ใครที่ชื่นชอบดูการ์ตูนแอนิเมชั่นขอให้ยกมือขึ้น ! ฮั่นแน่เชื่อว่าหลายคนก็คงจะชอบดูแนวนี้กันไม่น้อยเลยใช่ไหมล่ะคะ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วหากพูดถึงการ์ตูนมักจะมีแต่ความสนุกสนาน แต่ว่าวันนี้อยากจะมารีวิวการ์ตูนแอนิเมชั่นของญี่ปุ่นเรื่อง สุสานหิ่งห้อย (Grave of the Fireflies) ค่ะ ที่มีเนื้อหาค่อนข้างหดหู่ และสะเทือนใจไม่น้อยเลย หากใครที่ค่อนข้าง Sensitive อาจจะดูต่อจนจบไม่ไหว ซึ่งเรื่องนี้ถูกนำมาฉายในโรงภาพยนตร์ตั้งแต่ปี 1988 ซึ่งออกอากาศมานานแล้วค่ะเรื่องย่อสุสานหิ่งห้อย (Grave of the Fireflies) จะเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ในเมืองโกเบ ประเทศญี่ปุ่น ที่ถูกศัตรูนำระเบิดถล่มลงมาที่เมืองอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ประชาชนต่างต้องวิ่งหนีเอาตัวรอดกันให้วุ่นเลยล่ะค่ะ ทั้งบ้านเรือนและทรัพย์สินของแต่ละคนแทบไม่มีชิ้นดี ตัวละครหลักคือ เซตะ ผู้เป็นพี่ชายอายุ 14 ปี และ เซซึโกะ น้องสาวอายุ 4 ปีหลักจากสูญเสียแม่ที่ถูกไฟคลอกจนตาย และพ่อซึ่งเป็นนายพลทหารเรือถูกสั่งให้ออกไปรบและกองกำลังแพ้สงคราม ทำให้สองพี่น้องคู่นี้ต้องไปอาศัยบ้านป้าโดยมีสมบัติของแม่ติดตัวมาด้วยเพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้นค่ะ ซึ่งเริ่มแรกป้าก็ต้อนรับและเอาใจใส่พวกเขาเป็นอย่างดี แต่นานวันเมื่ออาหารเริ่มร่อยหรอทำให้ป้าเริ่มอารมณ์เสียบ่อยขึ้น และมักพูดจาไม่ดีใส่เซตะอยู่บ่อยครั้ง ป้านำสมบัติของแม่เขาออกไปขายจนหมด กลายเป็นความกดดันที่ทำให้เขาทนไม่ไหวจึงตัดสินใจพาน้องสาวออกไปใช้ชีวิตตามลำพัง จนทั้งคู่ได้ไปอาศัยอยู่ในเหมืองซึ่งมีแม่น้ำเล็ก ๆ อยู่ข้างหน้า เซตะและซึเซโกะใช้ชีวิตอย่างยากลำบากมาก มีเพียงเสื้อผ้าเก่า ๆ ไม่กี่ชิ้น ให้ห่มพอคลายหนาวได้บ้าง เมื่อหมดสิ้นทุกอย่างทั้งเงินอันน้อยนิดและอาหาร ทำให้เซตะต้องแอบไปขโมยพืชและผลไม้จากสวนของชาวบ้านในละแวกนั้น หรือแม้กระทั่งเก็บแมลง และขยะที่หลงเหลือมากินประทังชีวิตไปก่อน จนกระทั่งน้องสาวของเขาเริ่มมีอาการป่วยและค่อย ๆ หมดลมหายใจไปในที่สุด ทำให้เซตะเสียใจมากและไม่นานนักด้วยความอ่อนเพลียและขาดสารอาหารรุนแรง ทำให้เขามีช่วงสุดท้ายของชีวิตที่ไม่ต่างจากน้องสาวเช่นเดียวกันค่ะรีวิวความคิดเห็น ให้คะแนน 9/10ถือว่าเป็นการ์ตูนแอนิเมชั่นที่ดูแล้วสะเทือนใจมากเลยค่ะ แอบน้ำตาซึมกันเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าสงครามโลกครั้งที่สองจะผ่านมานานมากแล้ว แต่ก็ยังสร้างบาดแผลในจิตใจให้กับผู้ที่เคยผ่านช่วงเวลานั้น ซึ่งเรื่องนี้ก็ทำให้สะท้อนถึงความยากลำบากในช่วงนั้นได้เป็นอย่างดีเลยล่ะค่ะ ว่าผู้คนต้องพบกับความอดอยาก หิวโหย ไม่มีที่อยู่เป็นหลักเป็นแหล่ง สูญเสียอันบริสุทธิ์ชีวิตไปมากมาย ที่น่าสงสารมากเลยก็คือตัวเอกของเรื่องค่ะ เซตะ และ ซึเซโกะ ที่ควรจะได้ใช้ชีวิตวัยเด็กให้สนุกสนานอย่างเต็มที่ แต่กลับต้องอดมื้อกินมื้อ ไปเผชิญชะตาชีวิตกันตามลำพังโดยที่ไม่รู้เลยว่าวันข้างหน้าจะเป็นยังไงต่อไป… และนอกจากนี้แล้วยังบ่งบอกได้อย่างดีเลยว่าในสภาวะสงคราม แต่ละคนต่างต้องเอาตัวรอดกัน ถึงแม้ว่าเซตะและซึเซโกะจะเป็นเด็ก แต่คุณป้าของพวกเขาก็ยังไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่กับการต้องเลี้ยงเด็กทั้งสอง เพราะทำให้อาหารและเสบียงที่มีอยู่หมดเร็วนั่นเองค่ะ ขึ้นชื่อว่าสงครามคงไม่ทำให้เกิดผลดีต่อใครอย่างแน่นอนค่ะ แหล่งที่มาภาพ: