Movie Full Review : Night In Paradise : คืนดับแดนสวรรค์ (2021)การเล่าเรื่องที่เรียบง่าย ไม่ต้องใส่ซับซ้อนวุ่นวาย แต่จัดการความรู้สึกให้อารมณ์ให้ซึมลึกตั้งแต่วินาทีแรกจนวินาทีสุดท้าย ที่ในความง่ายมีความเนี้ยบและละเอียดทุกอณูของห้วงอารมณ์NETFLIXพึ่งบ่นไปไม่กี่วันเรื่องการตั้งชื่อไทยของหนังที่เอาตามจริงไม่ต้องตั้งก็ได้ (มั้ง) เพราะบางทีความหมายของชื่อเรื่องภาษาอังกฤษมันอธิบายตัวตนของหนังได้ชัดแล้ว เช่นก่อนหน้าที่ผู้เขียนจะดูเรื่องนี้ ได้หนังอินเดียเรื่องหนึ่งที่ชื่อหนังออกมาทางอบอุ่นละมุนหัวใจ น่าจะเป็นเรื่องราวของหญิงสาวผู้ตามหาความฝันที่งดงาม หนังเรื่องนั้นคือ Pagglait ที่มีชื่อไทยชวนคาดฝันว่าเป็นว่าฟีลกู้ดคือ “สาวช่างฝัน” แต่พลันเมื่อดูจบกลายเป็นหนังดราม่าจัดที่เล่าเรื่องของการเปลี่ยนชีวิตของคนที่ต้องอยู่หลังความตายของคนอีกคน หนังที่ตั้งคำถามต่อขนบธรรมเนียมประเพณีที่กดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หนังที่เรียกร้องสิทธิ์ที่จะยืนหยัดได้ด้วยตัวเองของผู้หญิงอินเดีย ไม่มีเนื้อหาส่วนไหนในหนังที่อกมาเป็น “สาวช่างฝัน” เลยแล้วพอมาคราวนี้เหตุการณ์เดิมก็มาถึงหนังเรื่องนี้ที่ชื่อไทยอย่างสวยหรูว่า “คืนดับแดนสวรรค์” ซึ่งพ่อคุณเอ๋ย อ่านปุ๊บก็นึกว่าจะเป็นหนังแฟนตาซีเกี่ยวกับการตบตีต่อสู้กันของเหล่าเทวดาที่ทำให้แดนสวรรค์สั่นสะเทือนที่น่าจะมันส์ แต่ความจริงเมื่อดูหนังจบนี่คือหนังทริลเลอร์แกงสเตอร์ฟิล์มนัวร์ที่เล่าเรื่องของคนสองคนที่ไม่เหลือที่ยึดเหนี่ยวใจ แต่ได้เปิดใจในค่ำคืนในดินแดนที่งดงามปานสวรรค์บนดินที่เกาะเชจู เป็นหนึ่งคืนที่ได้เข้าใจ ได้สร้างมิตรภาพ และส่งผลต่อเรื่องที่ตามมา ซึ่งมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการดับแดนสวรรค์เลย แถมยังตรงตัวกับความหมายของชื่อหนังภาษาอังกฤษแบบเป๊ะคือ Night In Paradiseเรื่องย่อเรื่องของพัคแทกู (ออมแทกู) สมาชิกมือหนึ่งของแก๊งอันธพาลของประธานยาง (พัคโฮซาน) ที่แทกูกำลังเจรจากับประธานโดของแก๊งอันธพาลอีกค่าย แล้วการเจรจานั้นก็สร้างความประทับใจในตัวแทกูต่อประธานโดและได้ทาบทามมาทำงานด้วย แต่แทกูผู้มีเพียงพี่สาวที่ป่วยและหลานสาวตัวเล็กๆเป็นครอบครัวที่เหลืออยู่เป็นสิ่งเดียวที่ยึดเหนี่ยวหัวใจ และแทกูก็มีความสัตย์ซื่อต่อลูกพี่ของตัวเองพอเขาจึงปฏิเสธ แต่... ความขัดแย้งจากงานก็ได้พรากสิ่งที่เหลืออยู่ของแทกูไปแล้วแทกูก็คิดว่าเป็นฝีมือของประธานโด สิ่งที่ทำได้หลังจากนั้นคือการแก้แค้นที่อาจเรียกว่าแหย่รังแตน เมื่อเบื้องหลังคือการอยากก้าวขึ้นเป็นใหญ่ของประธานยางลูกพี่ของเขาเองและเมื่อแทกูสร้างเรื่องใหญ่ไว้เขาจึงต้องลี้ภัยไปยังเกาะเชจูที่สวยงามปานแดนสวรรค์ ที่นั่นเขาได้พักอยู่ที่บ้านของอดีตนักเลงที่เกษียณมาขายอาวุธ ที่มีหลานสาวต้องดูแลคือแจยอน (จอนยอบิน) ที่เป็นโรคร้ายและมีชีวิตอยู่ได้อีกเพียงไม่นาน จนเมื่อเรื่องยุ่งยากที่แทกูหนีมาตามมาทันเพราะลูกพี่ของเขากระจอกเกินไปจนขายเขาให้กับหัวหน้าอีกคนของแก๊งคู่อริคือประธานมา (ชาซึงวอน) เพื่อเอาชีวิตรอด ประธานมาจึงมาตามล่าแทกู และที่นี่การเริ่มต้นการตามคิดบัญชีกับแทกูได้ทำให้แจยอนที่ใช้ชีวิตอยูกับปืนและมีความสามารถในการยิงปืนต้องสูญเสียอาผู้เป็นครอบครัวและเป็นที่ยึดเหนี่ยวเพียงหนึ่งเดียว แต่เมื่อสู้ไม่ได้ก็ต้องหนีและระหว่างหนีไปด้วยกันแทกูและแจยอนที่ต่างต้องสูญเสียสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจไปก็ได้ใช้ชีวิตร่วมกัน แต่ในเวลาสั้นๆนั้นคนสองคนที่ดูเหมือนแต่ก็ดูต่างก็ได้สัมผัสกันด้วยหัวใจ เพราะแทกูก็ไม่ได้มีจุดหมายในการใช้ชีวิตและแจยอนก็ไม่เหลือเวลาชีวิตให้มีความหมาย กระทั่งเงื้อมมือความตายมาเยือนเกาะที่เป็นแดนสวรรค์แทกูจึงต้องทำทุกอย่างเพื่อช่วยแจยอน แต่ด้วยเพียงสองมือที่ไม่ได้เป็นยอดมนุษย์เรื่องราวจึงไม่เป็นดั่งคาดหมาย สุดท้ายการตัดสินใจบางอย่างของบางคนก็คือการล้างบัญชีเพื่อสะสางเป็นครั้งสุดท้าย และเรื่องทั้งหมดก็ถูกเล่าแบบง่ายๆ ไม่ต้องซับซ้อนวุ่นวายแต่เล่นกับอารมณ์คนดูจนกระทั้งแทบลืมหายใจบทภาพยนตร์ชั้นเยี่ยมทำให้หนังออกมาทรงพลังความยากง่ายในการทำให้หนังมีพลังได้ตลอดทางอาจไม่ได้อยู่ที่ความรุนแรงเร้งเร้า หรืออาจไม่ได้อยู่ที่อารมณ์ที่สื่อสารผ่านบทสนทนาที่เข้มหรือคม แต่มันยากที่จะตรึงผู้ชมให้มีอารมณ์ร่วมไปกับฉากง่ายๆ ภาพง่ายๆ เช่นการนั่งกินข้าวคุยกัน นั่งจ้องหน้ากันเงียบๆ หรือกระทั่งสภาพแวดล้อมที่กล้องแพนไปให้เห็นโดยที่ไม่มีอะไรเลย นั่นคือความยากที่จะสื่อสารให้ผู้ชมรู้สึกว่าแค่ความเงียบหรือความมืดหม่นก็ทำให้อึดอัด แอบกลั้นหายใจจนอยากทอดถอนหายใจและเรื่องนี้เป็นเช่นนั้น เพราะแค่เปิดมาด้วยเสียงเคี้ยวขนมที่ยังไม่เห็นภาพยังรู้สึกถึงพลังงานที่ชวนเสียวสันหลัง ด้วยบทสนทนาที่เรียบง่ายไม่ใช่ตั้งท่าจะมอบความคมคาย แต่เป็นเพียงบทสนทนาง่ายๆที่มนุษย์เดินดินพูดกันเช่นกันเมื่อนี่คือเรื่องที่เล่าถึงค่ำคืนในแดนสวรรค์ซึ่งในที่นี้คือที่ที่งดงามคือเกาะเชจู การสื่อสารที่ประหยัดถ้อยคำของบทสนทนาระหว่างหนึ่งชายกับหนึ่งหญิง คนสองคนที่ไม่เหลือจุดหมายในชีวิตจึงค่อนข้างพอเพียง แต่ในความพอเพียงนั้นกลับสามารถสัมผัสได้ด้วยประโยคง่ายๆที่พูดซ้ำๆว่า "นาย เธอโอเคมั้ย" ที่เหมือนจะตั้งใจให้มีรอยยิ้มแต่หลังรอยยิ้มมีความสะท้านข้างใน เพราะบางครั้งการมองเข้าไปในดวงตาอาจสามารถอธิบายได้กว่าคำพูดหมื่นล้านคำ และบทหนังเรื่องนี้ออกมาเป็นเช่นนั้นด้วยการเล่าเรื่องที่ไม่ต้องเน้นชั้นเชิงมากมาย เลือกที่จะเล่าแบบง่ายๆไม้ต้องซับซ้อนไม่ยากต่อการคาดเดา แต่ในความง่ายคือความยากที่จะเล่นกับอารมณ์ผู้ชมให้ได้ไปตลอดทาง และสิ่งที่กล่าวมาข้างต้นสามารถทำให้หนังเรื่องนี้ไปถึงจุดนั้นได้ เพราะอารมณ์ผู้ชมจะคุกรุ่นข้างในตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้ยินเสียงเคี้ยวขนมไปจนถึงเสียงปืนนัดสุดท้ายในวินาทีสุดท้ายและไม่เคยลดระดับลง มันคือการทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยมของบทที่ละเอียดละเมียดที่มีเป้าหมายเล่นงานอารมณ์ผู้ชม คล้ายดั่งกำหัวใจผู้ชมไว้ในอุ้งมือแล้วค่อยๆบีบเบาๆด้วยความที่กล้าจะหักหาญน้ำใจผู้ชม เลยยิ่งทำให้อารมณ์ผู้ชมยิ่งไปไกลสุดกู่เมื่อบีบจนได้ที่ก็ให้รางวัลกับผู้ชมในสิบนาทีสุดท้ายที่เป็นไฮไลต์ของเรื่องที่ว่าด้วยชีวิตที่ไร้จุดหมาย ความแค้นที่ต้องคิดบัญชี ซึ่งมันมาจากค่ำคืนที่เงียบงันและมืดหม่นที่คนสองคนได้สัมผัสกันด้วยใจ แน่นอนว่าเมื่อกล้าทำร้ายจิตใจก็กล้าให้รางวัลและมันมาได้อย่างสาแก่ใจ แม้วถึงที่สุดผลของการกระทำจะตามมาทันแต่เมื่อในใจไม่มีอะไรติดค้างก็ไม่มีอะไรต้องคาในใจ จึงพร้อมเผชิญหน้ากับความตายได้เร็วขึ้นที่มืดมีมุมสว่างที่สว่างย่อมมีมุมมืด และคนดีที่อยู่ผิดที่ผิดเวลากับการเสนอความรุนแรงเลือดสาดกระเซ็น เมื่อหนังเลือกที่จะเล่นกับอารมณ์ผู้ชมแล้วแต่หากจะเสนอฉากแอ็กชันฉากฟันแทงกับแบบหน่อมแน้มก็คงจะไปไม่สุด สิ่งที่เห็นคือการจัดเต็มความรุนแรงมาเต็มที่ด้วยความดุเดือด ดิบสะใจคอหนังสายโหดแบบเลือดสาดหรือมีดปักคาอยู่ที่คอ เพราะต้องการดึงอารมณ์ผู้ชมไปให้ไกลที่สุด ยิ่งไปไกลมากก็ยิ่งสาแก่ใจมากเมื่อถึงบทสรุปสุดท้าย แต่ก่อนจะถึงจุดนั้นหากจะไล่เรียงกันคงมองเห็นคนดีที่อยู่ผิดที่ผิดเวลาเมื่อคนอย่างแทกูเป็นลูกน้องของมาเฟียชั้นต่ำอย่างประธานยางและหนังได้เสนอแทกูในอีกมุมให้สัมผัสตั้งแต่ต้นแล้ว และแม้งานที่แทกูทำจะดูเป็นคนไม่ดีแต่ไม่ได้ทำลายความดีที่มีข้างในเมื่อแทกูสามารถทำเพื่อแจยอนได้เท่าที่คนอย่างเขาทำได้ และเหมือนกับแทกูคือคนดีที่อยู่ผิดที่ผิดเวลาแต่แจยอนก็คือคนดีที่ไร้พลังการมีชีวิตแต่การได้สัมผัสอีกมุมของคนที่ดูเย็นชาและอาบไปด้วยเลือดของแทกู แม้สักเพียงวูบเดียวหรือชั่วความคิดเดียวในเวลาที่เหลืออยู่ก็ได้ตัดสินในที่จะใช้มันเพื่อคิดบัญชี ด้วยแสงสียามค่ำคืนที่มืดหม่นและความเป็นหนังฟิล์มนัวร์ลายเซ็นของพัคฮุนจอง เหมือนกับจะสื่อถึงข้างในของคนสองคนที่ไม่เหลือแสงสว่างและเต็มไปด้วยความหมองหม่น เมื่อแทกูก็ไม่เหลือใครอีกแล้วในชีวิตและแจยอนก็เหลือเวลาเพียงน้อยนิดที่จะมีชีวิตอยู่ มันจึงกลายเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีที่จุดให้ไฟปะทุและรองรับการตัดสินใจครั้งสุดท้ายได้อย่างมีน้ำหนัก แต่เมื่อหันมาอีกทางคือประธานมาที่เป็นนักเลงจริงที่มีความเป็นลูกผู้ชาย กล้าคิดบัญชีก็กล้าชดใช้เหมือนกับมีความดีอยู่แม้เพียงเศษเสี้ยว แต่ด้วยวิถีก็ทำได้เท่าที่ต้องทำแม้อาจมองว่าเป็นความผิดพลาดแต่นั่นคือการรักษาค่ำมั่นในฐานะนักเลง แต่มนุษย์อาจมีทั้งมืดและสว่างไม่เท่ากันเหมือนแดนสวรรค์ยังมีมุมที่เงียบงันและมืดมิด แต่เมื่อมีแสงต้องมีเงาเพียงแค่แสงหรือเงาที่จะมีมากกว่ากันการแสดงที่เรียบง่ายแต่มองเห็นด้วยตาและใจสัมผัสด้วยใจความฉลาดอีกอย่างคือการไม่ให้สัมผัสได้ถึงความรักให้ชัดเจน มีบ้างที่อาจแอบคิดแต่หากมองเข้าไปจริงๆแล้วมันคือมิตรภาพที่คนสองคนที่ไร้จุดหมายในชีวิตสามารถสัมผัสใจของอีกฝ่ายได้ และมันเป็นไปอย่างมีขั้นตอนและพัฒนาการเพราะบทที่เนี้ยบละเอียดทุกอณูตั้งธงไว้ ด้วยการแสดงในระดับที่เรียกว่าคู่ควรของออมแทกูกับจอนยอบินที่ทำให้ผู้ชมสัมผัสได้เช่นเดียวกันกับที่คนทั้งคู่สัมผัสกันด้วยใจ ไม่ว่าใครจะมองยังไงแต่ผู้เขียนมองว่าดีแล้วที่ไม่ให้เห็นเส้นความรักเพราะถ้าหลุดไปทางนั้นหนังจะเสียทรง และเท่าที่เป็นอยู่ที่เป็นมิตรภาพระหว่างคนสองคนที่ไม่รู้จะมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร ชัดเจนเรื่องของมิตรภาพที่อุ่นระอุด้วยบทที่มีความเป็นมนุษย์ทำให้ตัวละครของทั้งสองคนออกมาเป็นมนุษย์ธรรมดา ด้วยการแสดงที่ต้องให้ผู้ชมรู้สึกได้ว่านี่คือคนธรรมดาหนึ่งคือนักเลงอันธพาลมือหนึ่งที่เจ็บได้เลือดไหลเป็น อีกหนึ่งคือหญิงสาวผู้ไร้พลังชีวิตเพราะเวลาชีวิตกำลังนับถอยหลัง เมื่อคนสองคนที่ไม่คล้ายก็เหมือนคล้ายได้มาอยู่ท่ามกลางความเหตุการณ์ที่ไร้ทางออก ท่ามกลางบรรยากาศที่สวยงามเงียบงันหม่นหมองจึงไม่ยากที่ใจจะสัมผัสกันได้ ซึ่งการแสดงของคนทั้งสองอยู่ในระดับเชื่อได้ทั้งหมดใจ ทั้งในความเป็นตัวตนของตัวละครและมิติเชิงความสัมพันธ์ การแสดงที่ไม่ต้องเล่นเกินเบอร์แต่สัมผัสได้ในแววตาและภาษากาย และความเยี่ยมมันอยู่ที่การเป็นแกนกลางคู่กันของทั้งสองคนในการอธิบายความหมายของ Night In Paradise ได้อย่างเบ็ดเสร็จ ไม่มีใครเด่นกว่าแม้ว่าถึงที่สุดคนใดคนหนึ่งจะกลายเป็นบทสรุป แต่เมื่อทุกนาทีที่ผ่านมาคนหนึ่งได้สร้างน้ำหนักให้อีกคนหนึ่งได้อย่างเต็มที่มันจึงเป็นการแสดงที่ต้องจดจำส่วนอีกคนที่ต้องเอ่ยถึงคือพัคชานโฮที่ไม่เหลือสภาพคุณลุงใจดีใน My Mister เหลืออยู่เลย เปลี่ยนสีได้อย่างต้องทึ่งเมื่อกลายเป็นคนที่จิตใจต่ำช้าได้อย่างน่ารังเกียจ ส่วนที่ต้องพูดถึงอย่างเต็มที่คงเป็นป๋าชาซึงวอนที่มาแบบน่าเกรงขามในการแสดงที่ดูเป็นมาเฟียที่เป็นนักเลงจริง ลูกผู้ชายตัวจริง กล้าทำกล้ารับ กล้าฆ่าก็กล้าตาย การแสดงทางสีหน้าแววตาภาษากาย หรือแม้กระทั่งการพูดจา เอาตามจริงคือน่าเกรงขามจนผู้ชมคงคิดว่าไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคนคนนี้เลย และทุกครั้งที่ขึ้นจอแม้จะเป็นการนั่งเฉยๆพลังดาราของป๋าชาจะทำงานด้วยการดึงดูดสายตาผู้ชมอย่างน่าประหลาด และมันคือการแสดงที่แข็งแรงที่สุดเรื่องหนึ่งจนให้ผลลัพธ์ในระดับที่อารมณ์ผู้ชมไม่เคยมอดดับในทุกนาทีนี่คือหนังที่ดูเอาบันเทิงก็สาสมใจดูเอาคุณภาพก็ได้ในระดับยอดเยี่ยม แต่หนังอาจไม่เหมาะกับคนที่ไม่ถูกจริตกับความรุนแรงหรือคนที่จิตตก เพราะหนังไม่ได้มีมุมสว่างให้เห็นด้วยความที่เป็นหนังแก๊งสเตอร์ฟิล์มนัวร์ และยังเล่าถึงความสัมพันธ์ของคนสองคนที่ไร้จุดหมายในการใช้ชีวิต ตลอดเวลาที่หนังเดินไปหนังมีอารมณ์ที่หมองหม่น อึดอัด ดำดิ่ง ไร้ทางออก แม้จะได้ใจผู้ชมในอารมณ์ร่วมในระดับสูงสูดแต่แม้จะเอาใจช่วยก็ยังมองไม่เห็นทางออก กระนั้นหนังก็ยังมีอารมณ์ขันให้ได้ยิ้มบ้างระหว่างทางแต่หลังรอยยิ้มนั้นก็เหมือนกับการมองผ่านเรื่องระรื่นตาชั่วครู่ก่อนที่จะพบความจริงที่มืดมิดเช่นเดิม และอารมณ์ขันที่ใส่มานั้นจึงมาเป็นส่วนเสริมให้มิติความสัมพันธ์ของตัวละครลึกซึ้งยิ่งขึ้น ซึ่งมันคือความยอดเยี่ยมที่จะทำให้เวลาสองชั่วโมงที่นั่งชมผ่านไปแบบรวดเดียวจบ และไม่ได้เหลือบมองเข็มนาฬิกาเพราะจดจ่อกับเรื่องราวข้างหน้าส่วนถ้าว่ากันที่ความบันเทิงหนังมีความดุเดือด ดิบ แต่ไม่ซับซ้อนหรือเดายากแบบฉบับหนังเกาหลียุคใหม่ก็ทำให้หนังเดินหน้าไปได้เรื่อยๆ แถมด้วยเมื่อจะเอามันส์ก็ยังทำได้จนลุ้นระทึก ออกมาสนุกกว่าหนังขายแอ็กชันเต็มที่บางเรื่องทำได้เสียอีก นั่นอาจเป็นเพราะเรื่องเดินมาถึงแต่ละจุดได้อย่างมีเนื้อมีหนัง ไม่มีคำถามใดๆในใจผู้ชมที่ตั้งใจดูทุกวินาทีต่อเวลาที่ล่วงผ่าน จึงมองได้ว่าถ้าจะดูเพื่อความบันเทิงเรื่องนี้ก็สาสมใจ ส่วนถ้าจะดูเอาคุณภาพก็อยู่ในระดับยอดเยี่ยมด้วยบทที่ไร้ริ้วรอย บทที่ตั้งธงไว้ว่าจะเล่าเรื่องของสองคนบนทางใจคือแทกูกับแจยอนที่มีพื้นฐานทางตัวละครที่ต่างกัน แต่ต่างก็ทุกข์ทนกับการสูญเสียสิ่งที่ยึดเหนี่ยวใจไปจนกระทั่งไร้จุดหมายในการมีชีวิต แล้วให้คนทั้งคู่มาผูกสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้ง และให้เหตุการณ์ความขัดแย้งกันของแก๊งมาเฟียมาเป็นปัจจัยที่ตกกระทบต่อความรู้สึกอันส่งผลให้ตัวละครทั้งสองคนที่เป็นตัวหลักตัดสินใจที่จะทำเรื่องราวบางประการ และการเสนอแบบเล่นกับอารมณ์คนดูได้ถึงใจเลยทำให้จิตผู้ชมจดจ่อไปกับหนัง แม้อาจจะมีบ้างที่งานด้านภาพและบรรยากาศอาจทำให้พลันคิดถึงหว่องกาไวเล็กๆ แต่เมื่อมองในภาพรวมทั้งหมดนี่คืองานที่เป็นเอกลักษณ์ของเกาหลีที่มีบทชั้นดีเป็นสารตั้งต้น แล้วเล่าเรื่องตามเจตนารมณ์ของบทอย่างเคร่งครัด การเสนอภาพความรุนแรงที่จัดเต็ม ความเงียบและบรรยากาศที่ขับเน้นความเร้าใจ จึงทำให้หนังเรื่องนี้ออกมาสมบูรณ์และสมดุลกันในความบันเทิงที่มาคู่กับคุณภาพ และเป็นอีกครั้งที่งานจากเกาหลีมีเอกลักษณ์และคุณภาพคับจอ และนี่คือหนังดีที่ควรดูซ้ำดูไปบ่นไปNETFLIXขอบคุณภาพประกอบภาพปก / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 / ภาพที่ 6 / ภาพที่ 7 / ภาพที่ 8 / ภาพที่ 9 / ภาพที่ 10 / ภาพที่ 11 จาก Instagram netflixkrภาพที่ 1 จาก Facebook Netflixเกาะติดซีรีส์เรื่องใหม่ ๆ ได้ที่ App TrueID โหลดฟรี !