Series ReviewEye Love You (2024)ความลงตัวของการเล่าเรื่องแบบญี่ปุ่นกับความโรแมนติกแบบเกาหลีที่มีความน่ารัก กระชับ ดูสนุกดูแล้วมีความสุขดูแล้วตกหลุมรักโดยส่วนตัวแล้วผู้เขียนจะดูซีรีส์เกาหลีและญี่ปุ่นเป็นหลักมีไต้หวันบ้างบ่อยๆบางครั้งก็ดูซีรีส์อินเดียที่ถ้ามีเรื่องน่าสนใจก็จะดู แต่หลักๆคือเกาหลีกับญี่ปุ่นที่ดูบ่อยดูทุกวันแต่จำนวนเรื่องของญี่ปุ่นอาจจะมากกว่าเพราะด้วยจำนวนตอนที่ค่อนข้างน้อยกว่าแทบจะครึ่งต่อครึ่ง ประการถัดมาซีรีส์ญี่ปุ่นที่มีมาให้ดูโดยมากจะเป็นซีรีส์ที่ออกอากาศในบ้านเขาจบแล้วแล้วลงสตีรมในบ้านเรารวดเดียวจบต่างจากเกาหลีที่ระยะหลังผู้เขียนดูแบบออกอากาศสดเป็นส่วนมาก ส่วนความต่างของงานซีรีส์หรือละครโทรทัศน์จากทั้งสองประเทศก็มีดีต่างกันที่ถ้าเข้าใจความต่างนั้นก็จะดูสนุกทั้งสองทาง ทั้งเกาหลีที่จะบดบี้ดราม่าทั้งหลักทั้งรองทั้งย่อยเต็มที่จนบางครั้งออกอาการเอื่อยบ้างเพราะจำนวนตอนเยอะกว่า ส่วนทางญี่ปุ่นนั้นการเล่าเรื่องจะมีทิศทางที่ชัดกว่านั่นคือเมื่อตั้งธงจะไปทางไหนแล้วก็จะไปทางนั้นทำให้จำนวนตอนที่น้อยกว่าสามารถเล่าเรื่องได้เรื่องเลยออกมากระชับแต่การเล่าเรื่องก็เรียบเรื่อย แล้วถ้าความโดดเด่นของเกาหลีที่ขยี้ใจกว่ามาอยู่ในซีรีส์ญี่ปุ่นที่ค่อนข้างเรียบเรื่อยจะเป็นยังไงในงานโรแมนติกคอมมิดี้แฟนตาซีเรื่องนี้จากอุบัติเหตุเมื่อครั้งอดีตทำให้ยูริ โมโตมิยะ (ฟูมิ นิไคโด) มีความสามารถพิเศษในการได้ยินเสียงจากความคิดคนอื่นเมื่อสบตากับเธอหรือเรียกว่าอ่านใจคนอื่นได้ แต่สิ่งนั้นอาจไม่ใช่พรจากพระเจ้าเมื่อบางครั้งเธอก็รับทราบความเจ็บปวดของคนอื่นที่แย่กว่านั้นเมื่อคนอื่นรู้เรื่องนี้จะกลัวเธอทำให้เธอไม่สามารถบอกใครได้และไม่อาจมีความรัก แต่แล้ววันหนึ่งชายหนุ่มคนหนึ่งก็เข้ามาในนามคนส่งอาหารพาร์ทไทม์ที่เธอสามารถอ่านความคิดเขาได้แต่กลายเป็นอ่านไม่ออกเพราะเขาคิดเป็นภาษาเกาหลี ใช่แล้วเขาคือนักศึกษาชาวเกาหลีชื่อยุนแทโอ (แชจองฮยอบ) แต่ที่พิเศษกว่านั้นคือยุนแทโอรู้สึกต้องใจยูริตั้งแต่แรกเจอ หลังจากนั้นมาเธอและเขาก็เจอกันเรื่อยๆแล้วความอบอุ่นและจิตใจดีของยุนแทโอก็ทำให้หัวใจที่พยายามปฏิเสธความรักของยูริเริ่มหวั่นไหว แน่นอนยูริทำอะไรไม่ค่อยถูกเมื่อถูกรุกเร้าจากยุนแทโอตามแบบผู้ชายเกาหลีแต่ยูริเป็นสตรีญี่ปุ่นที่ค่อนข้างเหนียมอาย ทว่าเมื่อทั้งสองคนคบกันด้วยความรักพลังพิเศษของยูริก็กลับกลายเป็นคำสาปให้คนสองคนไม่อาจรักกันได้แล้วเธอกับเขาจะผ่านมันได้อย่างไรการเดินเรื่องและการเล่าเรื่องในแบบญี่ปุ่นแท้ที่ดูมีความต่างไปเมื่อได้สัมผัสความเป็นเกาหลีเข้ามาผสาน อย่างที่บอกคือถ้าเป็นซีรีส์ญี่ปุ่นจะมีการเล่าเรื่องที่ชัดเจนในประเด็นและเรื่องนี้ก็ชัดที่จะเป็นงานโรแมนติกคอมมิดี้แฟนตาซีที่ญี่ปุ่นทำได้ดีเสมอ ซึ่งจุดเด่นตรงนี้ก็ยังแข็งแรงเพราะเป็นเรื่องแฟนตาซีที่เกือบเอื้อมถึงคือเหมือนเหนือจริงแต่ก็มีสัมผัสความจริง กระนั้นการเล่าเรื่องที่เรียบเรื่อยให้เพลงและภาพมาสะกดอารมณ์ก็ยังชัดซึ่งอาจทำให้ถ้าหากไม่คุ้นชินการเล่าเรื่องแบบนี้อาจรู้สึกเนือยเอื่อย แต่ในความเนือยนั้นถ้าเข้าใจว่าซีรีส์ญี่ปุ่นจะเป็นแบบนี้แต่เรื่องนี้ไม่ถึงขนาดพิสูจน์ความอดทนเพราะมีความเป็นเกาหลีเข้ามาผสานในส่วนของพระเอกนั่นคือเมื่อเล่าเรื่องของพระเอกโทนการเล่าจะออกมาเป็นเกาหลีไปเลยทำให้เมื่อรวมกันกลายเป็นเรื่องดูเดินหน้าเร็วกว่าซีรีส์ญี่ปุ่นทั่วไป แล้วด้วยความที่ญี่ปุ่นจะไม่ขยี้ดราม่ามากมายต่อให้มีช่องและเรื่องนี้ก็มีที่ให้เล่นมากมายแต่เลือกที่จะให้เป็นความเข้าใจของคนดูไปเสีย ทำให้เป็นซีรีส์ญี่ปุ่นแท้ๆที่มีความต่างไปเป็นสัมผัสที่ละมุนละไมกว่างานโรแมนติกทางญี่ปุ่นที่เคยพบมามีความโรแมนติกแบบเกาหลีนำหน้าแล้วเอาความเป็นรอมคอมแฟนตาซีในแบบญี่ปุ่นค้ำจุนทำให้น่ารักน่าลุ้นทุกตอน ซึ่งความละมุนที่ว่านั้นคือความโรแมนติกในแบบเกาหลีที่มาอยู่ในงานรอมคอมแฟนตาซีในแบบญี่ปุ่นที่จะมีความน่ารักอยู่ในตัว แล้วเมื่อความโรแมนติกแบบผู้ชายรุกหนักในแบบเกาหลีมาอยู่ในลักษณะตัวละครในแบบญี่ปุ่นของนางเอกความน่าขันก็จัดเต็ม เอาง่ายๆแค่นางเอกสงสัยในความคิดพระเอกที่เป็นภาษาเกาหลีก็ชวนให้ยิ้มไม่หยุดแล้วแถมยังมีฉากเข้าพระเข้านางที่เอาพระเอกเกาหลีมาคู่กับนางเอกแบบญี่ปุ่นในอย่างสนุกแล้วใช้ความต่างนี้มาเป็นลูกเล่นที่เล่นงานหัวใจคนดูได้อย่างเต็มที่ใช้ประโยชน์ได้เต็มอารมณ์ แล้วยังได้มิติของเรื่องที่อาจจะไม่แหวกแนวนักแต่จังหวะเวลามันได้ก็ทำให้มีความน่ารักน่าลุ้นทั้งในแง่ของความรักที่จะลงเอยแบบไหนจนถึงตอนท้ายที่พลังพิเศษกลายเป็นคำสาปจริงหรือแล้วจะผ่านมันไปได้อย่างไร สุดท้ายก็เลือกทางที่สวยงามที่อาจมีหักมุมเล็กๆแต่ก็ลงตัวสวยดีทำให้ในการผสมผสานระหว่างญี่ปุ่นกับเกาหลีกลายเป็นสิ่งค้ำจุนความน่ารักน่าลุ้นให้แข็งแรงเพราะไม่ต้องฝืนทำให้การแสดงดูเป็นธรรมชาติทั้งแบบเกาหลีและญี่ปุ่นจนทำให้ใครหลายคนอาจตกหลุมรักตัวละคร ที่ยอดเยี่ยมคือการไม่พยายามฝืนตัวตนของทั้งเกาหลีและญี่ปุ่นแต่ใช้จุดเด่นของตัวเองมาเกื้อหนุนกันจนดูแปลกแต่ดี เพราะในส่วนของการแสดงบุคลิกลักษณะตัวละครที่เป็นความต่างกันของสองประเทศทำให้แปลกแต่ดีเพราะยิ่งดูก็ยิ่งน่าขัน ทำให้การแสดงดูเป็นธรรมชาติจนกระทั่งในส่วนของตัวละครก็ไม่มีอะไรน่าตะขิดตะขวงกับพระเอกนางเอกทั้งฟูมิ นิไคโดที่เป็นนางเอกในแบบงานโรแมนติกญี่ปุ่นที่จะกระมิดกระเมี้ยน ส่วนแชจองฮยอบก็จะเป็นพระเอกในแบบงานโรแมนติกเกาหลีที่จะมีสัมผัสความอบอุ่นชวนให้ใจสั่นอย่างที่เคยเห็นในซีรีส์เกาหลีแนวนี้ทั่วไป แล้วการที่ไม่พยายามฝืนตัวเองของทั้งสองทางก็สร้างความสนุกความน่ารักจนกระทั่งคนที่เคยรักฟูมิ นิไคโดอาจจะรักแชจองฮยอบหรือคนที่เคยรักแชจองฮยอบก็อาจโดนฟูมิ นิไคโดขโมยหัวใจ ทั้งยังได้นักแสดงสมทบที่เล่นอย่างสนุกโดยเฉพาะความน่าเห็นใจของพระรองทาอิชิ ทาคางาวะและคู่รองที่รวมๆแล้วทำให้ดูเพลินอย่างยิ่งเป็นซีรีส์ญี่ปุ่นที่ดูสนุกดูเพลินมีความต่างไปและเอาตามจริงเหมาะกับการดูรวดเดียวมากกว่าอดทนรอเหมือนผู้เขียน ด้วยความที่เป็นซีรีส์ญี่ปุ่นที่มีความเป็นเกาหลีที่เอาจริงก็เป็นญี่ปุ่นมากกว่าเกาหลีที่มีเพียงสัมผัสความโรแมนติกเท่านั้นนอกนั้นเป็นญี่ปุ่นจัดๆเหมือนเดิม แต่แม้จะเป็นอย่างนั้นก็ดูแปลกไปเพราะดูเหมือนเรื่องกระชับขึ้นมีความจับใจขึ้นแม้จะไม่ขยี้ดราม่าแต่ก็เล่าได้อย่างโดนใจ เพราะความเป็นญี่ปุ่นก็จะมาประมาณนี้คือจะไม่ฟูมฟายแต่เรื่องนี้คือเน้นไปในทางโรแมนติกชัดเจนเพราะเหตุผลอย่างที่ว่า ส่งผลให้อัตราความน่าติดตามสูงมากจากการเล่าเรื่องแบบญี่ปุ่นที่จะตัดจบในแบบที่ค้างคาให้อยากรู้แล้วเรื่องที่เล่าก็สนุกน่ารักน่าลุ้นมาตลอกก็ทำให้การรอคอยของผู้เขียนในแต่ละสัปดาห์ละหนึ่งตอนเป็นความทรมาน แต่เมื่อถึงตอนนี้ที่สตรีมจบครบทุกตอนแล้วก็เป็นเรื่องที่เป็นความต่างจากซีรีส์ญี่ปุ่นทั่วไปจริงแต่คอซีรีส์ญี่ปุ่นก็ไม่ถึงกับเบือนหน้าหนี กลับกันคือมีความเพลินในทุกตอนที่เหมาะสำหรับการดูยาวๆมากกว่าการอดทนรอสัปดาห์ละตอนแน่นอนเพราะเมื่อดูจบความประทับใจก็จัดเต็มดูไปบ่นไปขอบคุณภาพประกอบภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 / ภาพที่ 7 / ภาพที่ 8 จาก TBS火曜22時 ภาพที่ 6 จาก X TBS