American Sniper (สไนเปอร์มือพระกาฬ แห่งประวัติศาสตร์อเมริกา) เป็นภาพยนตร์ที่ได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างจากหนังสือที่เขียนชีวประวัติเรื่องจริงของ คริส ไคล์ ที่เขาเป็นคนเขียนเอง โดยเขาได้รับการยกย่องว่าเป็นมือสไนเปอร์ที่ร้ายกาจที่สุดของสหรัฐอเมริกา ในสงครามอิรักเขาได้สังหารศัตรูไปกว่า 160 คนหรืออาจจะมากกว่านั้น จนกลายเป็นตำนานกล่าวขานถึงวีรกรรมของเขาและเขาก็ยังได้รับเหรียญเกียรติยศอีกหลายเหรียญ แต่แล้วชีวิตของเขาก็ต้องจบลงด้วยน้ำมือของทหารผ่านศึกนายหนึ่งที่ป่วยเป็นโรคประสาทหลอนเนื่องจากความเครียด หรือ (Post-Traumatic Stress Disorder : PTSD) ซึ่งจะเป็นกันมากในหมู่ทหารผ่านศึกในอเมริกา เขาและเพื่อนของเขาได้พาทหารผ่านศึกนายนี้ไปที่สนามซ้อมยิงปืนเพื่อหวังว่าจะบรรเทาความเครียดแต่แล้วสุดท้ายคริสและเพื่อนก็ต้องจบชีวิตลงด้วยน้ำมือของชายคนที่เขามอบความหวังดีให้นั่นเอง และนี่ก็คือส่วนหนึ่งของเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับชีวิตของ คริส ไคล์ขอบคุณภาพจาก Warner Bros มาว่ากันด้วยเนื้อหาของหนังเรื่องนี้กันครับ หนังเรื่องนี้ชื่อว่า American Siniper (สไนเปอร์มือพระกาฬ แห่งประวัติศาสตร์อเมริกา) เล่าเรื่องของคริส ไคล์ ที่ถูกพ่อของเขาสอนให้ใช้ปืนและล่าสัตว์ตั้งแต่เด็ก เติบโตมาพร้อมกับน้องชาย วันหนึ่งหลังจากที่เขากลับมาบ้านก็พบว่าภรรยาของตัวเองนั้นกำลังนอนกับชายอื่น เขาจึงไล่เธอออกจากบ้านไปแล้วมานั่งดูทีวีกับน้องชาย ในทีวีคริสเห็นข่าวเกี่ยวกับการก่อการร้ายในอเมริกา ชายผู้ที่ไม่มีอะไรจะเสียอย่างเขาเลยตัดสินใจว่าอยากจะรับใช้ชาติโดยการสมัครเข้าร่วมกับหน่วยซิลขอบคุณภาพจาก Warner Bros หลังได้เข้าฝึกจนจบ เขาก็เข้ารับการฝึกเป็นสไนปอร์ต่อเลยทันทีเพราะคริสมีทักษะในการยิงปืนที่ยอดเยี่ยมจากการที่เขาถูกพ่อสอนมาตั้งแต่เด็ก ๆ อยู่แล้วด้วย ระหว่างนั้นเขาก็ได้พบรักกับหญิงสาวคนหนึ่งจนได้แต่งงานกันในเวลาต่อมา แล้วจากนั้นเรื่องที่เขารู้อยู่แล้วว่าต้องเจอก็มาถึงนั่นก็คือมีคำสั่งให้เขานั่นไปช่วยภารกิจในอิรัก และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดที่จะนำเขาไปสู่การเป็นบุรุษที่ร้ายกาจที่สุดในตำนานแห่งวงการสไนเปอร์แห่งอเมริกา เรื่องราวของเขาจะเป็นอย่างไรต่อนั้น เพื่อน ๆ สามารถรับชมต่อได้ทาง Netflix ผ่านกล่อง True ID ได้เลยครับขอบคุณภาพจาก Warner Brosขอบคุณภาพจาก Warner Bros หนังเรื่องนี้สามารถถ่ายทอดเรื่องราวของทหารอเมริกาที่เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ในอิรักได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้เห็นถึงความตึงเครียดของทหารที่เข้าไปรบได้อย่างดีเลยครับเพราะการตัดสินใจทุกอย่างนั้นสำคัญอย่างมากหากตัดสินใจพลาดเพียงนิดเดียวนั่นก็อาจจะทำให้ชีวิตของเพื่อนทหารด้วยกันนั้นตกอยู่ในอันตรายเลยทีเดียว เนื้อหาของหนังโดยรวมก็ไม่ได้ซับซ้อนดูแล้วเข้าใจง่ายมากและด้วยความเป็นหนังชีวประวัติก็เลยทำให้ฉากบู๊แหลกแจกระเบิดไม่ค่อยมีมาก แต่ดูแล้วสนุก ถือว่าเป็นหนังคุณภาพอีกเรื่องหนึ่ง โดยได้รับรางวัลออสก้าถึง 6 สาขาเป็นเครื่องการันตีอีกด้วย ใครที่ชอบหนังแนวนี้อยู่แล้วต้องห้ามพลาดเลยนะครับขอบคุณภาพหน้าปกจาก Warner Bros