การผสมผสานความเป็นจริงและความมหัศจรรย์ในโลกของ "Shazam! Fury of the Gods"
ไม่มีอะไรยั่งยืนตลอดกาล —ซูเปอร์ฮีโร่แมรี่
มันเรียกว่าหินแห่งนิรันดร์ —ชาแซม
สำหรับภาพลักษณ์และอารมณ์ของเรื่อง “Shazam! Fury of the Gods” แซนด์เบิร์กอยากให้มีการผสมผสานระหว่างความเป็นจริงและความมหัศจรรย์ โดยมีผู้ออกแบบฉาก พอล เคอร์บี้ มาช่วยสร้างสรรค์ สำหรับเคอร์บี้จุดสำคัญคือการออกแบบฉากต้องเป็นที่น่าชื่นชมและให้เกียรติภาพที่เคยสื่ออกมาในภาคแรก
เคอร์บี้เล่าว่า “‘Shazam!’ ทำให้เราได้รับการยอมรับ และมีอิสระในการสร้างตัวละครใหม่ๆ ในการผจญภัยนี้ด้วย”
ในโลกใบนั้นเคอร์บี้รู้ดีว่ามีความเป็นไปได้สูงมาก และการออกแบบเริ่มต้นจาก “ห้องทำสงคราม” ซึ่งเป็นห้องที่เต็มไปด้วยรูปที่ใช้อ้างอิง สร้างแรงบันดาลใจ สีสัน และภาพโดยรวมจากภาคก่อน ซึ่งช่วยให้ผู้สร้างภาพยนตร์เห็นภาพจากจุดเริ่มต้นไปจนถึงจุดจบ ทำให้ทีมออกแบบสามารถจำแนกรายละเอียดแต่ละส่วนออกมาได้
หินแห่งความเป็นนิรันดร์
แม้ว่าบรรยากาศจะพัฒนาสร้างขึ้นมาตามหนังสือ แต่ก็ต้องมีการปรับให้ตรงตามยุคสมัยด้วย พื้นที่ว่างยังคงเป็นสีเทาเข้ม โดยมีการตกแต่งหินภูเขาไฟและเพิ่มบรรยากาศชวนตื่นเต้น ซึ่งยังมีความคล้ายกับบรรยากาศภาคก่อนและหน้าตาของยุคปัจจุบัน
เฮนรี่ การ์เดนเล่าว่า “หินแห่งความเป็นนิรันดร์เริ่มจากบรรยากาศที่ดูหมองเศร้าและดูเป็นลางร้าย มีพวกรูปปั้นปีศาจและมีไฟริบหรี่ เมื่อเวลาผ่านไปหลายปีเด็กๆ ทำให้ที่นั่นเป็นพื้นที่ของพวกเขามากขึ้น”
สภาของพ่อมดไม่ใช่บ้านอีกต่อไป ที่นั่นเหมือนเป็นฐานทัพลับที่ห้ามผู้ใหญ่เข้ามากกว่า เมื่อเด็กๆ เข้ายึดครองที่นั่นก็ดูน่ากลัวน้อยลง มีพลังของพ่อมดมากขึ้นและเหมือนบรรยากาศ “เด็กถูกปล่อยทิ้งให้อยู่ในบ้าน” คือเต็มไปด้วยกล่องพิซซ่าเปล่า ตู้พินบอล วีดีโอเกม เปลือกลูกอม และอะไรอีกหลายอย่าง เคอร์บี้อยากให้ที่นั่นดูมีความสนุกสนานแต่ไม่ไร้สาระจนเกินไป ตัวอย่างเช่น รูปปั้นของบาปทั้ง 7 ที่มีการตกแต่งให้ดูน่าตลก และห้องแห่งประตูที่ตกแต่งด้วยสัญลักษณ์ที่สื่อว่า “อย่ามายุ่ง”
เกรเซอร์เล่าถึงบรรยากาศนั้นว่า “หินแห่งความเป็นนิรันดร์มีความเจ๋งมาก! ฉันรักการอยู่ที่นั่นมาก มันเหมือนความฝันของเด็กเลยที่ได้อยู่ที่นั่น”
เคอร์รีย์เห็นด้วยและกล่าวว่า “ทุกที่เต็มไปด้วยลูกอม หนังสือการ์ตูน... และเก้าอี้บีนแบ็กที่แมรี่นั่งแล้วดูสบายมาก”
สิ่งที่อยู่บนหน้าจอคือสิ่งที่เป็นจุดหมายปลายทางของเบื้องหลัง โคโทรน่ากล่าว “หินแห่งความเป็นนิรันดร์เป็นที่รู้จักดีในฉากของ ‘Shazam!’ แต่ตอนนี้มันมีรูปร่างมากขึ้น และความเป็นตัวละครของเราก็ปรากฏอยู่ในที่แห่งนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นในฉากมีความสนุกสนานมาก เรามีการตั้งตู้เกมสมัยก่อนขึ้นมาในฉาก มีวีดีโอเกมและมีอาหารอยู่ทุกที่.. เราไม่เข้าไปในเทรลเลอร์ของเรานานนับอาทิตย์ตอนที่ถ่ายในฉากนั้น เพราะมันเหมือนรถเทรลเลอร์และมีทุกอย่างที่เราต้องการ”
ฉากภายนอก: อาณาจักรแห่งเทพเจ้า
หินแห่งความเป็นนิรันดร์อิงจากสีเทา และมีการใส่รายละเอียดที่ทำให้ดูมีอายุเก่าแก่ขึ้น เหมาะสำหรับจะแปลงเป็นอาณาจักรแห่งเทพเจ้า โลกที่ดูดชีวิต สีสัน และความมหัศจรรย์ ด้านหน้าจะมีต้นไม้แห่งชีวิตที่ดูรูปร่างเหมาะสม มีกิ่งก้านใบที่ขยายกว้างใหญ่ และมีรากที่ดูคล้ายขาแมงมุม เคอร์บี้ทำให้ผู้ชมได้เห็นความเป็นหยินหยางของต้นไม้ที่บางครั้งก็ดูน่ากลัว บางครั้งก็ปกป้องชีวิต ความหวังยังไม่ตาย.. หายไป
ด้านบนของ Mount Othrys เป็นซาก Temple of the Gods ที่แสดงให้เห็นถึงพื้นที่ไร้ชีวิตชีวา ผู้สร้างภาพยนตร์อิงจากภาพของเปตรา เมืองทะเลทรายที่มีหินทรายอันกว้างใหญ่ ครั้งหนึ่งที่นั่นเคยเป็นเมืองที่เจริญ มายุนานนับพันปีเหมือนกับ Temple of Gods ต่อมาที่อิงตามเปตราคือสีสันของฉากด้านนอกที่มีหินทรายพื้นเรียบ สะท้อนถึงสีของหินสมัยกรีซโบราณและเมดิเตอเรเนียน แต่พวกหินทรายนั่นดูเรียบเกินไป จนเคอร์บี้และทีมงานของเขาทำให้มันดูเก่าแก่ขึ้นในช่วงนาทีสุดท้าย ทำให้ดูเป็นโลกที่ไร้ชีวิตชีวามากขึ้น ซึ่งผู้ชมจะได้เห็นโลกที่ครั้งหนึ่งเคยมีความงดงามซ่อนอยู่ภายใต้ความเก่าแก่นั้น
ฉากภายใน: อาณาจักรแห่งเทพเจ้า
เคอร์บี้เล่าว่าฉากด้านในคือสิ่งที่ยากมาก เช่น การออกแบบห้องสมุดต้องดูไม่ผิดเพี้ยน เว้นแต่ห้องสมุดนี้อยู่ในถ้ำ พื้นที่คือสิ่งสำคัญและการออกแบบต้องสะท้อนถึงผู้ดูแลคือเหล่าเทพ เคอร์บี้พบว่าได้แรงบันดาลใจมาจากรูปทรงกรวยและหินงอก บวกกับการสร้างสรรค์ของทีมงานที่ทำให้ห้องสมุดกลายเป็นผลงานศิลปะ มีการสร้างบันไดทรงกรวยขึ้นมา มีการเพิ่มหินและหนังสือที่สร้างความรู้สึกมีพลังและความพิเศษขึ้นมา
ช่วงที่ออกแบบห้องเล็กๆ เคอร์บี้ได้แรงบันดาลใจจากเปตราอีกครั้ง การออกแบบตั้งใจว่าต้องดูน่าอึดอัด แสดงให้เห็นถึงความมืดมิดจนแทบมองอะไรไม่เห็น มีการผสมผสานของธรรมชาติกับหินแกะสลักที่ทำให้เห็นความเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา แต่นั่นคือสิ่งก่อสร้างสมัยโบราณ
ห้องแห่งบัลลังก์คือฉากโปรดของเคอร์บี้ ได้แรงบันดาลใจมาจากควีนวิคตอเรีย เคอร์บี้ออกแบบห้องเพื่อเพิ่มความหรูหราและความเป็นผู้หญิงขึ้นมา มีการตกแต่งมังกรบนบัลลังก์ สีสันที่เลือกใช้คือสีเทาและหินน้ำตาลที่มีสีบรอนซ์
ผลลัพธ์จากการออกแบบของเคอร์บี้คืความงดงาม และการผสมผสานระหว่างความจริงและจินตนาการอย่างน่าตื่นเต้น สีสันทั้งเรื่องมีตั้งสีเทา หินทรายเพิ่มรายละเอียดและความเก่าแก่ ซึ่งจะยิ่งทำให้สีสันของชุดตัวละครโดดเด่นมากขึ้น
Shazam! Fury of the Gods หรือ ชาแซม! จุดเดือดเทพเจ้า มีกำหนดเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ในวันที่ 16 มีนาคม ที่จะถึงนี้
สำหรับแฟนหนังเมเจอร์ ห้ามพลาดกับบัตรดูหนังสุดคุ้ม M PASS ที่จะทำให้คุณคุ้มเต็มอิ่มกับการดูหนังตลอดทั้งปี เตรียมไปมันส์กับกองทัพหนังดังมากมาย สมัครง่ายๆเพียงแค่คลิก ที่นี่
-------------------------------------
>> ดูหนังออนไลน์ได้ที่ Movie.TrueID <<
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับทรูไอดีสามารถเข้าไปได้ที่ TrueID Help Center เป็นช่องทางใหม่ที่ให้ข้อมูลและการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นเกี่ยวกับทรูไอดี คลิกเลย >> https://bit.ly/3xEgdAa