Movie Review Hijack 1971 (2024) เล่าเรื่องจริงอิงบันเทิงได้อย่างสมใจตื่นเต้นเร้าใจลุ้นระทึกที่อาจเหมือนเคยเห็นได้ทั่วไปแต่เมื่อใส่หัวใจลงไปเลยกลายเป็นความต่าง รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! บางครั้งมันจะมีหนังบางเรื่องหรือบางแนวที่คนเราจะดูโดยไม่ต้องคิดเพราะจริตมันตรงกันอย่างผู้เขียนนี่คือถ้าเป็นหนังดราม่านี่คือไม่ต้องคิดติดแค่ว่าด้วยวัยและอายุอานามที่มากขึ้นทำให้บางอย่างเปลี่ยนไป เพราะในปัจจุบันยอมรับว่าผู้เขียนมีเวลาดูหนังดูซีรีส์น้อยลงจึงเลือกดูที่อยากดูหรือที่สนใจเท่านั้นด้วยเหตุผลที่ไม่สามารถดูสะบั้นหั่นแหลกดูไปหมดไม่สนว่าหนังจะดีจะห่วย หรือเรียกง่ายๆว่าดูเพื่อสนองความสุขของตัวเองล้วนๆซึ่งมันควรจะเป็นแบบนั้นเพราะเคยผ่านประสบการณ์จากการทำงานที่ต้องดูงานที่ได้รับมอบหมายให้ดูเพื่อมาวิจารณ์ ซึ่งบางเรื่องมันไม่ใช่ทางงานเขียนก็ออกมาไม่สะเด็ดน้ำเพราะมองภาพบางอยางไม่ชัดแต่ตอนนี้ที่ผันตัวมาเป็นเกษตรกรที่ชอบดูหนังดูซีรีส์ก็ได้สนองความต้องการของตัวเองเต็มเหนี่ยว อย่างหนังเรื่องต่อไปนี้สาบานได้เลยว่าเอาจริงผู้เขียนเอียนกับหนังจี้เครื่องบินมานานพอดูแล้วแหละแต่ที่เลือกดูเรื่องนี้เพราะเป็นหนังเกาหลี ด้วยความที่ชอบหนังดราม่าทำให้ต้องดูหนังเกาหลีเพราะเกาหลีเขามีดีที่บทเด่นเน้นดราม่าเลยน่าจะเข้าทางมั้งนะ แทอิน (ฮาจองอู) คืออดีตนักบินรบที่การตัดสินใจด้วยมนุษยธรรมของเขาที่ไม่ยิงเครื่องบินที่ถูกจี้ให้บินเข้าเกาหลีเหนือทำให้มีเหตุการณ์สะเทือนใจตามมานอกจากเขาจะยังต้องถูกปลดประจำการ เขาจึงมาเริ่มงานเป็นนักบินผู้ช่วยในสายการบินพาณิชย์ในปี 1971 ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นของธุรกิจการบินของเกาหลีที่การเดินทางโดยเครื่องบินเป็นเรื่องที่ตื่นเต้น เขาได้ร่วมงานกับนักบินมือเก๋าที่เป็นรุ่นพี่ในกองทัพคือกัปตันคยูซิก (ซองดงอิล) ร่วมกับพนักงานต้อนรับบนเครื่องอ๊กซุน (แชซูบิน) และชางแบ (มุนยูคัง) ตำรวจบนเครื่องบินที่มีหลังจากเหตุการณ์จี้เครื่องบินครั้งก่อน แต่แล้วเที่ยวบินที่กำลังจะพาผู้โดยสารที่หลากหลายไปยังกรุงโซลกลับมีผู้โดยสารหนึ่งคนที่ต้องการจะไปเกาหลีเหนือเพื่อเป็นฮีโร่คนคนนั้นคือยองแด (ยอจินกู) แน่นอนการจี้เครื่องบินเกิดขึ้นหลังจากเครื่องเหินฟ้าจากการก่อการของยองแดชายผู้ถูกสังคมในประเทศบ้านเกิดทำร้าย แล้วเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไปเมื่อทุกอย่างเกิดขึ้นบนฟ้าในขณะที่ไม่สามารถติดต่อภาคพื้นได้ผู้โดยสารและลูกเรือจะรอดไปได้ยังไง เล่าเรื่องจริงอิงเรื่องแต่งได้อย่างบันเทิงสมใจกับเรื่องที่ไม่น่าจะมีอะไรให้เล่าแต่ออกมามีทุกอย่างที่พึงมีในหนังแนวนี้ จากบทหนังที่เห็นจากการบอกกันตั้งแต่แรกว่านี่คือการอ้างอิงจากเหตุการณ์จริงแต่มีการเสริมเรื่องบางอย่างให้มีความเป็นภาพยนตร์ และนั่นยิ่งทำให้บทหนังที่เป็นสารตั้งต้นของทุกอย่างของเรื่องนี้ออกมาดูดีเฉยเลยทั้งที่พล็อตเรื่องไม่มีอะไรน่าหวือหวาหัวใจ ซึ่งมันก็แค่หนังแอ็กชันทริลเลอร์ในพื้นที่แคบๆในสถานที่จำกัดไม่มีทางหนีไม่มีทางออกซึ่งก็คือบนเครื่องบินที่เอาจริงหนังประเภทนี้มีอยู่ถมถืด แค่ว่าหนังเซ็ตเหตุการณให้เป็นยุค 70 ที่ไม่มีความทันสมัยในการสื่อสารทำให้หนังจำกัดพื้นที่อยู่ในเครื่องบินบนอากาศไม่มีเรื่องของทางภาคพื้น แน่นอนเมื่อรวมเข้ากับหนังแนวเชิดชูคือการเล่าเรื่องวีรกรรมของนักบินผู้สามารถช่วยชีวิตผู้โดยสารจากวิกฤติครั้งนี้ทีมาพร้อมปูมหลังที่เล่าไม่มากแต่ก็ได้ผล ทำให้เรื่องที่ไม่น่าจะมีอะไรให้เล่าถูกความบันเทิงประดามีในหนังแนวนี้ที่รวมเรื่องดราม่าสะท้านใจมาลากให้เล่าได้จนถึงการที่สถานการณ์สร้างฮีโร่ได้ดังใจหวัง อัดสถานการณ์ความเร้าใจเข้าใส่อย่างต่อเนื่องจนเต็มไปด้วยความลุ้นระทึกตลอดเวลาแถมยังมีหัวใจที่สามารถจับใจใช้ได้เลย คงไม่ผิดนักถ้าจะบอกว่านี่คือความบันเทิงที่มีหัวใจอาจเพราะเกาหลีจะถนัดมือมากกับการใส่ดราม่าเข้าในหนังทุกแนวซึ่งอาจมีบ้างที่ประดักประเดิดแต่ไม่ใช่กับเรื่องนี้ เอาที่ความบันเทิงก่อนคือหนังมีเรื่องให้ลุ้นกันตั้งแต่เริ่มกับที่มาของตัวละครแทอินก่อนที่จะมีดราม่ามาแทรกและสลับกับความบันเทิงพื้นฐานของหนังแนวนี้เมื่อเครื่องเหินฟ้า นั่นหมายความว่าหนังอัดสถานการณ์ประดามีเข้าใส่คนดูไม่มีให้ได้พักเพราะเมื่อคิดจะพักดราม่าที่เป็นพื้นฐานที่ดีกับเรื่องราวก็จะมาคั่นกลาง สิ่งที่ตามมาคือต่อให้รู้ทั้งรู้ว่าเรื่องจะลงเอยด้วยดีแต่ความสงสัยยังจะมีอย่างแรงกล้าว่าเหตุการณ์จะพัฒนาไปถึงจุดไหน เพราะเมื่อเป็นพื้นที่ที่จำกัดสิ่งที่รู้สึกคือความอึดอัดกดดันมองไม่เห็นทางออกว่าจะรอดไปจากเหตุการณ์นี้ไปได้อย่างไร แน่นอนเมื่อนี่คือเกาหลีที่เมื่อใดที่ดราม่ามาเป็นส่วนผสมที่ลงตัวหนังจะมีหัวใจจับใจได้ทันทีและเรื่องนี้อาจมีแอบสงสารคนร้ายด้วย แม้จะเป็นการอ้างอิงจากเรื่องจริงแต่ตัวละครก็ยังเป็นตัวละครตามสูตรที่ไม่ได้มีอะไรให้แปลกตาแต่ว่าสามารถจับใจคนดูได้ เอาจริงนี่คือหนังที่เรียกว่ารวมดาราก็ยังได้เพราะนำโดยฮาจองอูนักแสดงสายภาพยนตร์เบอร์ต้นของเกาหลีประชันกับระดับพระเอกอีกคนอย่างยอจินกูที่เรื่องนี้โลกบังคับให้เขาร้าย แต่ที่น่าสนใจคือแม้จะเป็นการอ้างอิงจากเหตุการณ์จริงแต่สิ่งที่เป็นคือตัวละครก็ยังเป็นตัวละครตามสูตรยืนยันเรื่องของการเล่าเรื่องจริงที่อิงเรื่องแต่งได้เนียนตา นั่นหมายความว่าถ้าว่ากันที่มิติตัวละครหนังก็ยังไม่พ้นสูตรสำเร็จแต่ที่มันดูดีคือการเล่าเรื่องพื้นหลังที่เล่าน้อยแต่ได้มาก โดยเฉพาะเรื่องของพระเอกกับตัวร้ายที่ต่างฝ่ายต่างทำให้สงสารได้จับใจเพราะบทเล่าได้นักแสดงก็เชื่อฝีมือกันได้อยู่แล้ว ส่วนที่ว่านี่คือหนังรวมดาราก็คิดว่าบทสมทบระดับซองดงอิลร่วมด้วยระดับนางเอกที่กำลังดังเป็นพลุอย่างแชซูบิน (When The Phone Rings) ยัง...ยังไม่พอยังมีอิมเซมีที่ชื่อกำลังอยู่ในขาขึ้นกับคิมดงอุคด้วยอีกคนรวมถึงนักแสดงสมทบขาประจำที่เห็นหน้ากันเป็นประจำ ถ้าไม่ออกตัวก่อนว่านี่คือการสร้างอ้างอิงจากเรื่องจริงที่มีใส่มีตีไข่อาจกลายเป็นหนังสูตรเต็มประดาที่ยังหาได้ทั่วไปแต่ก็คล้ายมีความต่าง ถ้าจะเอาแบบเอาจริงไม่เอาใจความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนคือเนื้อหาของหนังยังเหมือนงานแนวนี้ที่พบได้ทั่วไปไม่มีอะไรใหม่เพราะลูกเล่นใดๆที่ใส่มาก็เคยเห็นมาหมดแล้ว ซึ่งสิ่งที่แน่ยิ่งกว่าแช่แป้งคืองานแนวนี้จะมีความระทึกเร้าใจในตัวเองต่อให้บทหนังอาจมาได้เพียงครึ่งๆกลางๆก็อาจจะยังดูสนุกเพราะมันคืองานตามสูตรที่ไม่ต่างจากบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แต่กับเรื่องนี้มันมีความต่างคือการเล่าเรื่องตัวบุคคลในเหตุการณ์ที่เรียกว่าเล่าได้และทำได้ดีแม้จะมีเวลาไม่เยอะแต่ทำถึงซึ่งส่วนหนึ่งต้องให้เครดิตนักแสดง และนั่นจึงทำให้คล้ายเป็นงานตามสูตรแต่ก็มีความต่างคือการวางดราม่าที่ลงตัวจนไปๆมาๆก็ไม่มีทางจะไม่สงสารเห็นใจทั้งพระเอกทั้งผู้ร้ายแถมตอนท้ายแอบมีน้ำตาซึมได้ด้วยแหละ นั่นคือต่อให้เป็นงานตามสูตรแต่ถ้าปรุงดีๆผลที่ได้จะมีความต่างเหมือนบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่มีรสต่างๆกันและที่น่าทึ่งคือมันมาจากเรื่องจริงนี่สิ ดูไปบ่นไป ขอบคุณภาพประกอบ ภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2,3,4,5,6,7 จาก Instagram kidaristudio.movie จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !