ผู้กำกับ "Fantastic Four" ฉบับเจ๊งล่าสุด บท "ซู สตอร์ม" ที่จริงต้องเป็นนักแสดงผิวสี
ข่าวสารวงการหนัง Fantastic Four
นับว่าเป็นประเด็นที่เพิ่งจะถูกเปิดเผยออกมาได้เหมาะเจาะกับสถานการณ์ปัจจุบันจริงๆ เมื่อผู้กำกับ "จอร์ช แทรงก์" จากหนังซูเปอร์ฮีโร่เจ๊งสนิท "Fantastic Four" ฉบับปี 2015 ได้ออกมาเปิดเผยถึงเบื้องลึกเบื้องหลังที่ยังไม่มีใครรู้ว่า แท้ที่จริงแล้วตัวละครอย่าง ซู สตอร์ม หรือ สาวน้อยพลังล่องหน จะต้องเป็นนักแสดงผิวสีเข้ามารับบทนี้ แต่ปรากฏว่าทางค่ายหนังไม่เห็นด้วย จึงได้ปรับบทและให้นักแสดงสาว "เคท มารา" มารับบทนี้ในที่สุด
จอช แทรงก์ ได้ออกปล่อยระเบิดเบาๆ ระหว่างเดินสายประชาสัมพันธ์หนังใหม่ "Capone" ของเขากับสื่ออย่าง Geeks of Color ที่บังเอิญว่าบทสัมภาษณ์ครั้งนี้จะไปสะกิดต่อมกระแส Black Lives Matter ที่ยังลุกลามอยู่ในอเมริกาขนาดนี้ โดยเขาได้เล่าถึงประสบการณ์ที่ยากในการทำหนังของเขา โดยเขาเรียกมันว่า 'ความไม่แน่นอน' ที่มักจะเกิดขึ้นกับการทำหนังร่วมกับบรรดาสตูดิโอหนังใหญ่ๆ ที่มักจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางแนวคิดได้เสมอ
โดยเขาได้ยกตัวอย่างและเล่าถึงเมื่อครั้งทำงานในหนัง Fantastic Four ว่า "จริงๆ มันก็มีความขัดแย้งทางความคิดขึ้นหลายอย่างนะครับ ในตอนแรกผมได้วางเอาไว้ว่าบทของ ซู สตอร์ม, จอห์นนี สตอร์ม และ ดร.แฟรงคลิน สตอร์ม ตามท้องเรื่องพวกเขาเป็นครอบครัวเดียวกัน ผมจึงอยากจะได้นักแสดงผิวสีมารับบทนี้ แต่พอนำไปเสนอกับสตูดิโอหนังแล้ว ดูเหมือนว่าพวกเขาจะยังไม่ค่อยประทับใจ ในทำนองว่า...คนดูอยากเห็นดาราเบอร์ใหญ่ๆ มาเล่นบทนี้มากกว่านะ"
จอช แทรงก์ ยังกล่าวต่ออีกว่า "ในหัวผมมีนักแสดงผิวสีมารับบทนี้ได้เพียบเลย พอลองมองย้อนกลับไปถึงเรื่องนี้ ผมก็รู้สึกแย่เหมือนกันนะ แย่ที่ยืนหยัดสู้กับแนวคิดนี้ของตัวเองไม่ได้เลย ผมรู้สึกไม่ดีที่ผมไม่ได้จัดการกับปัญหานั้นได้อย่างที่ควรจะเป็นครับ"
ผลลัพธ์สุดท้ายที่ออกมาก็คือ Fantastic Four กลายเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่พยายามจะรีบูทเรื่องราวของสี่กายสิทธิ์นี้ขึ้นใหม่ แต่กลับล้มเหลวในทุกๆ ทาง ไม่ว่าจะรายได้และคำวิจารณ์ ถึงแม้ว่าจะได้ "ไมเคิล บี. จอร์แดน" มารับบทเป็น จอห์นนี สตอร์ม และมี "เรจ อี. แคธีย์" มาเป็น ดร.แฟรงคลิน สตอร์ม ทั้งคู่เป็นนักแสดงผิวสี แต่บทของ ซู สตอร์ม ได้ "เคท มารา" มารับบท ที่ปรับบทให้เป็นคนผิวขาวแทน
ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลนี้หรือไม่ ทำให้เส้นทางอาชีพผู้กำกับของ จอช แทรงก์ ที่ดูเหมือนจะสดใสจากจุดเริ่มต้นในหนังเรื่องแรกของเขาที่ฮิตเกินคาดอย่าง "Chronicle" ก่อนจะได้รับโอกาสจากสตูดิโอหนังยักษ์ใหญ่มากำกับ "Fantastic Four" แต่กลับทำได้ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง
เขาเคยได้ถูกทาบทามวางตัวให้ไปร่วมงานในหนังภาคแยกของแฟรนไชส์ Star Wars แต่ก็ล้มเลิกแผนในเวลาต่อมา กระทั่งต้องรอผ่านมาถึง 5 ปีเต็ม กว่าเขาจะได้มีผลงานหนังเรื่องใหม่ Capone ที่เพิ่งออกฉาย และดูเหมือนจะโดนสับเละจากนักวิจารณ์ด้วย จอช แทรงก์ จึงกลายเป็นผู้กำกับที่มีกราฟเส้นทางอาชีพที่ขึ้นสุด-ลงสุดในช่วงเวลาไม่กี่ปี
Source: Collider
----------------------------------------------------