Series Full Review : Hospital Playlist 2 : เพลย์ลิสต์ชุดกาวน์ 2เพลย์ลิสต์แห่งสัจธรรม เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมดา ด้วยความกระจ่างใสที่บอกว่า ในเรื่องร้ายก็ยังมีเรื่องดีอยู่ข้างในNETFLIX : Season 2 12 Episodes (2021)เมื่อครั้งที่ดูไปบ่นไปตัดสินใจดูซีซันแรกของซีรีส์เรื่องนี้ที่ก็นานมากกว่าจะตัดสินใจดู ทั้งที่ก็มีคนแนะนำมาว่าเป็นงานที่อยู่ในระดับขึ้นหิ้ง แต่ด้วยความที่ผู้เขียนเองไม่ชอบภาพที่หดหู่ของการสูญเสีย หรือภาพการรักษาโรคที่สะเทือนใจจนกระทั่งมาตัดสินใจดูเรื่องนี้ที่นับว่าเป็นมุมมองใหม่ หรือว่าอาจเคยมีมาแล้วแต่ไม่ค่อยดูเรื่องคุณหมอเลยไม่ค่อยเจอก็ไม่ทราบ สิ่งที่ได้คือการมองเห็นมุมมองชีวิตในมุมที่งดงามแม้ยามที่ป่วยไข้ ซึ่งในช่วงสองปีที่ผ่านมาผู้เขียนเองก็กลายเป็นคนไข้ที่ต้องเข้าโรงพยาบาลบ่อยยิ่งทำให้มิติหลายอย่างที่ถูกบอกเล่าออกมาด้วยความเป็นมนุษย์มันเข้าไปสู่ข้างในหัวใจแต่นั่นคือก่อนที่ผู้เขียนจะดูซีรีส์ญี่ปุ่นแนวการแพทย์ที่แทบจะไม่ต่างกัน ด้วยการที่เล่าเรื่องเหมือนเป็นภารกิจที่จบในตอนมีประเด็นย่อยให้เล่าในแต่ละตอน เรื่องเกี่ยวกับคุณหมอที่เป็นหมอทั้งวิญญาณหมอซ่าส์พันธุ์เอ๊กซ์ไดมอน มิจิโกะแห่ง Doctor-X คือเรื่องนั้น ซึ่งทั้งสองเรื่องเป็นงานซีรีส์การแพทย์ที่อยู่ในระดับวางไว้บนหิ้งต่างฝ่ายต่างมีดีเพียงแต่ว่าเมื่อผู้เขียนได้ดูทั้งสองเรื่องแล้วได้ดูเรื่องนี้ก็อดคิดถึงอีกเรื่องหนึ่งในบางแง่มุมไม่ได้ และผู้เขียนเองดูเรื่องนี้ซีซันสองที่กล้าบอกเลยว่าไม่ต่างจากซีซันแรกแต่กลับไม่รู้สึกว่าดูของเก่าหรือของเดิม แต่ดูเหมือนดูเรื่องชีวิตของคุณหมอทั้งห้าคนที่เหมือนผู้ชมเป็นหนึ่งในเพื่อนสนิทในเวลาต่อมา เพราะเล่าจนบอกได้ว่าไม่มีจริงไปกว่านี้อีกแล้ว Hospital Playlist 2เรื่องย่อนี่คือเรื่องต่อจากจุดสิ้นสุดของซีซันที่แล้วแต่ชีวิตยังคงเดินไปตามเข็มนาฬิกาที่ซื่อตรง และชีวิตของแต่ละคนก็อาจไม่ได้หวือหวาดราม่าดั่งนิยายกันทุกคน ชีวิตของหมอแซซงฮวา (จอนมีโด) ศัลยแพทย์ประสาทมือหนึ่ง หมออีอิกจุน (โจจองซอก) ผู้เชี่ยวชาญการปลูกถ่ายอวัยวะ หมออันจองวอน (ยูยอนซอก) กุมารศัลย์แพทย์ผู้รักเด็กเจ้าของฉายา “พระพุทธเจ้า” ทั้งที่เป็นคาทอลิก หมอยางซอกยอง (คิมแดมยอง) สูตินรีแพทย์ผู้เงียบขรึม และหมอคิมจุนวาน (จองคยองโฮ) ศัลยแพทย์ทรวงอกผู้ปากร้ายใจดี ที่ทั้งห้าคนก็ยังคงเดินต่อไปตามเข็มนาฬิกาตามปกติวิสัย แล้วเมื่อถึงตรงนี้ทั้งห้าคนก็กลายมาเป็นอาจารย์หมอที่มีหน้าที่ความรับผิดชอบมากขึ้นในการส่งต่อความรู้และประสบการณ์ให้กับหมอรุ่นใหม่ แต่แม้จะมีความรับผิดชอบมากขึ้นหรืองานรัดตัวมากขึ้นทั้งห้าก็ยังคงกินข้าวด้วยกัน ต่อล้อต่อถียง หยอกเย้า และเล่นดนตรีด้วยกันเช่นเคย ทว่าเวลาที่ผ่านไปก็มีความเปลี่ยนแปลงในหลายๆด้าน มิติของหัวใจใครบางคนก็ได้เบ่งบานเช่นหมออันจองวอนที่กลายเป็นคนคลั่งรักต่อหมอจางคยอยุล (ชินฮยอนบิน) หรือพัฒนาการของความสัมพันธ์ของหมอยางซอกยองกับหมอชูมินฮา (อันอึนจิน) หรือกระทั่งเส้นแบ่งความเป็นเพื่อนสนิทของหมอแชซองฮวากับหมออีอิกจุนที่ถูกขีดเส้นไว้ และความรักที่ต้องซ่อนเร้นต้องต่อสู้กับการอยู่ไกลของหมอคิมจุนวานกับอีอิกซุน (ควักซุนยอง) น้องสาวเพื่อน ด้วยการฉายภาพเดิมของการทำงานของเหล่าคุณหมอในโรงพยาบาล ที่แม้จะเล่าเรื่องเหมือนไม่ต่างจากเดิมแต่ทุกนาทีในทุกตอน ก็คล้ายกับดูซีรีส์กึ่งสารคดีทางการแพทย์ที่คมคายแต่ก็เป็นชีวิตจริงหาใช่ถูกเร้าแบบนิยายยังคงเล่าเรื่องที่ขึงขังแต่ดูเหมือนเข้มขึ้นในมุมของในเรื่องร้ายยังมีเรื่องดีเอาจริงไม่เอาใจคือซีซันนี้ไม่มีอะไรใหม่ในแง่ของบทและการเล่าเรื่อง ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมไม่ต่างจากซีซันแรกจนอาจบอกได้เลยว่าถ้าดูสองซีซันต่อกันจะแทบแยกไม่ออกว่านี่คืองานที่เป็นสองซีซัน และความจริงนั้นในแง่นี้ในซีรีส์หลายๆเรื่องที่เคยผ่านตามามักจะกลายเป็นความซ้ำ แต่ด้วยความที่ซีซันแรกมีความชัดเจนที่จะสื่อซื่อตรงที่จะขายความต่างด้วยการเล่าเรื่องที่ดูเป็นชีวิตจริงของเหล่าคุณหมอและพยาบาล ในความจริงนั้นมีแง่มุมที่ถูกเสนอในเชิงเชิดชูอยู่แค่ไม่ถูกเร้าให้กลายเป็นฮีโร่หรือกลายเป็นหมอเทวดา แต่นี่คือหมอที่เป็นมนุษย์จริงๆที่เข้าใจโลก หมอที่ได้สั่งสมประสบการณ์เพิ่มอีกขั้นจนสามารถถ่ายทอดมุมมองในความรู้สึกของคนไข้หรือญาติคนไข้ได้อย่าทะลุในฐานะมนุษย์คนหนึ่งไม่ใช่หมอและเช่นเดิมที่แม้ในมุมของหมอหรือพยาบาลคนไข้อาจเป็นหนึ่งคนที่ผ่านเข้ามา แต่ในแง่มุมของคนไข้นั้นหมอคือหมอคนเดียวของเขา และเป็นความหวังเดียวที่จะเอาชนะอาการป่วยซึ่งเรื่องในมุมนี้ในการขึ้นจอครั้งที่สองนี้ดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเรื่องราวในส่วนนี้ที่แม้จะถูกเล่าเป็นเรื่องยิบย่อยมากมายแต่กลับมีมิติที่ลึกและสัมผัสได้ด้วยใจ แต่อาจมีบ้างบางคนที่เมื่อดูจบอาจจะมองได้ว่าไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเรื่องทั้งหมดได้สื่ออะไรให้กับผู้ชม แต่ความจริงนั้นสารที่ถูกสื่อออกมานั้นขึงขังเข้มแข็งเพราะในแต่ละเรื่องยิบย่อยที่เหล่าคุณหมอต้องเจอไม่มีเรื่องไหนง่าย แต่การนำออกมาในโทนกระจ่างใสทั้งสองซีซันคล้ายกับจะบอกผู้ชมว่า ในมุมของหมอนี่คือเรื่องปกติที่ต้องพบเจออยู่ทุกวี่วัน แต่สำหรับคนไข้และญาติแล้วนี่อาจเป็นครั้งแรก ครั้งเดียว หรือเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตดังนั้นมุมในการมองเข้าไปด้วยความเข้าใจความรู้สึกของคนไข้และญาติจึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่หมอและพยาบาลต้องมี และคราวนี้เล่าเรื่องส่วนนี้ได้ดูมิติไหลลื่นและหลากหลาย แต่ไม่รู้ว่าผู้เขียนคิดไปคนเดียวหรือไม่ที่ว่าเหมือนจะดูเน้นเรื่องของครอบครัวมากขึ้นแถมยังเทียบเคียงกับครอบครัวของหมอบางคนด้วย ซึ่งถ้ามองกันให้ละเอียดนี่คือความละเมียดที่มาจากความใส่ใจจากการทำงานหนักของคนเขียนบทที่เหมือนจะเขียนไว้มากกว่าเขียนไปถ่ายไป เพราะบางแง่มุมบางจุดเปลี่ยนก็มีวางไว้ตอนต้นแล้วมาปิดตอนกลางหรือวางไว้ตอนกลางแล้วมาให้ประทับใจตอนปลายให้ได้รับรู้และเข้าใจกระทั่งอยู่ดีๆน้ำตาก็ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัวได้ในแทบทุกตอน ทั้งยังสามารถจับใจความได้อย่างซาบซึ้งกินใจด้วยเวลาฉายที่ค่อนข้างยาวในแต่ละตอน เพราะชีวิตมีเรื่องมากมายให้ได้พบเจอ เรื่องที่จะบอกก็มากมาย แต่กลับกลายเป็นเรื่องราวย่อยๆเหล่านี้ได้พาหัวใจผู้ชมไปได้สุดทาง เพราะในความเจ็บป่วยที่แม้เหมือนเป็นเรื่องร้าย อาจบางทีก็นำมาซึ่งเรื่องดีมันจึงเป็นมิติที่ดีขึ้นในความดีที่มีอยู่แล้วที่ยังคงรักษาไว้อย่างเคร่งครัดเพราะโลกมีบางสิ่งที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้การจุติของเทวดาตัวน้อย ความชราภาพที่นำมาซึ่งความเจ็บป่วย แล้วไปสู่การพรากจากและการแตกดับนี่คือสัจธรรมที่ไม่ว่าใครก็มิอาจหลีกเว้น เรื่องประดานี้ถูกเล่าออกมาในมุมที่สวยงามในการเผชิญหน้ากับสิ่งเหล่านี้ แน่นอนเมื่อการดูจนจบทุกตอนคงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าแม้เราทุกคนอาจไม่ได้เป็นหมอกันทุกคนแต่ทุกคนก็ต้องมีวันที่ต้องเป็นคนไข้ หรือต้องเป็นญาติคนไข้ที่ต้องดูแลผู้ป่วยในสักวันไม่มีใครหลีกหนีพ้นได้ เพราะกระทั่งคนใกล้ตัวหมอหรือกระทั่งหมอเองก็ยังต้องเจอกับสัจธรรมเหล่านี้ จึงเป็นการเล่าเรื่องที่ดูเหมือนหนักให้ออกมางดงามซาบซึ้ง และสามารถสัมผัสได้ด้วยใจมากมายแล้วแต่ประสบการณ์ชีวิตของใครจะสัมผัสได้เฉกเช่นแม่ของลูกที่ใช้ชีวิตอยู่ในโรงพยาบาลตั้งแต่เกิดที่แม้ว่าลูกจะจากไปแล้ว แต่ทุกความทรงจำที่มีของแม่ที่มีต่อเทวดาตัวน้อยก็คือโรงพยาบาล การมาโรงพยาบาลทั้งที่ลูกไม่อยู่แล้วก็คือการได้รู้สึกว่ายังเป็นแม่ของลูกอยู่ ได้มีคนเรียกว่าแม่ยอนอูเพราะชีวิตนอกโรงพยาบาลไม่มีความทรงจำส่วนนี้อยู่เลย หรือแม่สองคนของเด็กน้อยที่รอรับการบริจาคอวัยวะที่แม้จะต้องเจอกับเรื่องที่ยากจะทนรับได้แต่กำลังใจที่มีของคนที่เจอมาก่อนก็คือน้ำทิพย์ แค่คำว่า “ไม่เป็นไร” หรือ “มันจะผ่านไปด้วยดี” ที่อาจจะเป็นคำพูดง่ายๆ แต่คนที่เข้าใจมันเท่านั้นที่จะพูดออกมาได้อย่างมีคุณค่า กระทั่งปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นกับอีกคนหนึ่งคือพายุที่โหมกระหน่ำสู่อีกคนหนึ่งอย่างหมดทางเลี่ยง เพราะแม้จะสามารถมองโลกในแง่ดีได้เพียงใดแต่เมื่อการรอคอยของตนกลับไม่ได้รับผลของความอดทนความรู้สึกว่าทำไมจึงล้นทะลักออกมาอย่างสุดกลั้น และในอีกมุมหนึ่งพรของพระเจ้าและปาฏิหาริย์สำหรับครอบครัวหนึ่งก็คือเคราะห์ร้ายครั้งใหญ่ของครอบครัวผู้บริจาคอวัยวะ แล้วสิ่งที่ต้องทำให้ได้คือใช้ชีวิตให้ดีใช้ปาฏิหาริย์นั้นอย่างมีคุณค่า หรือมิตรภาพที่เป็นเรื่องจีรังเมื่อเพื่อนสองคนที่รักกันแต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด แต่มิตรภาพและความรักที่มีต่อกันทำให้สามารถยอมบริจาคอวัยวะให้กันได้แต่ในทางกฎหมายกลับยากจะพิสูจน์ได้ว่าเป็นเพื่อนสนิทจริงหรือไม่ เพราะความเป็นเพื่อนแท้ก็ไม่สามารถเขียนมาเป็นคำนิยามได้และสุดท้ายภาพของครอบครัวที่อยู่ห้องติดกันแต่ความรู้สึกต่างกันที่สื่อสารผ่านสายตาผู้ชมที่พร่ามัวเพราะน้ำตา นั่นคือหนึ่งครอบครัวได้รับพรจากพระเจ้าได้รับปาฏิหาริย์ให้คนที่รักรอดชีวิตหยาดน้ำตาที่หลังไหลคือความปลื้มปีติ แต่ใช่ว่าปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้นกับทุกคนภาพของห้องที่ติดกันคือความสูญเสียคนที่รักหยาดน้ำตาที่ไหลออกมาคือความเศร้าในความสูญเสีย เพราะเรื่องราวเหล่านี้คือเรื่องที่เหมือนธรรมดาในโรงพยาบาลที่เป็นเรื่องที่ไม่มีใครหลีกพ้นแม้ไม่ต้องการพบเจอ แต่บางครั้งเรื่องบางเรื่องก็ไม่ควรต้องเจอเพราะบางครั้งเรื่องร้ายๆก็อาจเกิดขึ้นกับคนดีๆ และทั้งหมดนี้คือภาพจำที่ประทับใจในสัจธรรมชีวิตที่มอบให้ผู้ชมโดยที่มองเห็นเป็นความจริงของโลก หาใช่เรื่องอุปโลกน์มาเพื่อเร่งเร้าแต่อย่างใดการแสดงที่ผู้ชมจะยิ่งรักและแผ่ขยายไปสู่หลายมิติได้อย่างน่าทึ่งสิ่งที่ต้องยกย่องของงานด้านบทที่มีตัวละครหลักถึงห้าคน ห้ามิติ ห้าบุคลิกคือการเกลี่ยบท จังหวะเวลาที่จะเน้นให้ความสำคัญต่อใครหรือกระทั่งเล่าไปพร้อมกัน ทุกอย่างดูลงตัว ลื่นไหลและผ่อนคลายไม่มีใครเด่นเกินใคร ยิ่งได้การแสดงที่เชื่อได้ว่าคนทั้งห้าเป็นเพื่อนที่สนิทกันจริงและเชื่อได้ว่าเป็นหมอจริงๆด้วยการแสดงผ่านบทที่เอาจริงก็คงไม่รู้หรอกในเรื่องของคนเป็นหมอ แต่การแสดงที่ผู้ชมเชื่อได้นั่นคือปัจจัยสำคัญ และเมื่อได้แบบนั้นคือการที่คุณหมอทั้งห้าคือหมอที่เป็นมนุษย์จริงที่อยู่ในสังคมโลกมิใช่เดินออกมาจากหน้านิยาย สิ่งที่ตามมาคือตัวละครเหล่านี้ได้ใจผู้ชมเป็นตัวละครที่ผู้ชมต้องรัก ซึ่งนักแสดงทั้งห้าทั้งจอนมีโด , โจจองซอก , ยูยอนซอก , คิมแดมยอง และจองคยองโฮก็ยังเป็นที่รักของผู้ชมเช่นเดิม เพียงแต่ในครั้งนี้ผู้ชมจะยิ่งรักพวกเขาเมื่อการแสดงดูมีพัฒนาการไปอีกขั้น เพราะบทเลือกให้มีมิติทางหัวใจเข้ามาแล้วการแสดงที่ลื่นไหลเข้ากันที่ดีอยู่แล้วก็ถูกบทพาให้ได้ใจผู้ชมยิ่งขั้น ซึ่งก็คงไม่แปลกอะไรที่คนทั้งห้าคือแกนกลางของเรื่องแต่สิ่งที่น่าทึ่งคือการพาเรื่องเดินไปข้างหน้ากลายเป็นมิติที่แผ่ขยายไปสู่เหตุการณ์ที่รายล้อมเข้ามา นั่นคือมิติของคนไข้และญาติที่คราวนี้เห็นชัดเจนเลยว่าใส่ความลึกเชิงอารมณ์ที่ไม่เร่งเร้าแต่ยังรู้สึกลึกๆกับความสะเทือนเข้าไปในทุกเรื่องราว และในทุกเรื่องย่อยที่ผ่านตาผู้ชมจะสามารถทำให้รู้สึกได้ถึงอารมณ์อย่างใดอย่างหนึ่งที่บทต้องการและทียิ่งน่าทึ่งคือนักแสดงที่มารับบทเล็กบทน้อยที่เป็นคนไข้หรือเป็นญาติคนไข้ ที่ต้องยอมรับว่าการแสดงของเกาหลีสามารถลงลึกถึงรายละเอียดปลีกย่อยได้อย่างไร้ที่ติ เพราะสำหรับนักแสดงที่มารับบทรายทางอาจมีบ้างที่คุ้นหน้าแต่ส่วนมากไม่เคยเห็นหรือเห็นแต่ไม่เคยจำ แต่ทุกคนนั้นกลับให้การแสดงอารมณ์ได้จนถึงจุดที่อยากให้ผู้ชมยิ้มก็ได้ อยากให้ผู้ชมร้องให้ก็จัดมา แม้กระทั่งตัวประกอบที่นั่งคุยกันข้างหลังยังตีสีหน้าใส่อารมณ์ได้ มันคือความละเอียดอ่อนในเรื่องของบทที่สามารถลงลึกเข้าไปจนทำให้เรื่องที่เป็นเรื่องปลีกย่อยเหล่านี้คือพลัง พลังที่ดึงดูดหัวใจและกระตุ้นสมองให้ต้องคิดในมุมของคนเหล่านั้นว่า ถ้าเป็นตัวผู้ชมเองที่ตกอยู่ในสถานะเดียวกันจะรู้สึกเช่นไรยังไม่รวมถึงนักแสดงรับเชิญที่ยังคงเป็นสีสัน ทั้งยอมเฮยรัน , อันซังอู , ยูแจมยอง (ที่เหมือนมาล้อเลียนตัวเองจาก Life) หรืออีคยูฮยองเป็นอาธิ และที่คุ้นหน้าคุ้นตามากมาย กระทั่งซีซันนี้ที่ค่อนข้างใช้เหตุการณ์รอบข้างมาเป็นตัวเดินเรื่อง ทำให้นักแสดงสมทบมีเวลาทองของตัวเองมากน้อยต่างกันไปแต่ที่แน่ๆคือไม่มีใครเป็นจุดอ่อนเรื่องการแสดงแม้แต่คนเดียวคือการแสดงเป็นคนธรรมดาให้เชื่อได้ว่าธรรมดา ซึ่งผู้เขียนมองว่ายากกว่าแสดงให้เป็นคนที่โดดเด่นเสียอีก และแน่นอนที่เป็นเอกลักษณ์คือเพลงที่เข้ากับอารมณ์ที่ถูกที่ ถูกเวลา ถูกจังหวะ แม้บางคนจะร้องเพี้ยนไม่เปลี่ยนแปลงก็ตามยังคงความประทับใจเช่นเดิมอาจไม่ถึงกับประทับใจกว่าซีซันที่แล้วแต่ก็ไม่ได้ลดน้อยลง ซึ่งอาจเป็นเพราะการเล่าเรื่องที่ไม่ได้ต่างกันเหตุการณ์ก็เหมือนต่อเนื่องกันเหมือนกับเป็นเรื่องเดียวกันที่ถูกหั่น แต่ในความเห็นส่วนตัวคือมิติที่มีดูดีกว่าเดิม เพราะเรื่องราวที่ถูกเน้นในเรื่องของแง่มุมชีวิตของคนไข้และญาติได้ถูกหยิบมาเล่าในสิ่งที่พวกเขาต้องเจอหรือสิ่งที่พวกเขาต้องตัดสินใจที่มีพลังสูงพอที่จะปักกลางใจผู้ชม มิติในเรื่องของหัวใจของความเป็นแพทย์และพยาบาลที่บางทีก็ต้องสั่งสมประสบการณ์ในการที่จะเข้าใจโลก ที่จะทำให้เข้าใจถึงหัวอกของญาติคนไข้ที่มีมาให้เจอทุกรูปแบบ หัวใจที่แกร่งปานก้อนศิลาของคนเป็นหมอเมื่อความผูกพันที่ได้ดูแลคนไข้ด้วยใจทำให้อาจรับไม่ได้ในบางเรื่องทำให้เห็นว่ากว่าจะมาเป็นหมอที่เก่งจนสามารถช่วยชีวิตคนไข้ได้มากมาย ก็ต้องผ่านความสูญเสียและต้องก้าวข้ามความรู้สึกในใจตัวเองมากพอเพราะไม่ใช่หมอทุกคนจะสามารถช่วยชีวิตคนไข้ได้ทุกคน มันคือมุมของหมอที่ก็ยังมีหัวใจแต่บางครั้งการแสดงออกอาจดูเหมือนเย็นชาแต่ไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงแล้วต้องเข้มแข็งขนาดไหน ซึ่งถ้าว่ากันที่ความประทับใจส่วนตัวผู้เขียนคิดว่าซีซันนี้ดูดีและลงตัวกว่า เพราะของเก่ายังมาเต็มที่ทั้งเรื่องของมิตรภาพความเป็นเพื่อนสนิทที่เหมือนเด็กๆที่ดูน่ารัก แล้วมามีพัฒนาการทางหัวใจให้รู้สึกชุ่มชื่นทำให้ไม่เป็นสารคดีจนเกินงาม การแสดงที่เป็นธรรมชาติก็ดูสบายตามากขึ้นทุกเรื่องที่เล่ามีแง่มุมที่ชัดในการบอกกับผู้ชมที่คราวนี้มาบอกกันตรงๆไม่ต้องตีความหรือคิดต่อ ทุกสิ่งอย่างที่มีมาให้ยังคงเป็น Hospital Playlist เต็มที่ทั้งตัวตนและจิตวิญญาณ ทั้งยังสรุปในแบบเดิมคือทำให้ผู้ชมยังอยากรู้และอยากติดตามชีวิตที่ธรรมดาของห้าคุณหมอ หรือกระทั่งเหล่าคุณหมอคนรอบข้างเรียกง่ายๆว่า จบดี สวยงาม ละมุนหัวใจเหมือนเดิมแต่ก็ยังไม่อิ่มเหมือนเดิม ถ้าซีซันที่แล้วคืองานชั้นเยี่ยมที่ต้องประทับตราว่า "อย่าเพิ่งตายถ้ายังไม่ได้ดู" ซีซันนี้ก็ยังอยู่ในระดับนั้น แต่กับความเห็นส่วนตัวล้วนๆคือดีกว่านั้นมาอีกหนึ่งขั้นดูไปบ่นไปNETFLIXขอบคุณภาพประกอบภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 / ภาพที่ 6 / ภาพที่ 7 / ภาพที่ 8 / ภาพที่ 9 / ภาพที่ 10 / ภาพที่ 11 จาก Facebook tvN dramaภาพที่ 12 จาก Facebook Netflixอ่านบทความซีซันแรกได้ที่นี่รีวิวจัดเต็ม Hospital Playlist เพลย์ลิสต์ชุดกาวน์ (2020) "ละมุนอบอุ่นใจ กับมุมใหม่ของซีรีส์การแพทย์ ที่งดงาม เชิดชู และเป็นมนุษย์"เกาะติดซีรีส์เรื่องใหม่ ๆ ได้ที่ App TrueID โหลดฟรี !