รีวิว Guardians of the Galaxy Volume 3 (รวมพันธุ์นักสู้พิทักษ์จักรวาล 3) การปิดไตรภาคที่ครบรสทุกอารมณ์ ทั้งความตลกโปกฮาและดราม่าเคล้าน้ำตา บทความรีวิวนี้ ถูกเขียนขึ้นมาจากความรู้สึกส่วนตัวของผม หากผิดพลาดประการใด หรือไม่ถูกใจใครต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ แต่ก่อนจะมาเริ่มการรีวิวเรามาดูเรื่องย่อกันก่อนดีกว่าเรื่องย่อ Guardians of the Galaxy Volume 3 (รวมพันธุ์นักสู้พิทักษ์จักรวาล 3)ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาคต่อจาก Guardians of the Galaxy (2014) และ Guardians of the Galaxy Vol. 2 (2017) ซึ่งในภาคนี้ผู้ชมจะได้ติดตามการผจญภัยครั้งสุดท้ายของทีม Guardians ที่ในครานี้พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับวายร้ายสติเฟื่องคนใหม่อย่าง The High Evolutionary (รับบทโดย Chukwudi Iwuji) ชายผู้มีอดีตอันดำมืดเกี่ยวโยงกับ Rocket Raccoon (พากย์เสียงโดย Bradley Cooper) นอกจากนี้แฟนๆ จะยังได้พบกับ Adam Warlock (รับบทโดย Will Poulter) หนึ่งในตัวละครที่โด่งดังและทรงพลังอย่างมากในฉบับคอมมิคที่จะปรากฎตัวออกมาครั้งแรกในภาพยนตร์เรื่องนี้ โดยท้ายที่สุดแล้วเรื่องราวการพิทักษ์จักรวาลในครั้งนี้จะจบลงอย่างไร และตัวละครใหม่อย่าง Adam Warlock จะอยู่ฝั่งดีหรือฝั่งร้ายนั้นทุกคนต้องไปรับชมกันด้วยตาตัวเอง Guardians of the Galaxy Volume 3 (รวมพันธุ์นักสู้พิทักษ์จักรวาล 3) ฉายแล้ววันนี้ทุกโรงภาพยนตร์ตัวอย่าง Guardians of the Galaxy Volume 3 (รวมพันธุ์นักสู้พิทักษ์จักรวาล 3)รีวิว Guardians of the Galaxy Volume 3 (รวมพันธุ์นักสู้พิทักษ์จักรวาล 3) สำหรับใครที่เคยอ่านรีวิวของผมมาก่อน คงจะพอรู้ว่าผมมักจะเขียนรีวิวเป็นแพทเทิร์นเดิมๆ แต่หลังจากนี้ผมจะเปลี่ยนการเขียนแบบใหม่ โดยจะสรุปแบบสั้นๆ เป็นภาพรวมกันในย่อหน้าแรกของการรีวิว จากนั้นย่อหน้าที่เหลือจะเป็นประเด็นต่างๆ ที่ผมอยากหยิบยกมาพูดถึง และเพื่อไม่เป็นการเสียเวลาเรามาเริ่มรีวิวกันเลยดีกว่า สำหรับภาพรวมของภาพยนตร์เรื่องนี้ ส่วนตัวผมค่อนข้างชอบพอสมควร ตัวหนังใส่ครบมาทุกอารมณ์ ไม่ว่าจะเป็นความบันเทิงตลกโปกฮาของทีม Guardians อันเป็นเอกลักษณ์สำคัญของแฟรนไชส์นี้ ฉากแอ็คชั่นที่ยิ่งใหญ่อลังการ ไปจนถึงปมดราม่ากระแทกใจที่อาจทำให้ใครหลายคนเสียน้ำตา แต่ถึงอย่างนั้นตัวหนังก็ไม่ดีงามไร้ที่ติ (แต่เกือบแล้ว) นั่นเป็นเพราะบทสรุปในตอนท้ายยังคงเป็นสูตรสำเร็จเกินไปจนไร้ความหวือหวา อย่างไรก็ตาม ถึงผมจะบอกว่าบทสรุปมันเบาไป แต่เมื่อนำไปรวมกับเรื่องราวทั้งหมดใน 3 ภาค บทสรุปนี้เองก็น่าประทับใจและน่าจดจำไม่น้อยเช่นกัน ผมจึงขอยกให้แฟรนไชส์นี้เป็นหนึ่งในไตรภาคที่ดีที่สุดของ MCUการเล่าเรื่องและสไตล์อันจัดจ้านของ James Gunn ที่ยังคงครองใจคนดูไว้ได้เสมอปฏิเสธไม่ได้เลยจริงๆ ว่าแฟนๆ ส่วนใหญ่ของ MCU ต่างก็พากันหลงรักสไตล์การกำกับของ James Gunn [รวมผมด้วย] นับตั้งแต่ภาคแรกจนภาคล่าสุดนี้ Gunn ยังคงสามารถรักษามาตรฐานของตัวเองเอาไว้ได้ดี แม้ว่าในภาคนี้จะมีตัวละครและเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมายจนอาจดูสะเปะสะปะไปบ้าง แต่ตัวผู้กำกับเองกลับสามารถนำทุกอย่างมายึดโยงกันจนได้บทสรุปที่สวยงาม ทว่าไม่ใช่แค่เพียงบทเท่านั้นที่ทำออกมาได้ดี เพราะทั้งเพลงประกอบทุกเพลงที่ใช้ การออกแบบตัวละคร ฉากทั้งหมดในเรื่อง ไปจนถึงการใส่มุขตลกเกรียนๆ ตามสไตล์ของเขา ทุกอย่างล้วนนำมาผสมกันได้อย่างกลมกล่อมและพอเหมาะพอดีไปหมด ส่วนตัวผมชอบฉากเปิดของเรื่องที่สุดตอนที่ Rocket เดินมานั่งเหงาๆ ตรงบันไดพร้อมกับเพลง Creep ของวง Radiohead ในฉบับ Acoustic เพลงที่เลือกมานี้มันเหมาะจนทำเอาผมขนลุกได้จริงๆ นอกจากนี้ฉากแอ็คชั่นท้ายเรื่องเองก็ยังสเกลใหญ่ขึ้นและดูยิ่งใหญ่มากๆ ฉากทุกฉากมันเต็มไปด้วยจินตนาการที่เหลือล้นของผู้กำกับ ส่วนตัวชอบฉากตอน Nebula, Mantis และ Drax เจอกับเหล่าสัตว์ประหลาดยักษ์มากๆ ฉากนั้นให้อารมณ์เหมือนหนังสยองขวัญที่เราไม่ค่อยพบเห็นได้บ่อยนักในจักรวาล MCU พัฒนาการของตัวละครที่ชัดเจน บทสรุปอันน่าจดจำ และพระเอกคนใหม่ที่คาดไม่ถึงอย่างที่ทุกคนรู้กันว่าภาคนี้จะเป็นการปิดไตรภาคของทีม Guardians และหนึ่งในหัวใจสำคัญที่หนังปิดไตรภาคทุกเรื่องต้องมีก็คงหนีไม่พ้นบทสรุปทุกอย่างหลังจากผ่านมา 3 ภาค ซึ่งต้องยอมรับว่า James Gunn ทำได้ดีมากๆ สิ่งที่ผมชอบคือการนำเสนอให้เราได้เห็นพัฒนาการที่ชัดเจนและบทสรุปของตัวละครทุกตัวในทีม ทั้ง Star-Lord ที่มีปมในใจเรื่องครอบครัวและความรักก็ได้ปลดล็อคในภาคนี้, Nebula ผู้โกรธเกรี้ยวที่ดูจะแฮปปี้และมีความรู้สึกมากขึ้น, Drax ที่เป็นตัวฮามาตลอดก็ได้เผยมุมมองใหม่ๆ ออกมาให้เราได้เห็น, Gamora จากอดีตที่จำอะไรไม่ได้ก็เริ่มเผยความดีงามออกมา Groot ที่โตขึ้นพร้อมกับพลังใหม่, Mantis ที่เติบโตขึ้นและเลือกเส้นทางของตัวเอง สุดท้ายที่ขาดไม่ได้เลยคือ Rocket ตัวละครที่เป็นเหมือนพระเอกในภาคนี้ ส่วนตัวผมชอบมากๆ ที่ภาคนี้โฟกัสไปที่อดีตอันดำมืดของตัว Rocket เพราะก่อนหน้านี้เราจะได้เห็นมุมที่เขาตลกโปกฮามาตลอด ซึ่งยอมรับว่าเขาขยี้ดราม่าได้ไปสุดจริงๆ บทมันดีจนสามารถทำให้ตัวละครจาก CGI อย่าง Rocket ทำให้ผู้ชมเสียน้ำตาตามได้ จากตอนต้นเรื่องที่ร้องเพลง Creep [แปลว่าตัวประหลาด] ก้าวสู่การเป็นผู้นำในตอนท้ายเรื่อง มันเป็นการเติบโตของตัวละครที่อาจจะดูจำเจแต่ดูกี่ครั้งก็กินใจ อย่างไรก็ตาม รีวิวทั้งหมดนี้เป็นเพียงความรู้สึกส่วนตัวเท่านั้น ผมชอบไม่ได้แปลว่าทุกคนจะชอบ ทางที่ดีที่สุดคือทุกคนต้องไปรับชมและตัดสินมันด้วยตาตัวเองในโรงภาพยนตร์สุดท้ายนี้ ฝากกดแชร์ และกดติดตามด้วยนะครับชื่อเรื่อง: Guardians of the Galaxy Volume 3 (รวมพันธุ์นักสู้พิทักษ์จักรวาล 3)ประเภท: แอ็คชั่น, คอมเมดี้, ผจญภัยความยาว: 149 นาทีระบบเสียง: บรรยายไทยและเสียงไทยช่องทางการรับชม: วันนี้ทุกโรงภาพยนตร์ช่องทางอื่นๆ ในการติดตาม ละเลงหนังFacebook Fanpage : ละเลงหนังกลุ่มสำหรับพูดคุยเรื่องหนัง : พูดคุยเรื่องหนังทุกเรื่องบนโลก By ละเลงหนังบทความอื่นๆของ ละเลงหนัง :รีวิว ยอดนักสืบจิ๋วโคนันเดอะมูฟวี่ 26 มฤตยูใต้น้ำทมิฬ ภาคพิเศษที่ดีงามรีวิว Hidden Blade โค่นคมพยัคฆ์ หักเหลี่ยมลับเฉือนคมในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 หนังจีนโคตรดีที่ไม่ควรมองข้าม!รีวิว Hunger (คนหิว เกมกระหาย) หนังไทยยอดฮิตติดกระแสที่มีทั้งดีและแย่ปะปนกันไปรีวิว Renfield (เรนฟิลด์) การกลับมาของ Nic Cage ในหนังแวมไพร์เลือดสาดสุดกาวที่โคตรจะบันเทิงเริงรมย์รีวิว CITADEL (ซิทาเดล) ซีรีส์สายลับสืบสวนสุดมันส์ของพี่น้อง Russo หนึ่งในผลงานที่คอแอ็คชั่นไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง!ภาพทั้งหมดจาก Facebook: Guardians of the Galaxyภาพปก: ภาพที่ 1 ภาพประกอบ: ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 วิดีโอ: ตัวอย่างใหม่ Marvel Studios’ Guardians of the Galaxy Vol.3 | รวมพันธุ์นักสู้พิทักษ์จักรวาล3 [ซับไทย] จาก Youtube: Major Groupคอมมูนิตี้โลกคนรักหนัง ห้องหวีดซีรีส์ดังออกใหม่มาแรง ป้ายยาหนังดีหนังโดน