ซีรีส์ไทยเรื่องใหม่อย่าง “อนาคต” ซีรีส์ดราม่า-ไซไฟ กับเรื่องราวของอนาคตที่จะถึง มีนวัตกรรมเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามามีบทบาทในชีวิตของมนุษย์มากขึ้น จึงเกิดเรื่องราวทั้งหมด 4 เรื่องใน 1 ซีรีส์ สำหรับใครที่อยากลองรับชมแนวดราม่า-ไซไฟ ฝีมือของคนไทย มีทั้งหมด 4 ตอน รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! ซีรีส์ “อนาคต” เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับวิถีชีวิตในอนาคตที่เริ่มมีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาสู่บ้านเมืองมากขึ้น ทำให้เกิดนวัตกรรมที่น่าสนใจและมีวิถีชีวิตที่แปลกใหม่ ซึ่งซีรีส์จึงนำเสนอเรื่องราวทั้งหมด 4 เรื่อง 4 ประเด็น 4 รสชาติ นิราศแกะดำ เทคโนโยนี ศาสดาต้า เด็กหญิงปลาหมึก เรื่องย่อ และ รีวิวทั้งหมด 4 ตอน นิราศแกะดำ เรื่องย่อ “นนท์” (รับบทโดย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์) แฟนหนุ่มของ “นุ่น” (รับบทโดย วรันธร เปานิล) ผู้เป็นถึงนักวิทยาศาสตร์และนักบินอวกาศที่สร้างผลงานมากมายจนได้ทุนสำหรับการทำโปรเจกต์ปริ้นโมเดลหัวใจ โดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัดเอาหัวใจคนอื่นมาใส่ร่างของผู้ป่วยอีกต่อไป แต่โปรเจกต์ดังกล่าวก็ต้องทำให้นุ่นต้องเดินทางไปดวงจันทร์เพื่อทำการทดลองการปริ้นโมเดลหัวใจ จนกระทั่ง 3 ปีผ่านไป นนท์ก็ได้มารู้ข่าวว่าการเสียชีวิตของนุ่นหลังจากที่กำลังเดินทางกลับมาดาวโลก นั่นเลยทำให้ชีวิตของนนท์มืดแปดด้าน ใช้ชีวิตอย่างไม่เป็นสุข จนเขาก็ได้ไอเดียบางอย่าง คือการโคลนนิ่งร่างนุ่นขึ้นมาใหม่ แต่ดูเหมือนว่าการโคลนนิ่งครั้งนี้ทำให้นนท์รู้ความลับของนุ่นที่เขาเองก็ไม่เคยรู้มาก่อน รีวิวหลังจากดูจบ แค่ตอนแรกขอบอกเลยว่า เปิดมาก็เนื้อเรื่องเข้มข้นสุด ๆ ไหนจะพล็อตเรื่องที่ล้ำไปไกลมาก สำหรับตอน “นิราศแกะดำ” จะมีการสอดแทรกเรื่องความโรแมนติกเข้าไปด้วย และประเด็นสำคัญที่สุดเลยก็คือ ความหลากหลายทางเพศ ที่โผล่ออกมาในตอน “นิราศแกะดำ” นี้ด้วย อยากจะบอกว่าเรื่องราวมันลงตัวและกลมกล่อมสุด ๆ มีฉากที่ชวนน้ำตานองหน้ากันพอสมควร ร้องไห้เป็นหมาแบบของจริง การแสดงของนนท์ หรือ บอย ปกรณ์ แสดงออกมาได้ดีมาก สำหรับบทบาทคนที่สูญเสียคนรักและพยายามทำทุกวิถีทางที่จะให้เธอกลับมา มันบีบหัวใจสุด ๆ ส่วนด้านของนุ่น หรือ อิ้งค์ วรันธร ยังคงมีการแสดงแข็ง ๆ อยู่บ้าง แต่ว่าก็ไม่ได้แย่มากขนาดนั้น แอบเสียดายสำหรับเรื่อง “นิราศแกะดำ” อย่างหนึ่ง คือ จะเห็นนักแสดงหลาย ๆ คน เล่นไม่ค่อยเป็นธรรมชาติเท่าไหร่ บางคนพูดเหมือนท่องบท ไม่ได้ใส่อารมณ์ให้เข้ากับสถานการณ์ แอบเสียดายตรงจุดนี้ ส่วนที่เหลือคือดีหมด กราฟิกต่าง ๆ ทำออกมาได้ดีเลย ไม่ได้ลอยโป๊ะมากขนาดนั้น แอบคิดว่าเรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องโปรดของใครหลายคนแน่นอน สรุปคะแนน องค์ประกอบโดยรวม : ⭐⭐⭐⭐ การดำเนินเรื่อง : ⭐⭐⭐⭐⭐ งานภาพ : ⭐⭐⭐⭐ การแคสติ้ง : ⭐⭐⭐⭐ ความรู้สึกร่วมในการรับชม ⭐⭐⭐⭐ รวม : 4.2 ⭐ เทคโนโยนี เรื่องย่อ เจสสิก้า (รับบทโดย วิโอเลต วอเทียร์) ลูกสาวของหญิงขายบริการที่กามาลอร์ (Gamalore) ด้วยชีวิตที่เธอมักจะคลุกคลีอยู่กับแม่ผู้เป็นผู้ขายบริการทางเพศ เจสจึงตัดสินใจผันตัวเป็นสตาร์ทอัพ “PARADISE X” ที่จะเปลี่ยนเมืองกามาลอร์เป็นสถานที่บันเทิงชวนขึ้นสวรรค์ที่ดีที่สุดในโลก ซึ่งเจสเปิดตัวผลิตภัณฑ์เซ็กซ์โรบอท มีรากฐานมาจากโสเภณีระดับประเทศที่พร้อมจะเทรนเซ็กซ์โรบอทปฏิบัติเรื่องบนเตียงให้ไม่มีความบกพร่อง โดยคนที่ทำหน้าที่ตรวจสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์ก็ไม่ใช่ใครอื่น คือ วิธ (รับบทโดย ธามไท) แฟนหนุ่มของเจส ผู้ที่ชื่นชอบการมีเซ็กส์เป็นชีวิตจิตใจ แต่ธุรกิจของเจสก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป เพราะกระแสวิพากษ์วิจารณ์ไม่ว่าจะเป็นของฝั่งสังคม หรือฝั่งรัฐบาลที่มองว่าสิ่งนี้มันขัดต่อศีลธรรมอันดีงามของบ้านเมือง งานนี้เจสสิก้าต้องงัดกลยุทธ์อะไรถึงจะอุดช่องโหว่ความคิดที่ล้าสมัยได้ รีวิวหลังจากดูจบ สำหรับตอน “เทคโนโยนี” คือฉีกจากตอนที่ 1 ไปแบบสุด ๆ เลย เพิ่มทวีความร้อนแรงแบบทะลุปรอท นำเสนอประเด็นเรื่องการค้าขายบริการทางเพศ และเรื่องเพศที่ใครก็มองว่ามันเป็นเรื่องต่ำ ไม่ควรถูกยกออกมาพูดถึง แต่เรื่อง “เทคโนโยนี” พูดถึงฉ่ำมาก เจสสิก้า หรือ วี วิโอเลต แสดงออกมาดีมาก แสดงคาแรคเตอร์ผู้หญิงที่มีความมั่นใจ ฉลาด เป็น CEO สาวที่ล้ำสมัย คือเห็นแล้วถูกต้องมาก การพูดจาหรือการโน้มน้าวที่เล่นหูเล่นตา เรียกได้ว่ามีเสน่ห์มาก และเรื่องราวเหมือนตั้งใจจะใช้ Mood&Tone แบบยุค 80-90 ขนาดโปสเตอร์ก็อารมณ์แบบ Y2K มาก เป็นการผสมผสานออกมาได้โอเคอยู่นะ ถึงแม้ว่าบางจังหวะอาจจะแอบรู้สึกติดขัดอยู่บ้าง เพราะมันเปลี่ยน mood ไปมา แต่ก็ไม่ได้แย่มากขนาดนั้น และขอติด Trigger ว่ามีการนำเสนอเรื่องราวถึงการมีเพศสัมพันธ์กับคนที่ยังอายุไม่ถึง 18 ปีด้วย ขอบอกตรงนี้เลยละกัน สำหรับคนที่อาจจะไม่โอเคแล้วยังไม่ดู แม้จะโผล่ออกมานิดเดียวแต่ป้องกันความไม่สบายใจของใครหลายคน ซึ่งขอสรุปโดยรวมว่าเป็นตอนที่แซ่บถึงพริกถึงขิงมาก พูดถึงประเด็นเรื่องเพศออกมาได้ดี (แต่ยังรู้สึกว่ามันน่าจะไปได้มากกว่านี้) นักแสดงหลาย ๆ คนของตอนนี้คือเล่นกันดีมาก ใส่อารมณ์ ใส่พลังงานไปกับบทบาทตัวเองได้ดีกว่าเรื่องแรก สรุปคะแนน องค์ประกอบโดยรวม : ⭐⭐⭐⭐ การดำเนินเรื่อง : ⭐⭐⭐⭐ งานภาพ : ⭐⭐⭐⭐ การแคสติ้ง : ⭐⭐⭐⭐ ความรู้สึกร่วมในการรับชม ⭐⭐⭐⭐ รวม : 4 ⭐ ศาสดาต้า เรื่องย่อ พระอเนก (รับบทโดย เร แม๊คโดแนลด์) อดีตวิศวกรไอทีที่หันหน้าเข้าศาสนา เริ่มสังเกตเห็นว่าผู้คนเริ่มหันหลังให้กับพระพุทธศาสนา และเริ่มมาใช้ Ultra นวัตกรรม AI สุดอัจฉริยะ ที่รวบรวมหลักธรรมคำสอนเอาไว้ทุกอย่างเพียงแค่เปิดใช้บริการ และเมื่อไหร่ที่ได้ปฏิบัติภารกิจทำความดี ก็ได้จะแต้มทำความดีมาแลกของรางวัลได้ โดยคนคิดนวัตกรรมสุดล้ำนี้ก็คือ นีโอ (รับบทโดย เอม ถาวรศิริ) ผู้ที่มีวิสัยทัศน์ว่า “ทำบุญชาตินี้ ต้องได้รับชาตินี้” ทางด้านพระอเนกจึงเริ่มคิดหาทางช่วยฟื้นฟูพระพุทธศาสนาให้กลับมาน่าศรัทธาเลื่อมใสได้อีกครั้ง หลังจากที่ถูกเมินเฉยมาหลายพันปี รีวิวหลังจากดูจบ ตอนที่ได้เห็นพล็อตเรื่องนี้ก็คือแอบน่าสนใจแล้วว่า พระพุทธศาสนาจะมาเป็น AI ยังไง จะนำเสนอเรื่องอะไรและแก้ปัญหาแบบไหน เรียกได้ว่าอันนี้แอบเสียดสีเรื่องพระพุทธศาสนาพอสมควรเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่หลอกลวงผู้มีศรัทธา การยักยอกทรัพย์ของวัด หรือจะเป็นเรื่องพระสงฆ์ปฏิบัติตัวที่ไม่เหมาะสม ประมาณว่าขนาดพระสงฆ์ยังกล้าทำเรื่องผิดบาป ก็เป็นเหตุผลเพียงพอที่คนจะเลิกบูชาพระพุทธศาสนาและหันไปใช้ AI แทน แอบชอบตรงที่บอกว่า “ทำบุญชาตินี้ ต้องได้รับชาตินี้” เอามาเล่าเรื่องราวออกมาได้ดีมากเลย ในส่วนของกราฟิกอาจมีลอย ๆ บ้าง มีโป๊ะเป็นบางจุดแต่ก็ไม่ได้ขัดใจการดูมากเท่าไหร่ สรุปคะแนน องค์ประกอบโดยรวม : ⭐⭐⭐⭐ การดำเนินเรื่อง : ⭐⭐⭐⭐⭐ งานภาพ : ⭐⭐⭐ การแคสติ้ง : ⭐⭐⭐⭐ ความรู้สึกร่วมในการรับชม ⭐⭐⭐⭐ รวม : 4 ⭐ เด็กหญิงปลาหมึก เรื่องย่อ เมื่อโลกของเรากำลังเผชิญหน้ากับสภาวะ “ฝนอึด” คือ ฝนตกนานตลอดทั้งวันทั้งคืนโดยไม่มีหยุด ทำให้พื้นที่หลายแห่งเริ่มจมใต้น้ำเมื่อเกิดการระบายน้ำไม่ทัน ทางภาครัฐเองก็ไม่ได้ดำเนินการช่วยเหลือได้อย่างทั่วถึง โดยเฉพาะสลัมนีโอคลองเตย ซึ่งถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ไม่มีแม้กระทั่งหน่วยงานเจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยเหลือเลยสักครั้ง จนกระทั่งองค์การอนามัยโลกได้ค้นพบการเอาตัวรอด ให้มีการฉีดวัคซีน “มนุษย์น้ำ” มีผลข้างเคียงตรงที่จะมีหนวดปลาหมึกงอกออกมาใต้คาง นั่นจึงทำให้ทางรัฐไม่สนับสนุนวัคซีนดังกล่าวเพราะเกิดความไม่ไว้วางใจ เรื่องใหญ่ขนาดนี้แต่สำหรับ กัลปังหา (รับบทโดย วณิชชยา พรมปนฤทธิชัย) และ มุก (รับบทโดย ชนัญธิชา ชัยภา) 2 เพื่อนสนิทผู้ที่จะมาพลิกวิกฤตฝนตกมานานกว่า 2 ปี เพื่อปกป้องผู้คนในสลัมนีโอคลองเตยได้กลับมาใช้ชีวิตที่ดีอีกครั้ง รีวิวหลังจากดูจบ เรื่องนี้จะแตกต่างจาก 3 เรื่องก่อนหน้าเลย เพราะจะสังเกตเห็นได้ว่านักแสดงตลกจะมาอยู่ในเรื่องนี้เยอะมาก แน่นอนว่าความตลก ความตบมุกมาจัดเต็ม อาจจะมีมุกแห้ง ๆ บ้าง แต่ก็พอเรียกอมยิ้มได้อยู่ เพราะแอบสะท้อนสังคมออกมาได้แสบอยู่นะ เรียกได้ว่าบางคาแรคเตอร์นี่แอบ เอ๊ะ! เลยว่ากำลังแสดงเป็นใคร สำหรับเรื่อง “เด็กหญิงปลาหมึก” ค่อนข้างเบาสมองมาก หลังจากที่ 3 เรื่องแรกนำเสนอแต่เรื่องที่หนัก ๆ ไปแล้ว เลยให้เรื่องสุดท้ายเป็นแนวขบขัน มีให้ยิ้มออกมาบ้าง ซึ่งเราชอบมากนะ พอเครียด ๆ จากเรื่องก่อนหน้านี้มาพักสมองกับตอนสุดท้ายก็ถือว่าไม่แย่ การนำเสนอประเด็นยังค่อนข้างอ่อนไปหน่อย อาจจะเพราะแสดงไปในเชิงตลกเลย จึงไม่ค่อยมีฉากชวนซีเรียสเท่าไหร่ ประเด็นมันเลยเบากว่า 3 เรื่องแรก แต่ชอบฉากจบ ไม่คิดว่าจะพีคขนาดนี้เหมือนกัน จบแบบอ้าปากค้างสุด ๆ สรุปคะแนน องค์ประกอบโดยรวม : ⭐⭐⭐⭐ การดำเนินเรื่อง : ⭐⭐⭐⭐ งานภาพ : ⭐⭐⭐⭐ การแคสติ้ง : ⭐⭐⭐⭐ ความรู้สึกร่วมในการรับชม ⭐⭐⭐⭐⭐ รวม : 4.2 ⭐ เครดิตรูปภาพ ภาพปก มีรูปภาพที่ 1 , 2 , 3 , 4 จาก netflixth รูปภาพประกอบที่ 1 , 2 , 3 , 4 , 5 จาก netflixth เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !