโก้ ต่อสู้ร่วมกันมาตั้งแต่ซีซั่น 2 สุดท้ายมาจบอย่างนี้ ก็แอบขัดใจอยู่เหมือนกันสำหรับเบนยังพอมีความคืบหน้าเรื่องการตายอย่างปริศนาเมื่อซีซั่นแรกได้อยู่ เพราะซีซั่นนี้จะเล่าตั้งแต่ต้นว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากที่อุบเอาไว้นานมาก และหลังจากนั้นนางก็ไม่ค่อยมีซีนอะไรเด่น ๆ อีกเลย มีโชว์แค่ความสัมพันธ์กับเจนนิเฟอร์ที่ยังไม่ค่อยอินมาก เพราะมันเพิ่งจะเจอกัน แต่ก็เข้าใจสถานการณ์ตรงที่ทั้งคู่มันเชื่อมโยงกันแต่แรก เลยอาจจะมีความสัมพันธ์ที่ไวไฟมาก ๆ พอตัว แต่สุดท้ายยังไงตัวละครเบนในซีซั่นนี้ก็ไม่ได้โผล่มาบ่อยเลย ดรอปไปเยอะเหมือนกันสำหรับวิกเตอร์ก็ดูเหมือนไม่ค่อยได้เห็นเหมือนกัน แต่ประมาณท้ายเรื่องก็มีบทบาทในเรื่องการเจรจากับเบนอยู่บ้าง อาจจะเพราะวิกเตอร์ไปทำภารกิจกับคุณพ่อมันเลยไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจมาก มีแต่คุยกันและก็ย้อนรอยคุยเรื่องความหลังนิดหน่อย เป็นไปในเชิงเรียบ ๆ ซะมากกว่า ไม่มีอารมณ์ความตึง ความตลกเท่าตัวละครคนอื่น แต่ยังไงสุดท้ายแล้วเราก็รู้สึกว่ามันเป็นฉากที่สวยงามจริง ๆ นะ อาจจะมีน้อยใจเรื่องบทตัวละครบ้าง (ก็มันขัดใจจริง ๆ) แต่นี่ก็เป็นตำนานอีกเรื่องที่ปิดฉากได้อย่างสวยงาม ถ้าให้ถามว่าชอบซีซั่นไหนมากที่สุด คงจะเป็นซีซั่น 2 เพราะรู้สึกได้ถึงการช่วยเหลือครอบครัวได้มากที่สุดแล้ว ครอบครัวมีความเข้าใจกัน ต่อสู้กับเหล่าผู้ร้ายงานเลี้ยงก็ย่อมมีการเลิกลา นี่คือการจบปัญหาเรื่องเส้นเวลาที่เป็นเรื่องน่าปวดหัวให้กับครอบครัวฮาร์กรีฟส์มาตลอด ในที่สุดก็ยุติมันได้สักที แต่จะเป็นการยุติแบบไหนก็ไปดูกันเอาเองนะ ถ้าตัดความน่าขัดใจก็ขอยอมรับว่าเป็นฉากจบที่สวยงามอยู่ สรุปคะแนนองค์ประกอบโดยรวม : ⭐⭐⭐การดำเนินเรื่อง : ⭐⭐⭐งานภาพ : ⭐⭐⭐⭐การแคสติ้ง : ⭐⭐⭐⭐ความรู้สึกร่วมในการรับชม ⭐⭐⭐⭐รวม : 3.6 ⭐ มันมีความสนุกอยู่ แต่โดยมีความน่าขัดใจเยอะกว่าความน่าสนุก แต่ตอนจบสวยงามแม้จะเศร้าไปบ้างก็ตาม เครดิตรูปภาพภาพปก มีรูปภาพที่ 1 จาก netflixthรูปภาพประกอบที่ 1 , รูปภาพประกอบที่ 2 , รูปภาพประกอบที่ 3 , รูปภาพประกอบที่ 4 , รูปภาพประกอบที่ 5 , รูปภาพประกอบที่ 6 , รูปภาพประกอบที่ 7 , รูปภาพประกอบที่ 8 , รูปภาพประกอบที่ 9 , รูปภาพประกอบที่ 10 จาก netflixth จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !